วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556
ลูกสาวอดีตส.ส.สตูลเครียดปืนจ่อขมับดับต่อหน้าแม่
เมื่อวันที่ 1 ต. ค. ร.ต.ท.ดุษฏี สันตี ร้อยเวรสภ. ควนกาหลง จ.สตูล เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 15.15 น.วันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 77 ถนนยนตรการกำธรสายสตูล -รัตภูมิ หมู่ 1 ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จึงไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.ท.พินโญ คะนันชาติ รอง ผกก.สส. มูลนิธิกู้ภัยร่มไทรจังหวัดสตูล อาสาสมัครเจ้าหน้าที่ แพทย์เวร รพ.ควนกาหลง และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านทรงไทยหลังใหญ่ที่ใต้ถุนบ้านพบศพ น.ส. สรภัทสร์ โคนันทน์ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าขมับขวา 1 นัด กระสุนฝังใน ที่เกิดเหตุพบปืนขนาดเดียวกัน 1 กระบอก ในแม็กกาซีนมีเครื่องกระสุน 4 นัด อีกทั้งยังพบปลอกกระสุนตกอยู่ 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.สรภัทสร์ เป็นบุตรสาวนายชูสิน โคนันทน์ อดีต ส.ส.สตูลหลายสมัย แต่นายชูสินเสียชีวิตไปแล้ว ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับมารดา ไปหาซื้อสินค้าที่ห้างเทสโก้โลตัสในตลาดทุ่งนุ้ย จากนั้นทั้งคู่ก็กลับเข้าบ้านหลังดังกล่าว โดยขณะที่มารดาอยู่หน้าบ้าน ส่วนผู้ตายเดินไปในสวนหลังบ้านพร้อมให้คนงานสอยมะม่วง แต่จู่ๆ มารดาได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ด้วยความตกใจรีบวิ่งมาดูก็ถึงกับช็อกเพราะลูกสาวยิงตัวตายเสียแล้ว สำหรับสาเหตุน่าจะมาจากความเครียด เนื่องจากผู้ตายมีอาการทางประสาท ล่าสุดอยู่ระหว่างเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนในรายละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป.
ศาลอุทธรณ์จำคุก2ปี"สนธิ"หมิ่นสถาบัน
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย ในคดีหมิ่นเบื้องสูงหมายเลขดำที่ 2066/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2551 จำเลยนี้ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ด้วยการกระจายเสียงเครื่องขยายเสียง ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนหลายคน มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และทางอินเตอร์เน็ต โดยผ่านทางเว็ปไซด์ของเอเอสทีวีให้ประชาชนทั้งคนไทยและต่างชาติได้รับชมและรับฟังทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มีข้อความซึ่งจำเลยนำเอาคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล ที่พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องท้องสนามหลวง อันเป็นการพูดที่มีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มาพูดซ้ำ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เหตุเกิดที่แขวง-เขต ดุสิต กทม. ขอให้ลงโทษตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาญาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีเจตนาดูหมิ่นใส่ร้ายอาฆาต สถาบันหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยโต้แย้งกันในศาลล่างฟังได้ว่า จำเลยนำคำพูดของน.ส.ดารณี หรือ ดา ตอร์ปิโด พูดพาดพิงสถาบัน มาพูดที่เวทีพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการนำคำพูดมาหมิ่นประมาทซ้ำ ที่จำเลยอ้างว่าไม่เจตนา แต่เอาคำพูดมาพูดซ้ำก็เพื่อให้เห็นถึงการดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี หรือ ดา ตอร์ปิโด ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาเนื้อหามาถ่ายทอดพูดซ้ำในที่สาธารณะ เพราะคนไทยบางส่วนไม่ทราบว่า น.ส.ดารณี หรือ ดา ตอร์ปิโด พูดอย่างไร ก็มาทราบจากการที่จำเลยพูด ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลกระทบต่อสถาบัน อันเป็นการกระทำที่ไม่ระวังระวังอย่างเพียงพอ การกระทำเป็นการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญามาตรา112 ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ทั้งนี้ทนายความได้นำหลักทรัพย์ดำเนินการยื่นขอประกันตัวต่อศาลต่อไป.
เศรษฐีที่ดินวัย 71 เครียดป่วยยิงตัวตาย
พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายมีฐานะดีเป็นเจ้าของที่ดินหลายแห่ง ในย่านพุทธมณฑล กว่าร้อยไร่ ซึ่งในระยะหลังเกิดป่วยมีอาการปวดท้องอย่างหนักจึงตัดสินใจไปหาแพทย์ ก่อนจะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระทั่งวันนี้ผู้ตายตื่นแต่เช้ามืดแบบผิดสังเกตก่อนนำที่นอนปิกนิกไปปูนอนหน้าบ้าน ญาติก็ไม่เอะใจอะไรจนมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พอออกมาดูพบผู้ตายคิดสั้นยิงตัวเองหนีโรคร้ายแล้วเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายเครียดเรื่องปัญหาโรคเข้ามารุมเล้า อย่างไรก็ตามจะได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์รพ.ศิริราช ทำการผ่าชันสูตรหาสาเหตุอย่างละเอียดต่อไป
ฆ่าโหดเซียนไพ่มีดไล่กะซวก ปาดคอหวิดขาดอุ้มศพทิ้งป่า
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 30 ก.ย. พ.ต.ท.อำนวย วังกาวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.เด่นชัย จ.แพร่ รับแจ้งพบศพถูกฆาตกรรม บริเวณกลางป่าละเมาะ บ้านห้วยกูด หมู่ 5 ต.เด่นชัย จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุพัตร์ ชมเชย รองผกก.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และแพทย์โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเด่นชัย ที่เกิดเหตุเป็นป่ารกทึบพบศพนายสุขสันติ์ วงศ์ญาติ อายุ 29 ปี สภาพนอนหงายไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงนักมวยขาสั้น ที่ลำคอมีบาดเเผลถูกของมีคมปาดเป็นแผลฉกรรจ์จนคอหวิดขาด ที่ศีรษะมีบาดแผลถูกฟัน 2 แห่ง และยังถูกแทงที่กลางหลังอีก 1 เเผล เเพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6-8 ชั่วโมง ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุไม่พบร่องรอยต่อสู้ คาดว่าคนร้ายนำศพมาทิ้งไว้
สอบสวนนางสงกรานต์ ศรีงาม อายุ 45 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การว่า สามีออกจากบ้านไปตั้งแต่ค่ำวานนี้ โดยบอกว่าจะไปตั้งวงเล่นไพ่และดื่มสุรากับเพื่อนที่กระท่อมในป่าละเมาะห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ขณะเดียวกัน มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายเล่นพ่อยู่กับเพื่อนอีก 3 คน ระหว่างนั้นหนึ่งในกลุ่มเสียพนัน จึงกลับไปที่บ้านพักหยิบมีดสปาต้าไล่ฟันผู้ตาย กระทั่งพบเป็นศพ อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะได้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป