เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันโอบล้อมบ้านหลังดังกล่าว พร้อมทั้งได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ได้มีชายฉกรรจ์ 3 คน ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านได้ใช้อาวุธปืนสงครามและอาวุธปืนพกสั้นยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนทั้ง 2 ฝ่าย เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนานกว่า 10 นาที ร.ท.ปรีชา หัวหน้าชุดได้วิทยุประสานขอกำลังสนับสนุน กระทั่ง พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จ.นราธิวาส และ พ.อ.พสิษฐ์ ชาญเลขา หน.ชุดปฏิบัติการณ์พิเศษร่วม จ.นราธิวาส ได้นำกำลังเข้าสนับสนุน และได้ประกาศให้ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนมอบตัวแต่โดยดี แต่กลับถูกนายมะซาเอ๊ะและพวก ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่จนทั้ง 2 ฝ่าย เปิดฉากยิงปะทะกันอีกละลอก นายมะซาเอ๊ะและพวกเห็นจวนตัว จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงเบิกทางและอาศัยความมืดพากันหลบหนีทางประตูหลังของบ้านพัก แต่นายมะซาเอ๊ะถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตห่างจากประตูหลังบ้านพักประมาณ 20 เมตร ส่วนลูกสมุนของนายมะซาเอ๊ะอีก 2 คน หลบหนีไปได้ ซึ่ง 1 ใน 2 คน ทราบชื่อนายฮัสมัน สามะแม็ง อายุ 36 ปี เนื่องจากทำบัตรประชาชนหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ
ต่อมา พ.ต.ท.เนติธร วัตตธรรม นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 และ พนักงานสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายมะซาเอ๊ะ ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่พรุนไปทั้งร่าง และใกล้กันมีอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 มม. ตกอยู่ข้างกาย 1 กระบอก พร้อมทั้งกระเป๋าคาดเอวที่ภายในบรรจุแม็กกาซีนของอาวุธปืนอาก้า 3 แม็กกาซีน ที่มีกระสุนปืนบรรจุอยู่ภายใน 50 นัด แม็กกาซีนของอาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม. 1 แม็กกาซีน ภายในบรรจุกระสุนปืน 15 นัด ลูกประคำ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เปลสนาม จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปทำการตรวจค้นบ้านพัก และยึดรถ จยย. 4 คัน ซึ่งเป็นรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ 2 คัน ทะเบียน กษร-501 นราธิวาส และทะเบียน กวม- 244 นราธิวาส และรถ จยย.ฮอนด้า ดรีม สีดำ ทะเบียน กรย-143 นราธิวาส และรถ จยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ ทะเบียน ขขต-371 นราธิวาส นำไปตรวจสอบว่ารถ จยย.คันใด นายมะซาเอ๊ะและพวกเคยนำไปใช้ก่อเหตุที่ใดบ้างพร้อมทั้งขยายผลว่ารถ จยย.ทั้ง 4 คันนี้ นายมะซาเอ๊ะ เตรียมนำมาใช้ประกอบระเบิดหรือไม่อย่างไร
สำหรับประวัติของนายมะซาเอ๊ะ หะยีดีเย๊าะลีย๊ะนั้น เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.ระแงะ 6 คดี มีทั้งวางระเบิดและดักซุ่มยิงเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เริ่มการลงมือสร้างสถานการณ์ความไม่สงบตั้งแต่ปี 50 โดยในปี 50 ก่อคดี 1 คดี ในปี 51 ก่อคดี 2 คดี และในปี 52 ก่อคดี 3 คดี ด้วย