วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556
"ธาริต" ปัดยังไม่เห็นเอกสารสั่งไม่ฟ้องทักษิณ
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกระแสข่าวอัยการ สูงสุดสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีก่อการร้ายว่า ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือจากสํานักงานอัยการสูงสุดแจ้งมายังดีเอสไอแต่อย่างใด จึงทราบข้อมูลจากข่าว นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยเท่านั้น
หากคดีนี้มีการสั่งคดีโดยอัยการสูงสุดจริง ตามหลักกฎหมายถือว่าคดีถึงที่สุด ไม่ต้องส่งสํานวนกลับมาถามความเห็นจากดีเอสไออีกแล้ว ขั้นตอนที่เหลือจะเป็นเพียงการแจ้งกลับมายังดีเอสไอในฐานะพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งผลคดีให้กับผู้ตองหาทราบว่าอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเท่านั้น.
อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง"ฟิลิปมอร์ริส"เลี่ยงภาษีบุหรี่นอก6.8หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่อัยการคดีพิเศษเจ้าของสำนวนมีคำสั่งไม่ฟ้องบริษัทฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ยูไนเต็ด จำกัด พร้อมพวกผู้บริหารรวม 14 คน ที่กระทำผิดฐานร่วมกันแสดงราคานำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และแอลแอนด์เอ็ม จากประเทศฟิลิปินส์ ต่ำกว่าราคาปกติ เพื่อชำระภาษีบุหรี่ต่อกรมสรรพสามิตรน้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 68,000 ล้านบาท และส่งเรื่องกลับไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ต่อมาดีเอสไอมีความเห็นแย้งและส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องนั้น
ล่าสุด นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุดคนใหม่ เปิดเผยว่า นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นชี้ขาดสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวแล้ว แต่ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาเพียง 12 รายเท่านั้น เนื่องจากมีผู้ต้องหา 1 ราย ที่เสียชีวิต ส่วนอีก 1 รายพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีความผิด จึงไม่สั่งฟ้องในส่วนของ 2 รายนี้ สำหรับข้อหาที่สั่งฟ้องก็เป็นไปตามที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 และ พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509 ซึ่งหลังจากนี้ก็ได้ส่งสำนวนกลับไปยังสำนักงานอัยการคดีพิเศษที่รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการส่งฟ้องศาลต่อไป
เมื่อถามถึงเหตุผลที่สั่งฟ้อง นายอรรถพล กล่าวว่า ผู้ที่พิจารณาและมีความเห็นสั่งฟ้องคดีนี้คือนายจุลสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด และขณะนี้สำนวนคดีดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ที่ตน จึงไม่ทราบว่าเหตุผลที่สั่งฟ้องเป็นอย่างไร และไม่ทราบว่าผู้ต้องหาที่สั่งไม่ฟ้อง 2 รายคือใครบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 14 คน ประกอบด้วย 1.บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ยูไนเต็ด โดย นายจรณชัย ศัลยพงศ์ 2.นายพอล ริชาร์ด ดิลแมน จูเนียร์ (Mr.Paul richard dillman Jr.) 3.นายศิราเอก สุนทราภัย 4.นายอุมศักดิ์ เรียวสงวนวงษ์ 5.นางดารัด วารณะวัฒน์ 6.น.ส.เสาวลักษณ์ อาภาเบิกบาน 7.น.ส.จรรยานี วิสุทธิ์กุลพาณิชย์ 8.น.ส.สุจินดา ไตรรัตน์เกยูร 9.นางทรรศสม ลาภประเสริฐ 10.น.ส.วราภรณ์ อภิเสถียรสุข 11.นางปิยาภรณ์ บรรจงกิจ 12.นางแอน มารี คากโซโรว์ สกี้ (Mrs.Ann Marie Kaczorow Ski) 13.นายเฮอร์มันน์ วาลเดอร์แมร์ (Mr.Hermann Waldermer) 14.นายแมทเทโอ ลอเลนโซ เพลเลกรินี (Mr.Matteo Lorenzo Pellegrini) กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 และ พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ. 2509 โดยในชั้นที่ดีเอสไอส่งสำนวนให้อัยการ ผู้ต้องหาที่ 2,12,13 และ 14 ได้หลบหนีการจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาแล้ว โดยที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับครั้งแรกที่อัยการคดีพิเศษ 4 ผู้รับผิดชอบสำนวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเนื่องจากเห็นว่า ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าราคาบุหรี่ทั้งสองชนิดที่นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์ราคาที่แท้จริงเท่าใด พยานหลักฐานที่ดีเอสไอส่งสำนวนสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหายังไม่เพียงพอที่จะนำสืบพิสูจน์ความผิดตามข้อกล่าวหาได้ ซึ่งต่อมานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้ทำความเห็นแย้งตามขั้นตอนกฎหมาย ยืนยันให้ฟ้องดำเนินคดีกับ บริษัทฟิลลิป มอร์ริสฯพร้อมพวกรวม 14 ราย ซึ่งได้มีการเสนอเรื่องให้นายจุลสิงห์ ขณะนั้นซึ่งดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดตามกฎหมาย และได้มีความเห็นส่งฟ้องดังกล่าว.
