วันนี้ 12 (ต.ค.) พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยศักดิ์
ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
สนธิกำลังร่วมกับตำรวจกองปราบปราม นำกำลังเข้าตรวจค้นบริษัท ดิจิตอล
คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 338 อาคาร ดี. ซี. เอช. แอล
จำกัด ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพ ฯ
ซึ่งจดทะเบียนกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)เป็นบริษัทขายตรงน้ำมันหอม
ระเหยและตะเกียง
แต่มีผู้ร้องเรียนว่าบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่
มีการชักชวนให้ร่วมลงทุนและหาสมาชิก เพิ่ม
โดยพ.ต.อ.นิรันดร์ กล่าวว่า ได้ขอออกหมายจับผู้ต้องหารวม 20 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างประเทศ 3 คน และสามารถจับกุมได้แล้วประกอบด้วย นายฮวง เชียง เชียง ชาวไต้หวัน อายุ 43 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการ , น.ส.หว่อง คิน ซี อายุ 36 ปี ชาวฮ่องกง และ น.ส.เฉิน เป่า หยี อายุ 32 ปี ชาวฮ่องกง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามจับกุมโดยส่วนใหญ่ที่ ถูกออกหมายจับจะเป็นผู้ทำหน้าที่ขึ้นเวทีชักชวนให้สมาชิกเข้าร่วมลงทุนซื้อ น้ำมันหอมระเหยและตะเกียง ซึ่งต้องเสียค่าสมัครครั้งแรกเป็นเงินกว่า 12,300 บาท ก่อนจากนั้นจึงมีโอกาสเลื่อนระดับโดยจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินปันผลจำนวน 41,000 บาท ก็ต่อเมื่อต้องจ่ายเงินลงทุนเป็นเงิน 192,600 บาทต่อราย เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.อ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายประมาณ 70 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาทโดยประชาชนที่ถูกหลอกมีอยู่ทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก เฉียงเหนือซึ่งมีการตั้งสาขาใหญ่อีก 1 แห่งที่จังหวัดนครราชสีมา โดยวิธีการหลอกลวงจะจัดอบรมตามโรงแรมต่างๆซึ่งมีวิทยากรชักชวนให้ร่วมเป็น สมาชิกและเชิญชวนให้ซื้อสินค้าโดยโฆษณาชวนเชื่อว่าจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน สูง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมีวิธีการพูดที่น่าเชื่อถือ เจาะกลุ่มคนที่มีเงินน้อยซื้อน้อย มีเงินมากซื้อมาก หากมีการชักชวนสมาชิกได้เพิ่มจะได้ค่าตอบแทนอีกหัวละ 21,000-26,000 บาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีการโฆษณาชักชวนสมาชิกผ่านเว็บไซด์ และอ้างว่าเงินปันผลสามารถนำไปเป็นมรดกตกทอดถึงเครือญาติได้ อย่างไรก็ตามในวันนี้(12ต.ค.) พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานรายละเอียดสมาชิก เพื่อนำไปตรวจสอบข้อมูลลูกค้าและจำนวนสินค้าทั้งหมด เพื่อนำมาวิเคราะห์ความเสียหายในภาพรวม รวมถึงเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเงินด้วย
ทั้งนี้ การจะสั่งปิดบริษัทดังกล่าวเป็นอำนาจของสคบ. ซึ่งทราบว่าก่อนหน้านี้สคบ.ได้สั่งปิดกิจการแล้วแต่บริษัทดังกล่าวไม่ดำเนิน การตามคำสั่งแต่ยอมเสียค่าปรับวันละ 10,000 บาทที่ล่าสุดมียอดค่าปรับรวมกว่า 600,000 บาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีรายละเอียดลูกค้าทั้งหมดไป ตรวจสอบ รวมถึงแฟ้มเอกสารทางการเงินซึ่งพบว่าวันนี้เพียงวันเดียวมียอดสั่งซื้อมาก ถึง 39 ล้านบาท โดยเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบบริษัทมีกำไรมากถึง 198 ล้านบาทด้วย สำหรับยอดสมาชิกจากการตรวจสอบข้อมูลของสคบ.พบปี 2554 มีสมาชิกกว่า 20,000 คน แต่ขณะนี้เชื่อว่าน่าจะมียอดสมาชิกไม่ต่ำกว่า 40,000 คน
