ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

  • ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

    ซ่อมคอมถึงบ้าน,ซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงบ้าน,ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์ นอกสถานที่,วางระบบอินเตอร์เน็ต,วางระบบแลน,ระบบเน็คเวิร์ค,เขียนโปรแกรมเว็บไซด์,ดูแลคอมพิวเตอร์แบบรายเดือน-รายปี,พร้อมบริการด้านไอทีจ่าย. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • หากคุณกำลังมองหาสถานที่ รับซ่อมคอมถึงที่

    ราคือหน่วยรับซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน บริษัท ห้าง ร้าน สถานสงเคราะห์ โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ เราจะไปบริการซ่อมให้ในราคาสุดประหยัด ถูกกว่ายกไปซ่อมที่ห้างหรือร้านซ่อมแน่นอน เนื่องจากทางร้านของเราไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ จึงสามารถลดต้นทุนในส่วนนี้ได้. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • www.becomz.com ให้บริการถึงที่

    บริการซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ โดยไม่ต้องยก เครื่องคอมให้เหนื่อย หรือ เสียเวลา การทำงานของคุณ เรา คือ ทางออกสำหรับคุณ ที่จะไป บริการถึงบ้าน ที่บ้าน หรือ อ๊อฟฟิต ( office ) และ คอนโด อาพาทเม้น ทุกสถานที่ พร้อม ทั้ง ให้ บริการซ่อมคอมพิวเตอร์ 24 ชั่วโมง สำหรับ ลูกค้าบางท่านที่สะดวก. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • ค่าบริการ

    – ซ่อมโปรแกรม แก้ปัญหาด้านโปรแกรมทั่วไป เครื่องละ 500 บาท – เเละลง Driver 300 บาท รวมกับ ซ่อมปกติเป็น 700 บาท – อะไหล่เสีย จะแจ้งราคาอะไหล่ก่อนซ่อม (ลูกค้าสามารถจัดหาอะไหล่เองได้) เพื่อความมั่นใจ ซ่อมเสร็จเรารับประกันซอฟเเวร์ 7วัน พร้อมให้คำแนะนำ และบริการหลังซ่อม ตลอดการรับประกันน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • รับซ่อมทุกปัญหา โทรมาคุยกันก่อนได้ครับ

    – บริการอัพเกรดเครื่อง แก้ปัญหาเครื่องช้า รวนบ่อย ค้างบ่อย – บริการติดตั้ง แก้ปัญหา ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบแลน-อินเตอร์เน็ต – บริการลงวินโดว์, ลงโปรแกรม, แก้ไวรัส, แก้ปัญหาต่างๆ – บริการฝากซ่อม-เคลม อะไหล่คอมฯ และสินค้าไอที ทุกชนิด – บริการจัดสเป๊คเครื่อง จัดชุดคอมมือ1-2 พร้อมใช้งาน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

คืบหน้าเด็กแว้นไล่ยิงอริดับ3เจ็บ3

จากกรณีกลุ่มเด็กแว้นเหิมไล่ยิงคู่อริดับ 2 ราย และบาดเจ็บ 4 ราย ภายในซอยเทอดไท 33 (วัดบางสะแกใน) แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี และซอยจอมทอง 14  แขวงบางค้อ เขตจอมทอง จนปลอกกระสุนเกลื่อนเต็มถนน โดยปมเหตุเกิดจากแค้นเก่ากลุ่มก่อเหตุยึดรถ จยย. แต่กลุ่มผู้เสียชีวิตกลับนำรถขับมาเย้ยตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เย็นวันนี้(10 พ.ย.) ที่ สน.บางขุนเทียน พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดี มีพล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9. พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.อ.ธนกฤต ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.วรลภย์ สุวรรณเกษการ รอง ผกก.สส.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ต.บวรชัย ตันสุทัตต์ สว.กก.สส. บก.น.9 พร้อมชุดสืบสวน บก.น.9 ร่วมประชุมใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม.
โดย พล.ต.ต.มานิต กล่าวว่า ขณะนี้กำชับเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข้อมูล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ ตั้งแต่พื้นที่ สน.ตลาดพลู สน.บุคคโล และสน.บางขุนเทียน พร้อมประสานขอดูกล้องวงจรปิดจากร้านค้า และบ้านเรือนประชาชนที่มีกล้องวงจรปิด เบื้องต้นเชื่อว่า คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันเนื่องจากพบปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. มาจากปืนกระบอกเดียวกัน หลังจากนี้จะมีการหารือให้ สถานีตำรวจพื้นที่ใดเป็นผู้รับผิดชอบคดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุยังคงกบดานอยู่ในพื้นที่ จะสามารถนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน

