ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายวิเชียร อัศว์ศิวะกุล ประธานกรรมการบริษัท นิธิทัศน์ โอเอโอ จำกัด อดีตต้นสังกัดของ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ อดีตนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น ที่ผูกคอตายเสียชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในการนำศพของนักร้องคนดังกลับประเทศไทย นายวิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้ทางครอบครัวของเอ๋ ได้แก่ นางศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ และนายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ มารดาและพี่ชายของนักร้องสาว ซึ่งพักอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด กำลังรอนำเอกสารที่เตรียมมอบอำนาจในการเคลื่อนย้ายศพไปส่งให้สถานกงสุลใหญ่ สหรัฐฯ ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งจะต้องดำเนินการในวันจันทร์ที่ 15 ต.ค.นี้ เนื่องจากวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ หลังจากนั้นถึงจะทราบว่าศพของเอ๋จะเดินทางมาถึงไทยเมื่อไหร่
นายวิเชียรกล่าวต่อว่าส่วนตัวไม่ปักใจเชื่อว่าเอ๋จะฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีเหตุจูงใจ ชีวิตยังมีความสุขดี เร็วๆ นี้ ก็กำลังจะจบการศึกษาด้านพยาบาล อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนเอ๋ยังโทรศัพท์มาหานายเดชา จินดาพล สมาชิกวงรอยัลสไปรท์ส ที่ขณะนี้ทำงานให้บริษัท นิธิทัศน์ โอเอโอ จำกัด ของตนเองว่า ให้ช่วยเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการศึกษาที่โรงเรียนเก่า เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาเพิ่มเติมด้วย ประกอบกับนางศรีสุดารัตน์ มารดาของเอ๋ก็ไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายเช่นกัน เนื่องจากเท่าที่ทราบ บ้านพักที่เอ๋อาศัยอยู่เป็นบ้านของสามี-ภรรยาชาวอเมริกันผิวดำ อายุ 70-80 ปี และมีลูกชายอีกคน ซึ่งเอ๋ดูแลพยาบาลอยู่ ต่อมาภรรยาของเขาเสียชีวิต จึงสงสัยได้ว่าอาจจะเกิดปัญหากันในบ้านหรือเปล่า แต่ก็เป็นเพียงการสันนิษฐานของมารดาเอ๋เท่านั้น
ประธานกรรมการบริษัทนิธิทัศน์ฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนค่าใช้จ่าย ยืนยันว่าจะจ่ายค่าดำเนินการนำศพกลับไทย ประมาณ 7-8 พันดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่ชายของเอ๋มาปรึกษาว่าควรจะเผาศพที่อเมริกาเลยดีหรือไม่ เพราะถ้าประกอบพิธีที่นั่นแล้วนำกลับมาเพียงกระดูกจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 3 พันดอลล่าห์สหรัฐ แต่ส่วนตัวอยากพาเอ๋กลับบ้านมากกว่า เพราะถ้าทิ้งไว้ที่นั่นก็กลัวดวงวิญญาณเขาเคว้งคว้าง และแม้ว่าเอ๋จะออกจากต้นสังกัดมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ตนก็อยากจะทำบุญครั้งใหญ่นี้ให้ เพราะที่ผ่านมาทางบริษัทและเอ๋ผูกพันกันเป็นอย่างดี เอ๋เป็นนักร้องที่สร้างความสุขให้แก่คนไทยมากว่า 30 ปี ซึ่งตนจะเป็นเจ้าภาพในการทำพิธีบำเพ็ญกุศลทุกคืน ตั้งใจจะตั้งศพไว้ที่วัดสายไหม ย่านลำลูกกา เนื่องจากแฟนคลับจะได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัย และเคารพศพได้สะดวก นอกจากนี้เนื่องจากเอ๋เป็นหัวเรือใหญ่ของบ้านที่ส่งเสียเงินเลี้ยงดูคนใน ครอบครัวมาตลอด ก็จะให้ลูกชายของตนเป็นผู้จัดการในส่วนค่าเลี้ยงดูรายเดือนที่จะมอบให้แก่ ครอบครัวของนักร้องคนดังด้วย แต่จะเดือนเท่าไหร่ ยังปรึกษากันอยู่
ด้าน ก้อย-พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี อดีตนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น เปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวพี่เอ๋-พัชราแล้วตกใจมาก ตนไม่ได้เจอพี่เอ๋นานมากแล้ว ตั้งแต่เขาไปอยู่อเมริกา แต่ก็พอจะทราบข่าวของเขาบ้าง ตอนแรกที่รู้ข่าวก็ช็อกมาก แต่ว่าเป็นอุบัติเหตุก็พอทำใจได้ แต่พอมาทราบอีกครั้งว่าเป็นการฆ่าตัวตายก็ตกใจมาก พี่เอ๋เขาไม่ใช่คนคิดมาก เขาใช้ชีวิตแบบมีความสุข ตนก็ไม่ค่อยสนิทกับพี่เอ๋มาก แต่ก็มีเจอกันเวลาไปร้องเพลงโชว์ตัวด้วยกัน เพราะเข้ามาเป็นนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น ต่อจากพี่เอ๋ที่ออกจากวงไปเป็นศิลปินเดี่ยว พี่เขาออกจะเป็นคนห้าวๆ ด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะฆ่าตัวตาย แต่คิดว่าน่าจะเกิดจากไปอยู่เมืองนอกตัวคนเดียวก็คงเหงา เวลามีปัญหาไม่รู้จะไประบายกับใคร คนที่จะทำอะไรอย่างนี้ได้มันคงเป็นแค่ความคิดวูบเดียวจริง ๆ ตนกับพี่เอ๋เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อตอนไปร้องเพลงที่ภูเก็ตเมื่อหลายสิบปี ก่อน ตอนที่พี่เขาดัง ตนยังเป็นนักเรียนอยู่เลย