โดยพ.ต.อ.นิรันดร์ กล่าวว่า ได้ขอออกหมายจับผู้ต้องหารวม 20 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างประเทศ 3 คน และสามารถจับกุมได้แล้วประกอบด้วย นายฮวง เชียง เชียง ชาวไต้หวัน อายุ 43 ปี เป็นกรรมการผู้จัดการ , น.ส.หว่อง คิน ซี อายุ 36 ปี ชาวฮ่องกง และ น.ส.เฉิน เป่า หยี อายุ 32 ปี ชาวฮ่องกง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามจับกุมโดยส่วนใหญ่ที่ ถูกออกหมายจับจะเป็นผู้ทำหน้าที่ขึ้นเวทีชักชวนให้สมาชิกเข้าร่วมลงทุนซื้อ น้ำมันหอมระเหยและตะเกียง ซึ่งต้องเสียค่าสมัครครั้งแรกเป็นเงินกว่า 12,300 บาท ก่อนจากนั้นจึงมีโอกาสเลื่อนระดับโดยจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินปันผลจำนวน 41,000 บาท ก็ต่อเมื่อต้องจ่ายเงินลงทุนเป็นเงิน 192,600 บาทต่อราย เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
พ.ต.อ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายประมาณ 70 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาทโดยประชาชนที่ถูกหลอกมีอยู่ทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก เฉียงเหนือซึ่งมีการตั้งสาขาใหญ่อีก 1 แห่งที่จังหวัดนครราชสีมา โดยวิธีการหลอกลวงจะจัดอบรมตามโรงแรมต่างๆซึ่งมีวิทยากรชักชวนให้ร่วมเป็น สมาชิกและเชิญชวนให้ซื้อสินค้าโดยโฆษณาชวนเชื่อว่าจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทน สูง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะมีวิธีการพูดที่น่าเชื่อถือ เจาะกลุ่มคนที่มีเงินน้อยซื้อน้อย มีเงินมากซื้อมาก หากมีการชักชวนสมาชิกได้เพิ่มจะได้ค่าตอบแทนอีกหัวละ 21,000-26,000 บาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีการโฆษณาชักชวนสมาชิกผ่านเว็บไซด์ และอ้างว่าเงินปันผลสามารถนำไปเป็นมรดกตกทอดถึงเครือญาติได้ อย่างไรก็ตามในวันนี้(12ต.ค.) พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานรายละเอียดสมาชิก เพื่อนำไปตรวจสอบข้อมูลลูกค้าและจำนวนสินค้าทั้งหมด เพื่อนำมาวิเคราะห์ความเสียหายในภาพรวม รวมถึงเก็บข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเงินด้วย
ทั้งนี้ การจะสั่งปิดบริษัทดังกล่าวเป็นอำนาจของสคบ. ซึ่งทราบว่าก่อนหน้านี้สคบ.ได้สั่งปิดกิจการแล้วแต่บริษัทดังกล่าวไม่ดำเนิน การตามคำสั่งแต่ยอมเสียค่าปรับวันละ 10,000 บาทที่ล่าสุดมียอดค่าปรับรวมกว่า 600,000 บาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีรายละเอียดลูกค้าทั้งหมดไป ตรวจสอบ รวมถึงแฟ้มเอกสารทางการเงินซึ่งพบว่าวันนี้เพียงวันเดียวมียอดสั่งซื้อมาก ถึง 39 ล้านบาท โดยเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบบริษัทมีกำไรมากถึง 198 ล้านบาทด้วย สำหรับยอดสมาชิกจากการตรวจสอบข้อมูลของสคบ.พบปี 2554 มีสมาชิกกว่า 20,000 คน แต่ขณะนี้เชื่อว่าน่าจะมียอดสมาชิกไม่ต่ำกว่า 40,000 คน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น