พล.ต.ต.มานิต กล่าวอีกว่า สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ มี 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายอิทธิกร หรืออ๊อฟ วงศ์คำจันทร์ อายุ 22 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ วัดบางสะแกใน ซอยเทอดไท 33 พื้นที่ สน.บุคคโล 2.นายสมชาย หรือนิว เพ็ชรปานกัน อายุ 18 ปี  เสียชีวิต ที่ซอยจอมทอง 14 พื้นที่ สน.บางขุนเทียน และ3.นายนรากร หรือติม สิทธิโพธิ์ อายุ 17 ปี ที่ถูกยิงเข้าลำตัวหลายนัด เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำหรับผู้บาดเจ็บ นายฉัตรชัย หรือตูน สุวรรณเกต อายุ 17 ปี และนายอัครพงษ์ กันทรอินทร์ อายุ 18 ปี ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล..
 
Share:

ยิงดับ รองนายก อบต.ท้ายเหมือง



  เมื่อเวลา 14.15  น.วันนี้ (10 พ.ย.)  ร.ต.ท.นคร ตั้งรวมทรัพย์ พนักงานสอบสวน สภ.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บริเวณริมถนนสายบ้านนาใต้-บ้านปิหลาย เยื้องกับร้านนาใต้ผับ พื้นที่ หมู่ 5 บ้านนาใต้ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชาย สรรประเสริฐ ผกก.สภ.โคกกลอย และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุพบว่ามีพลเมืองดีนำผู้ถูกยิงส่งโรงพยาบาลตะกั่วทุ่งแล้ว
 จึงตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรอยเลือดกองอยู่ริมถนน และบริเวณใกล้กันพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม. 7 ปลอก  จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายชื่อนายสุทน สร้อยทอง หรือ รองแล่ม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/2 หมู่ 5 ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง  โดยผู้ตายเป็นคนสนิทของ นายสนิท วรกิจ นายก อบต.ท้ายเหมือง และเพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองนายก อบต.ท้ายเหมืองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

 สำหรับการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ ต.ท้ายเหมือง เป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันรุนแรงในการเลือกตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุนายสุธน ได้เดินทางมาธุระในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ในขณะที่กำลังจะเดินกลับไปขึ้นรถยนต์เพื่อเดินทางกลับบ้านพักในพื้นที่ ต.ท้ายเหมือง ได้มีคนร้าย 2 คน ใช้รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนด์ทอง หมายเลขทะเบียน 9111 (ไม่ทราบจังหวัด) ขับมาจอดและลงมาจ่อยิงทันที กระสุนโดนที่ศีรษะ หน้าอกและลำตัวรวม 7 นัด ทำให้นายสุธนเสียชีวิตคาที่ ส่วนคนร้ายได้วิ่งขึ้นรถเร่งเครื่องยนต์ขับหลบหนีไปตามเส้นทางบ้านนาใต้-ตลาดโคกกลอย และเส้นทางบ้านนาใต้- บ้านบ่อดาน  ส่วนสาเหตุการสังหารนั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่เบื้องต้นได้มุ่งปมกว้างๆ คือ เรื่องของความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น ซึ่งจะได้มาการสืบสวนหาสาเหตุต่อไป พร้อมกับเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
     ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงและประชาชนในพื้นที่ตำบลท้ายเหมืองจำนวนมากต่างแสดงความเสียใจขณะมารอรับศพของผู้ตายที่โรงพยาบาลตะกั่วทุ่ง และคาดว่าสาเหตุการถูกยิงครั้งน่าจะมาจากเรื่องการเมืองท้องถิ่น...
Share:

วิศวกรหนุ่มแคนาดาหึงโหดกะซวก50แผลดับทนาย

เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้(10พ.ย.) ร.ต.อ.(หญิง)เสาวลักษณ์ สุวรรณมณี พนักงานสอบสวน  สน.คันนายาว รับแจ้งมีแทงกันตายในบ้านเลขที่ 418/63 หมู่บ้านฮาบีเทีย แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา รุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผกก. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ปลูกภายในพื้นที่ 100 ตารางวา ภายในห้องนอนใหญ่ชั้นสองของบ้าน พบศพ นายคมสันต์ อักษรชาติ อายุ 59 ปี ทนายความ ซึ่งเพิ่งจบปริญญาโทคณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง และเพิ่งจบเนติบัณฑิตยสภา เสียชีวิตคว่ำหน้า สภาพถูกแทงด้วยอาวุธมีด เข้าที่ลำตัวจนพรุนไปทั่วร่าง ทั้งคอ หน้าท้อง และด้านหลัง รวม 50 แผล เลือดกระเซ็นสาดไปทั่วห้อง
ส่วนที่บริเวณเคาท์เตอร์ชั้นล่างของบ้าน มีมีดทำครัว 2 เล่มสภาพเปื้อนเลือดวางอยู่ ขณะผู้ก่อเหตุยืนรอมอบตัวอยู่หน้าบ้าน ทราบชื่อนายมาคอส บียอนด์ อายุ 42 ปี ชาวแคนาดา วิศวกรบริษัทต่างประเทศ เจ้าของบ้าน โดยมี น.ส.ภัชราภรณ์ ปิ่นอ่อน อายุ 42 ปี แฟนสาวนายมาคอส ยืนคอยให้กำลังใจ ขณะที่นอกรั้วบ้านมีรถฮอนด้า แอคคอร์ด ทะเบียน ฌพ 168 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ เป็นของผู้ตาย ตรวจค้นภายในรถพบปืนขนาด .38 วางอยู่ในช่องเก็บของ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า นายมาคอส คบกับ น.ส.ภัชราภรณ์ มาได้ 6 ปี ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นวิศวกรทำงานให้บริษัทต่างประเทศ ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง นานๆจึงกลับมาหาแฟนสาว ต่อมาระยะหลังแฟนสาวได้ไปเรียนปริญญาโท ที่ ม.รามคำแหง ได้รู้จักกับผู้ตาย ผ่านการแนะนำของเพื่อนฝูง จนเริ่มสนิทสนมกันเรื่อยมา โดยนายมาคอส ไม่เคยระแวงในเรื่องสัมพันธ์เชิงชู้สาว กระทั่งก่อนเกิดเหตุ นายมาคอส บินกลับมาจากต่างประเทศกะทันหัน ไม่ได้บอกแฟนสาว เมื่อมาถึงทางเข้าบ้านเห็นแฟนสาวอยู่กับผู้ตาย สองต่อสอง ด้วยความหึงหวง จึงคว้ามีดทำครัว มากระหน่ำแทงผู้ตายไม่ยั้งมือจนเสียชีวิตดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุมาจากความหึงหวง ที่มาพบภาพบาดตาบาดใจแฟนสาวอยู่กับชายอื่น จึงบันดาลโทสะลงมือฆ่าก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาและแฟนสาวอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง..
Share:

แผ่นดินไหว!รวด3จุดใน6ชั่วโมงแถบเอเชีย

เมื่อเวลา 08.12 น.วันนี้ (11พ.ย.) สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว แรงสั่นสะเทือน 6.6 ริคเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่าง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน 438 กม. อาคารสูงในกรุงเทพมหานคร สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ ประชาชนที่พักอาศัยบนตึกสูงส่วนใหญ่ต่างแตกตื่น วิ่งหนีลงมาจากตึกกันอลหม่าน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย และยังมีรายงานอาฟเตอร์ช๊อคอีก 2 ครั้ง ในช่วง 20 นาที แรงสั่นสะเทือน 5.0 ริคเตอร์ทั้ง 2 ครั้ง
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง วัดได้ 6.6 ริคเตอร์ เขย่าพื้นที่ภาคเหนือของพม่า เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ โดยแรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ชัดถึงกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย โดยสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ แจ้งว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.42 น.ตามเวลาท้องถิ่น (08.12 น. ตามเวลาในประเทศไทย) จุดศูนย์กลางอยู่ใต้ดินค่อนข้างตื้นเพียงแค่ 9 กม. อยู่ห่างจากใจกลางเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่สุดอันดับ 2 ของพม่า ไปทางทิศเหนือราว 116 กม. ในเบื้องต้นสำนักงานสำรวจฯ ตรวจวัดค่าแรงสั่นสะเทือนได้ที่ 7.0 ริคเตอร์ ก่อนจะปรับลงเป็น 6.6 ริคเตอร์ในเวลาต่อมา ซึ่งคาดว่าความรุนแรงและความตื้นของจุดศูนย์กลางในระดับนี้น่าจะสร้างความเสียหายในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะหากเกิดในพื้นที่ที่เป็นเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ยังได้รายงานเหตุแผ่นดินไหว 4.7 ริคเตอร์ เมื่อ 05.01 น. ของวันนี้ จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่   SICHUAN-CHONGQING BDR REG, CHINA ละติจูด    29° 18' 00'' เหนือ   ลองจิจูด  105° 21' 36'' ตะวันออก ความลึกจากระดับผิวดิน 10 กิโลเมตร และเวลา 02.59 น. เกิดแผ่นดินไหว 4.8 ริคเตอร์ จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่  TAIWAN REGION  ละติจูด  22° 03' 00'' เหนือ   ลองจิจูด  121° 34' 12'' ตะวันออก  ความลึกจากระดับผิวดิน 12  กิโลเมตร
เวลาประมาณ 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน้าอาคาร ทรู ทาวเวอร์ ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. มีกลุ่มพนักงานลงมายื่นออกันที่ประตูทางเข้าด้านนอกอาคารดังกล่าวกว่า 30 คน เนื่องจากเมื่อเวลา 08.40 น. บรรดาพนักงานรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนของตึกได้
จากการสอบถาม นายสามารถ สุวธรรมานนท์ พนักงานที่ทำงานในตึกดังกล่าว เล่าว่า ตนและเพื่อน ๆ ทำงานอยู่บนตึกดังกล่าวชั้นที่ 22 และเมื่อ 20 นาทีที่แล้ว ตนสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของตึกได้นานกว่า 5 นาที โดยในห้องทำงานของตนนั้นสามารถสังเกตได้ว่าผ้าม่าน โคมไฟสั่นสะเทือน ส่วนบางคนก็บอกว่าได้ยินเสียงกระจกสั่นจนเกิดเสียง อย่างไรก็ตามจากการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวในครั้งนี้ตนคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นมา
ผู้อยู่อาศัยอาคารสูงแห่งหนึ่งบนถนนเอกมัย เล่าวอย่างระทึกว่า ตนพักอยู่บนชั้น 20 รับรู้ความสั่นสะเทือนได้เมื่อเวลา 08.30 น. นานกว่า 30 วินาที รู้สึกได้เลยว่าอาคารโยกไปมามีเสียงเอี้ยดอ้าด แต่ก็ไม่ได้ตกใจมากนัก เพราะเคยเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินอย่างนี้มาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน โดยแผ่นดินไหวที่พม่ารับรู้ได้ในกรุงเทพฯ ในตอนนั้นประชาชนบนอาคารหลายแห่งในถนนสุขุมวิทและเอกมัยรู้สึกได้เลย และมีบางอาคารมีรอยร้าว ส่วนคนที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้จำนวนมากตื่นตระหนก นอกจากรีบวิ่งลงจากอาคารแล้ว ยังโทรศัพท์สอบถามเพื่อน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมอุตุนิยมวิทยา จนสายแทบไหม้ เจ้าหน้าที่ต้องคอยอธิบาย ชี้แจงรวมถึงปลอบโยนเพื่อลดความตื่นตระหนกดังกล่าว
นายเพิ่มวิทยา กันทะทรง  รักษาการหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.แม่ฮ่องสอน  เปิดเผยว่า จ.แม่ฮ่องสอน ในพื้นที่ อ.ปาย และปางมะผ้า รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้  แต่จากการสำรวจในทุกพื้นที่แล้วไม่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้นกับโบราณสถานหรือบ้านเรือนประชาชน ที่จ.เชียงใหม่ ประชาชนในหลายพื้นที่รับรู้ความสั่นไหวได้ โดยเฉพาะในอ.เมือง ซึ่งมีอาคารสูงจำนวนมาก หลายคนรีบวิ่งหนีลงจากอาคารมาด้านล่าง