ที่ จ.ร้อยเอ็ด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่แผงขายอาหารทะเลในตลาดสด อ.เสลภูมิ เพื่อพบกับนางศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ มารดาของเอ๋-พัชรา แวงวรรณ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกสาว พบว่าร้านปิดเงียบ จึงตามไปที่บ้านพัก พบผู้เป็นแม่และพี่ชายอยู่ภายในบ้านแต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพใดๆ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่ารู้สึกว่าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะกระแสข่าวที่ว่าลูกเสียชีวิตด้วยการแขวนคอตาย ตนและลูกชายไม่เชื่อและคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ จากนี้จะยื่นเรื่องถึงสถานทูตสหรัฐฯ ให้ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของคดีนี้ ก่อนปิดประตูบ้านห้ามนักข่าวเข้า และเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางต่อไปยังบ้านเลขที่ 47 หมู่ 5 บ้านโพนเงิน ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านของนายโกศล แวงวรรณ อายุ 77 ปี อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด 2 สมัย บิดาของ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ กล่าวว่าตนและภรรยาได้แยกทางกันขณะเอ๋ยังเด็ก ส่วนบุตรชายคนโตอยู่กับแม่ หลังจากเอ๋ เข้าสู่วงการเป็นนักร้องดัง แล้วพลิกผันตัวเองไปทำมาหากินอยู่ที่สหรัฐอเมริกา พร้อมกับร้องเพลงตามร้านอาหารไปด้วย ขณะทำงานก็พยายามหาเวลาไปเรียนต่อด้านวิชาชีพพยาบาลจนใกล้จะจบ ระหว่างนั้นเอ๋จะติดต่อและส่งเงินให้แม่และพี่ชายใช้อยู่ทุกๆ เดือน เดือนละนับหมื่นบาท ส่วนตนพอมีอยู่มีกินพึ่งพาตนเองได้ บอกเอ๋ไม่ต้องมาช่วย แต่เอ๋ก็พยายามโทรฯ หา เขาเป็นลูกที่ดี แม้พ่อแม่จะแยกทางกัน แต่เรายังเป็นพ่อลูกกัน ยังติดต่อกันอยู่ประจำ และให้กำลังใจกันมาตลอด
นายโกศลกล่าวต่อว่า จนทราบข่าวเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ว่าเอ๋ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว ก็รู้สึกท้อใจน้ำตาคลอที่ลูกเอ๋ต้องมาจากไป เขาเป็นลูกสุดที่รักของพ่อมาตลอด และต่อมามีข่าวเสนอเพิ่มเติมว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการแขวนคอตาย ทำให้ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ และไม่เชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะลูกสาวคนนี้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย อัธยาศัยดี มีฐานะพออยู่พอกิน ไม่เดือดร้อน และไม่มีปัญหาชีวิตใดๆ ข่าวที่ออกมาตนได้พูดคุยกับแม่และพี่ชายของเอ๋แล้ว เราจะเตรียมเอกสารเข้ายื่นที่จังหวัด เพื่อให้จังหวัดประสานไปยังสถานกงสุล หรือสถานทูต ให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้ ในตอนนี้พวกเราทุกคนยังไม่เชื่อกับเรื่องการแขวนคอตายเอง และเราได้คุยกับแม่ของเอ๋ว่าให้ทางฝ่ายแม่เป็นผู้ประสานงาน และการเดินทางไปรับศพลูกสาว ส่วนตนจะรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านเพราะอายุมากไปมาลำบาก เมื่อรับศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดใด วันเวลาใดแน่ชัดแล้วก็จะไปร่วมพิธีทันที
“ทราบมาบ้างว่าเอ๋มีแฟนเป็นตำรวจแอลเอ เป็นชาวอเมริกัน ลักษณะคบหากันเฉยๆ ยังไม่ได้แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า”
ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์จากนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย รายงานว่านายบรรณา วังวิวัฒน์ กงสุลฝ่ายคุ้มครองดูแลคนไทย ณ สถานกงสุลประจำนครลอสแอนเจลิส เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับตำรวจแอลเอเมื่อตอนบ่ายวันที่ 12 ต.ค.(ตามเวลาท้องถิ่น) ได้รับคำตอบว่าการเสียชีวิตของเอ๋-พัชรา แวงวรรณ ไม่ใช่การฆาตกรรมแน่นอน แต่ยังไม่มีรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรจากตำรวจ “จากประวัติ ตอนแรกๆ ที่คุณเอ๋มาอยู่สหรัฐฯ ได้ทำงานดูแลผู้สูงอายุ และพักอยู่ที่บ้านเช่าหลังเดียวกัน ขนาด 2 ชั้น 4 ห้องนอน ต่อมาคุณเอ๋ได้เรียนภาษา และเรียนวิชาชีพด้านผู้ช่วยพยาบาล และได้ทำงานถึง 3 แห่ง จึงไม่ได้ดูแลผู้สูงอายุคนดังกล่าวอีก แต่ก็ยังเช่าบ้านเดิมอยู่ ก่อนหน้านั้นไม่นาน เจ้าของบ้านบอกว่า คุณเอ๋บอกว่าจะซื้อของขวัญให้หลาน และส่งเงินกลับบ้านให้คุณแม่เดือนละ 25,000 บาทเป็นประจำ ต่อมาไม่นานเธอมีปัญหาตกงาน ซึ่งทางเจ้าของบ้านไม่แน่ใจว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอฆ่าตัวตายหรือไม่”.