วันที่ (12 ต.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 10
ต.ค.ที่ผ่านมา
ศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องกรณีที่อาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
(นิด้า) ยื่นเรื่องขอให้พิจารณาระงับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลก่อน
โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า
อยู่นอกเหนืออำนาจศาลและผู้ร้องยังมิใช่เป็นบุคคลซึ่งถูกถูกละเมิดสิทธิ
เสรีภาพ อันสืบเนื่องมาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญ
จึงไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ มาตรา 212
ในส่วนของการเคลื่อนไหวของสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้มีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 4 ต.ค. เพื่อให้มีการพิจารณาระงับโครงการรับจำนำมันสำปะหลังของรัฐบาลออกไปก่อนเช่น เดียวกันนั้น นายธีรชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แสดงความมั่นใจว่าในส่วนของการยื่นเรื่องยับยั้งโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ของรัฐบาลนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่วินิจฉัยซ้ำรอยการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวอย่างแน่นอน เนื่องจากกลุ่มผู้ร้องนั้นเป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อโครงการดัง กล่าว ซึ่งเชื่อว่าในกรณีของโครงการรับจำนำมันสำปะหลังจะต้องมีการพิจารณาให้ชะลอ หรือยับยั้งโครงการจนกว่าโครงการรับจำนำมันสำปะหลังจะมีข้อสรุปที่เกิด ประโยชน์เป็นที่พอใจของเกษตรกรอย่างแน่นอน
นายธีรชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังยังให้แกนนำเดินหน้าลงพื้นที่ชี้แจงทำ ความเข้าใจกับทางเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั้งทั่วประเทศให้ได้รู้ถึงผล เสียของโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูกาลผลิต ปี 2555/2556 ที่กำลังจะมีการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทางสมาคมเห็นว่าราคารับจำนำมันสำปะหลัง ที่ทางคณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์เตรียมนำเสนอ ครม.นั้นต่ำกว่าราคาท้องตลาด ซึ่งหากมีการเริ่มโครงการรับจำนำแล้วอาจจะเป็นทำให้ผู้ประกอบการโรงแป้งลาน มันถือโอกาสกดราคามันสำปะหลังให้ต่ำลงกว่าที่เป็นอยู่ซึ่งจะส่งผลเสียกับ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง รวมถึงหลักเกณฑ์การจ่ายราคารับจำนำนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายส่วน ซึ่งมองแล้วเป็นการพยายามเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการมากกว่าเกษตรกร
โดยเฉพาะการเพิ่มราคาค่าแปรสภาพมันสำปะหลังให้กับโรงแป้ง แต่กลับปรับลดราคารับจำนำมันสำปะหลังจากโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูกาล ผลิต ปี 2554/2555 ราคารับจำนำเริ่มต้นที่ 2.75 บาทต่อกิโลกรัมและเพิ่มขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ แต่ปีนี้ให้เริ่มต้นที่ 2.5 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่ในปีนี้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรปรับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ดังนั้นทางสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงไม่เห็นด้วยต่อ หลักเกณฑ์การรับจำนำดังกล่าว และยืนยันว่าจะต้องได้ราคารับจำนำเริ่มต้นที่ 2.75 บาท เช่นเดิมเหมือนปีที่ผ่านมาและปรับราคาขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ เนื่องจากราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.80 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากไม่ได้ตามข้อเรียกร้องก็จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยพิจารณาบังคับให้ รัฐบาลชะลอหรือยกเลิกโครงการรับจำนำในปีนี้ไปเสีย แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกคำร้องทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั่ว ประเทศก็จะรวมตัวใช้มวลชนเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป
ในส่วนของการเคลื่อนไหวของสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้มีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 4 ต.ค. เพื่อให้มีการพิจารณาระงับโครงการรับจำนำมันสำปะหลังของรัฐบาลออกไปก่อนเช่น เดียวกันนั้น นายธีรชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แสดงความมั่นใจว่าในส่วนของการยื่นเรื่องยับยั้งโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ของรัฐบาลนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่วินิจฉัยซ้ำรอยการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวอย่างแน่นอน เนื่องจากกลุ่มผู้ร้องนั้นเป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อโครงการดัง กล่าว ซึ่งเชื่อว่าในกรณีของโครงการรับจำนำมันสำปะหลังจะต้องมีการพิจารณาให้ชะลอ หรือยับยั้งโครงการจนกว่าโครงการรับจำนำมันสำปะหลังจะมีข้อสรุปที่เกิด ประโยชน์เป็นที่พอใจของเกษตรกรอย่างแน่นอน
นายธีรชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังยังให้แกนนำเดินหน้าลงพื้นที่ชี้แจงทำ ความเข้าใจกับทางเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั้งทั่วประเทศให้ได้รู้ถึงผล เสียของโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูกาลผลิต ปี 2555/2556 ที่กำลังจะมีการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทางสมาคมเห็นว่าราคารับจำนำมันสำปะหลัง ที่ทางคณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์เตรียมนำเสนอ ครม.นั้นต่ำกว่าราคาท้องตลาด ซึ่งหากมีการเริ่มโครงการรับจำนำแล้วอาจจะเป็นทำให้ผู้ประกอบการโรงแป้งลาน มันถือโอกาสกดราคามันสำปะหลังให้ต่ำลงกว่าที่เป็นอยู่ซึ่งจะส่งผลเสียกับ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง รวมถึงหลักเกณฑ์การจ่ายราคารับจำนำนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายส่วน ซึ่งมองแล้วเป็นการพยายามเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการมากกว่าเกษตรกร
โดยเฉพาะการเพิ่มราคาค่าแปรสภาพมันสำปะหลังให้กับโรงแป้ง แต่กลับปรับลดราคารับจำนำมันสำปะหลังจากโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูกาล ผลิต ปี 2554/2555 ราคารับจำนำเริ่มต้นที่ 2.75 บาทต่อกิโลกรัมและเพิ่มขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ แต่ปีนี้ให้เริ่มต้นที่ 2.5 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่ในปีนี้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรปรับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ดังนั้นทางสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงไม่เห็นด้วยต่อ หลักเกณฑ์การรับจำนำดังกล่าว และยืนยันว่าจะต้องได้ราคารับจำนำเริ่มต้นที่ 2.75 บาท เช่นเดิมเหมือนปีที่ผ่านมาและปรับราคาขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ เนื่องจากราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.80 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากไม่ได้ตามข้อเรียกร้องก็จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยพิจารณาบังคับให้ รัฐบาลชะลอหรือยกเลิกโครงการรับจำนำในปีนี้ไปเสีย แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกคำร้องทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั่ว ประเทศก็จะรวมตัวใช้มวลชนเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น