ดิว-อริสราหลอนถ่ายติดขาผีที่มาเก๊า
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นเรื่องฮือฮาในหมู่คนเล่นอินสตาแกรม ถึงภาพหลอน ภาพคู่ของนักแสดงสาว ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ และเพื่อนซี้ กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย ที่ถ่ายในรถลีมูซีน ระหว่างไปพักผ่อนที่ประเทศมาเก๊ากับเพื่อนสนิทวันที่ 28-30 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งในรูปขาข้างหนึ่งของสาวดิวมีลักษณะใหญ่คล้ายขาของผู้ชาย มีขนขา และรอยแผลเป็นที่หัวเข่า ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะใช่ขาของนักแสดงสาว แต่อาจจะเป็นภาพชัตเตอร์ถ่ายติดวิญญาณของชายหนุ่มมากกว่า
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังสาว ดิว-อริสรา ซึ่งเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับภาพนี้พี่ แอร์-ภัณฑิลา ฟูกลิ่น เป็นคนถ่าย แล้วกุ๊บกิ๊บเป็นคนเอาลงอินสตาแกรม ไม่มีการตัดต่อแต่อย่างใด ตอนแรกไม่มีใครสังเกตุเห็น จนมีคนมาคอมเม้นท์ในอินสตาแกรมว่า ขาดูแปลกๆ แต่ดิวเองยังไม่คิดอะไร จนกระทั่งวันก่อนไปงานโชว์ตัวแล้วเจอ ฌอน จินดาโชติ และพี่ผู้จัดการของฌอน พี่เขาก็เข้ามาบอกว่ารูปนี้มันน่ากลัวจริงๆนะ เลยลองเซฟแล้วเอามาซูมดู ก็สังเกตุกันว่าขาข้างหนึ่งเป็นขาของผู้ชาย มีขนขา และมีแผลเป็นที่เข่า ซึ่งดิวไม่มีแผลเป็นที่หัวเข่า และสีผิวก็ไม่เหมือนกันด้วย เลยคิดว่าไม่ใช่ขาดิว
ส่วนกุ๊บกิ๊บเองพอรู้ก็กลัว รีบลบรูป คิดว่าไม่ควรเก็บรูปเอาไว้ คือตอนที่ถ่ายรูปดิวนั่งอยู่ในรถลีมูซีนของโรงแรมแห่งหนึ่งในมาเก๊า เราไปกันสี่คน มีดิว กุ๊บกิ๊บ แบลร์ พี่แอร์ เลยไม่อยากนั่งแท็กซี่ เลยคิดว่ายอมจ่ายแพงหน่อย แต่เราเองก็ไม่รู้ว่ารถคันนี้เคยเกิดเหตุการณ์อะไรมาหรือเปล่า เราอาจจะไปนั่งทับที่ของใครหรือเปล่า แต่นอกจากเรื่องนี้ระหว่างอยู่ในโรงแรมก็ไม่เจอเหตุการณ์อะไรที่น่ากลัวเลย หลังจากนี้ถามว่าคิดจะไปทำบุญไหม ก็ตั้งใจว่าจะชวนเพื่อนๆไปค่ะ เพราะดิวก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่โดยส่วนตัวก็เป็นคนพอมีเซ้นส์อยู่บ้าง.
