โดยจุดแรกที่บริเวณห้องนอน ภายในห้อง 714 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจนเสียชีวิตบนเตียงนอน จากนั้นได้ลากศพผู้ตายมาที่กลางห้อง ซึ่งเป็นจุดที่ชำแหละศพผู้ตาย และนำชิ้นส่วนศพยัดใส่กระเป๋าเดินทาง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนที่จุดอื่น แต่ระหว่างออกจากห้องผู้ต้องหาเกิดอาการหน้ามืดเป็นลม จึงได้ยกเลิกการทำแผนโดยทันที ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปที่ สน.บางขุนนนท์
ด้าน พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากเมื่อคืนทางผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่บางส่วน ส่วนที่เป็นลม คาดว่าอาจเป็นเพราะยาเสพติดหมดฤทธิ์ หรืออดนอนจนร่างกายอ่อนเพลีย จึงต้องยกเลิกการทำแผนในจุดอื่นๆ ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การอ้างว่า มีเทพมาเข้าสิง และบอกว่าคนตายทุกข์ทรมานจึงต้องฆ่าเพื่อให้พ้นทุกข์ โดยลงมือก่อเหตุในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 6 ต.ค. ใช้ไขควงแทงที่หน้าผากและด้านหลังของผู้ตาย จากนั้น ผู้ต้องหาเข้านอน กระทั่งตื่นมาในช่วงเช้าได้ใช้มีดทำครัวชำแหละชิ้นส่วนศพและยัดใส่กระเป๋าเดินทางจนแล้วเสร็จในช่วงบ่าย จนมีคนมาพบศพและแจ้งตำรวจเข้าจับกุมได้
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวอีกว่า ส่วนชิ้นส่วนมือและเท้าของผู้ตายที่ยังหาไม่เจอนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่า ได้ใส่ในถุงและโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาไปแล้ว จากนี้จะประสานทางเจ้าหน้าที่กทม. เพื่อให้ตรวจสอบตามเส้นทางของแม่น้ำค้นหาต่อไป โดยหลังจากนี้จะส่งตัวผู้ต้องหาไปยังสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เพื่อตรวจสอบว่าสภาพจิตผิดปกติหรือไม่ ก่อนดำเนินการแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ดำเนินคดีต่อไป