นายธนะรัชต์ ภูมิมะกสิกร  ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบเครื่องมือที่ติดตั้งรับความสั่นไหวไว้ในเขื่อน 3 จุด ไม่พบความผิดปกติ แรงสั่นไหวไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเขื่อน เพราะเขื่อนได้ออกแบบก่อสร้างให้รับแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่านี้ ประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนไม่ต้องตกใจกลัวว่าเขื่อนจะแตก อย่างไรก็ตามได้ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและตรวจสอบเครื่องมือเพื่อดูความผิดปกติอย่างใกล้ชิด
นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากตัวเขื่อนวชิราลงกรณ ประมาณ 957 กม. อยู่ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ 1,016 กม. เป็นแผ่นดินไหวขนาด ตนและ นายวนิช แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ติดตั้งในเขื่อน พบว่าไม่มีแรงกระทำมาถึงตัวเขื่อน จึงขอให้วางใจว่า ทั้ง 2 เขื่อน ไม่ได้รับผลกระทบ
นายบุญอินทร์ กล่าวด้วยว่า เขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณมีความมั่นคงแข็งแรงพร้อมรองรับในทุกสถานการณ์ อีกทั้งยังมีมาตรการในการดูแลบำรุงรักษา การตรวจสอบ และการประเมินความมั่นคงปลอดภัยของตัวเขื่อนอย่างสม่ำเสมอ ตามหลักวิชาการ และตามมาตรฐานสากล เพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้ เขื่อนวชิราลงกรณเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา โดยการตรวจสอบเขื่อน จะดำเนินการโดย คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของเขื่อน ซึ่งตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของเขื่อนโดยกำหนดให้เขื่อนที่สร้างแล้วเสร็จ มีอายุใช้งานไม่เกิน 2 ปี ต้องตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง ส่วนเขื่อนที่มีอายุใช้งานระหว่าง 2 ถึง 5 ปี ตรวจสอบปีละครั้งและเขื่อนที่มีอายุใช้งานกว่า 5 ปี ตรวจสอบทุกๆ 2 ปี โดยการตรวจสอบเขื่อนวชิราลงกรณได้ตรวจสอบใหญ่ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2553 สำหรับเขื่อนศรีนครินทร์ตรวจสอบครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2554
นายบุรินทร์ เวชบันเทิง ผอ.สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบเครื่องมือวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นพบว่า หลังแผ่นดินไหวแล้วมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลังจากนั้น 10 นาที 1 ครั้งขนาด 5 ริคเตอร์ อย่างไรก็ตามแผ่นดินไหวแรงขนาดนี้คาดว่าน่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกนับ 100 ครั้ง ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงใหญ่แต่ไม่เกินครั้งแรกคือ 6.6 ริคเตอร์ จึงได้ให้จังหวัดต่างๆที่อยู่ในแนวใกล้เคียงแผ่นดินไหวเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. เนื่องจากล่าสุดได้รับรายงานว่า จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ อุตรดิตถ์รวมถึงในกรุงเทพฯ ประชาชนในอาคารสูงรับรู้ความสั่นไหวได้ชัดเจนมาก ถึงขนาดตึกโยก และบางจุด เช่น ในถนนวิภาวดีรังสิต สุขุมวิท เอกมัย ทองหล่อ อุปกรณ์ในอาคาร เช่น โคมไฟ ร่วงหล่นตกแตก เหตุที่อาคารในกรุงเทพฯ สั่นไหวมากกว่าทางภาคเหนือซึ่งใกล้กับพม่ามากกว่า เพราะอาคารในกรุงเทพฯ อยู่บนดินอ่อน และมีคาบอยู่ในแนวเปลือกโลกร่องเดียวกับพม่า เมื่อเกิดความสั่นไหว จึงสั่นสะเทือนรุนแรงมากกว่าหลายเท่า ประกอบกับมีอาคารสูงมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป แม้ขณะนี้จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นทั้งในและนอกประเทศติดต่อกันหลายครั้ง เพราะจริงๆ แล้วเกิดแผ่นดินไหวทุกวัน แต่ที่มีรายงานออกมาก็เฉพาะจุดที่เกิดผลกระทบและรับรู้ความสั่นไหวได้
นายบุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย คนไทยต้องทำใจให้อยู่กับแผ่นดินไหวให้ได้ เพราะในไทยมีรอยเลื่อนที่ทรงพลังถึง 14 จุด และมีรอยแขนงอีกนับพันจุดทั่วประเทศ จึงต้องเกิดแผ่นดินไหว แต่จากสถิติแผ่นดินไหวในไทยไม่เกิน 6.6 ริคเตอร์ เพราะเราไม่ได้อยู่ในจุดเสี่ยงวิกฤติเหมือนญี่ปุ่น อินโดนีเซียและกัวเตมาลา ที่อยู่ในแนววงแหวนไฟ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้ ยกเว้น แถวทะเลอันดามันและจังหวัดในภาคใต้ที่อยู่ในแนววงแหวนไฟ อาจเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในจ.ภูเก็ต
นายบุรินทร์  กล่าวอีกว่า เมื่อปี 2540 ได้มีการแก้ไขกฎหมายให้อาคารขนาดใหญ่ก่อสร้างเพื่อรับแรงสั่นไหวได้มากขึ้นใน 7 จังหวัด เช่น จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ต่อมาในปี 2550 ได้เพิ่มกรุงเทพฯ และอีก 7 จังหวัดในภาคใต้ให้เพิ่มความระมัดระวังเรื่องแผ่นดินไหว ส่วนอาคารที่สร้างก่อนหน้านี้ได้ขอความร่วมมือเจ้าของอาคารเพิ่มมาตรการเสริมสร้างความปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหว ส่วนข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนหากเกิดแผ่นดินไหว ต้องรีบออกจากอาคารทันที ห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด หาที่โล่ง ไม่อยู่ใต้สิ่งกำบัง เพื่อป้องกันการกระแทกและสิ่งของร่วงหล่นตกใส่.
Share:

ผงะงูยักษ์"อนาคอนดา"ในป่าลึกบราซิล

วันนี้ (11 พ.ย.) รายงานในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลี่ เมล์ ของอังกฤษ ระบุว่า นายฟรังโก บันฟี วัย 53 ปี นักผจญภัยดำน้ำ และตากล้องสารคดีชาวสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเพื่อน เดินทางไปท่องเที่ยวแถบป่าลึกดงดิบ ในเขตมาโต กรอสโก โอ ซุล ของประเทศบราซิล ในทวีปอเมริกาใต้ เป็นเวลา 10 วัน โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้เผชิญหน้ากับงูยักษ์อนาคอนดาตัวหนึ่ง ซึ่งมีขนาดความยาวของลำตัวประมาณ 8 เมตร (26 ฟุต) ขณะดำน้ำเพื่อถ่ายภาพธรรมชาติ ในแม่น้ำสายหนึ่งในเขตป่าลึก ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกค่อนไปทางใต้ของบราซิล ติดเขตแดนประเทศโบลิเวียและปารากวัย
นายบันฟีคุณพ่อลูก 2 ตลอด 10 วันของการท่องป่าจังหวัดมาโต กรอสโก เขาได้พบงูอนาคอนดาตัวเขื่องมากกว่า 10 ตัว แต่ตัวที่ถ่ายภาพชุดนี้มีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นๆ และโชคดีขณะที่พบมันเพิ่งกินสัตว์บางอย่างเข้าไปจนพุงกาง มันกำลังอิ่มจึงไม่ให้ความสนใจเขาและคณะเดินทางมากนัก.
Share:
 
Share:

สมาชิกทีมยิง"พีระ"ชิงมอบตัวปฏิเสธข้อหา

ความคืบหน้าคดีฆ่า นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 7 พ.ย. ผ่านมา จนถึงขณะนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 4 ของการสืบสวนคลี่คลายคดี ล่าสุดวันนี้ (10 พ.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ได้เสนอขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลา เพื่อออกหมายจับคนร้ายแล้ว 1 คน คือ นายไพศาล หนูพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 2/10 ถนนแหล่งพระราม อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นมือปืนสังกัดซุ้มมือปืนใน อ.ระโนด จ.สงขลา และศาลได้อนุมัติออกหมายจับทันที จากการสืบสวนสอบพบว่าคดีนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของผู้บงการและมือปืนทั้งสิ้น 6 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมออกหมายจับทั้งหมด
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. นายไพศาลได้เดินทางมาขอเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา โดยเดินทางมากับญาติด้วยรถยนต์ 6 คัน เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมทันทีตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา และแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พกพาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนเข้ามาในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร แต่นายไพศาลให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
  หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายไพศาล พร้อมหมายค้นไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 55/1 ถนนนาสาร เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายอุทิศ ชูช่วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พี่ชายของ นายกิตติ ชูช่วย เจ้าของสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ ที่พบรถปิกอัพของกลุ่มมือปืนไปจอดทิ้งไว้ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยสาเหตุที่ต้องเข้าตรวจค้นที่บ้านของนายอุทิศ เนื่องจากนายไพศาลเป็นคนสนิทและอาศัยอยู่ในบ้านของนายอุทิศ
  โดยระหว่างการควบคุมนายไพศาลไปตรวจค้นที่บ้านของนายอุทิศ เจ้าหน้าที่ได้สวมเสื้อเกราะให้กับนายไพศาล เพื่อความปลอดภัย และมีกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร ภาค 9 ตรึงกำลังอย่างแน่นหนา และหลังการเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายไพศาลไปสอบสวนอีกครั้ง และคัดค้านการประกันตัว ทั้งนี้ สำหรับ นายไพศาล จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าเคยต้องคดีฆ่าคนตายในพื้นที่ อ.ระโนด จ.สงขลา เมื่อปี 2550
  ส่วนบรรยากาศที่หน้าสำนักงานสงขลาฟอรั่ม ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่นายพีระถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ยังคงมีชาวสงขลานำดอกไม้ไปวางไว้ที่พื้นหน้าสำนักงานสงขลาฟอรั่ม เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไป พร้อมกับเขียนข้อความยกย่องการเป็นนักการเมืองของนายพีระ ใส่แผ่นกระดาษมาวางไว้ด้วย และไม่คิดว่าจะมาจบชีวิตด้วยการถูกยิงอย่างอุกอาจเช่นนี้ ซึ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับชาวสงขลาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้าย รวมถึงผู้บงการให้ได้โดยเร็ว
  สำหรับการออกหมายจับ นายไพศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในมือสังหารนั้นเจ้าหน้าที่มีหลักฐานสำคัญจากปลอกกระสุนปืนคาร์บินที่ตกอยู่ในระกระบะ 4 ประตูสีบรอนซ์ ของคนร้ายซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ตรงกับปลอกกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุรวมทั้งเอกสารคู่มือรถยนต์และภาพถ่ายของหัวหน้าซุ้มมือปืนที่ตกอยู่ภายในรถ ในส่วนของคดีนี้ได้มีการเชิญผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้วจำนวน 10 คน แต่ปัญหาขณะนี้ไม่มีใครกล้าที่จะมาเป็นพยานเพราะเกรงอันตราย
  อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ประกบตัว และติดตามความเคลื่อนไหวไว้ทุกคนแล้ว โดยเฉพาะมือปืนซึ่งทราบว่ายังอยู่ในพื้นที่ จ.สงขลา เพียงแต่รอการอนุมัติหมายจับจากเท่านั้น....
Share:

Disqus Shortname

Comments system

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 095-954-4524

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Post Top Ad

คลังบทความของบล็อก

Author Details

Menu - Pages

Business

Random Posts

Recent

Popular

Blog Archive