"อดุลย์ " สั่งรองผบ.ตร.ทำหน้าที่เป็นร้อยเวร ตะลึงกันทั้งปทุมวัน
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. มีคำสั่งที่ 576/2556 เรื่องให้ผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฎิบัติหน้าที่แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการบริหารจัดการ ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเวรอำนวยการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในคำสั่งได้ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้งศูนย์ปฎิบัติการเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือผู้บังคับบัญชา ติดตามสถานการณ์ และการปฎิบัติในทุกภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีที่ตั้งที่ทำการอยู่บริเวณอาคาร 1 ชั้น 19 และชั้น 20 และได้มีการมอบหมายภารกิจให้มีเวรอำนวยการประจำตร. รับผิดชอบ ดูแล ระบบสาธารณูปโภค ความสะอาด การรักษาความปลอดภัย และการจราจร ภายในบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้ข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บัญชาการ รองผู้บังคับการ และรองผู้กำกับการ ของหน่วยงานมีที่ตั้งภายในบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สับเปลี่ยนหมุนเวียนปฎิบัติหน้าที่ทุกวัน มีที่ทำการอยู่ที่บริเวณกองรักษาการณ์ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน
ทั้งนี้ในคำสั่งยังระบุอีกว่า เพื่อให้การปฏิบัติงานของศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเวรอำนวยการ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ มีการบูรณาการในการปฏิบัติงานร่วมกัน ตลอดจนเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ขับเคลื่อนการปฎิบัติให้สอดคล้องกับนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนั้นจึงให้ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดับจเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการ และผู้ช่วยผู้บัญชาการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ปฎิบัติหน้าที่แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการบริหารจัดการศูนย์ปฎิบัติการ และเวรอำนวยการ โดยเริ่มปฎิบัติหน้าที่ตั้งแต่เวลา 08.00 น.-09.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ารับหน้าที่และผู้ที่จะพ้นหน้าที่เข้าร่วมประชุมการรายงานสถานการณ์ประจำวัน ณ ศูนย์ปฎิบัติการอาคาร 1 ชั้น 20 ร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
สำหรับการควบคุม กำกับ ดูแล การปฏิบัติหน้าที่ของเวรศูนย์ปฏิบัติการ และเวรอำนวยการ โดยลงนามในสมุดข้อสั่งการและแนะนำอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยดูแล ระบบรักษาความปลอดภัย ความสะอาด การจราจร และระบบระบายน้ำทิ้ง ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ลงนามในสมุดข้อสั่งการและแนะนำ ซึ่งจัดไว้กองรักษาการณ์ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรายงานสรุปสถานการณ์ประจำวันให้ทราบที่ห้องติดตามและบริหารสถานการณ์ (Tactical Operation Center : TOC) ซึ่งจัดไว้ที่ห้องติดตามและบริหารสถานการณ์ นอกจากนี้สั่งและปฎิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เฉพาะกรณีที่ฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน ที่หากไม่สั่งการแล้วจะเกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง แล้วรายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทราบ ในโอกาสแรกที่พึงกระทำได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังที่มีคำสั่งนี้ออกไปได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกันอย่างกว้างขวาง แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า ไม่เคยมีคำสั่งในลักษณะนี้ในอดีตหลายสิบปีที่รับราชการมา ที่ให้นายตำรวจระดับยศพลตำรวจเอกระดับ รอง ผบ.ตร. มาทำหน้าที่เหมือนร้อยเวรกองรักษาการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ดี ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ของท่าน ผบ. ตร แหล่งข่าวกล่าว
มีรายงานข่าวแจ้ง ในวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. ได้ปฎิบัติตามคำสั่งดังกล่าวเป็นคนแรก และในวันนี้มี พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าว โดยได้เดินตรวจความเรียบร้อยรอบรั้วที่ทำการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในวันต่อ ๆ ไปก็มี รอง ผบ.ตร และผู้ช่วย ผบ. ตร. ทุกคนต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าเวรกันคนละสองวันต่อหนึ่งเดือนตามบัญชีตารางเวรแนบท้ายของคำสั่งดังกล่าว.