จากกรณี นายสเตฟาน วาร์กเนอร์ อายุ 42 ปี หนุ่มใหญ่ชาวเยอรมัน
อุ้มลูกวัย 1 ขวบคือ ด.ช.อันตอน วาร์คเนอร์ ออกตามหาภรรยา
เพื่อให้เซ็นชื่ออนุญาตให้นำลูกชายกลับไปอยู่ต่างประเทศด้วย
จนระหกระเหินไปอยู่ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา
จนตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยทราบข่าวได้เดินทางไปประสานงานกับ
สถานทูตเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งนายสเตฟานและลูกกลับไปยังประเทศ
เยอรมัน ขณะเดียวกันก็ได้ติดต่อกับภรรยาของนายสเตฟานได้
โดยยินดีที่จะไปเซ็นชื่อให้ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้า วันนี้ (12 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ฉัตรามนตรี มหาพชราอรุณใหม่ สว.ทท.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย ร.ต.ต.เอกณกร ธารารมย์ รองสว. และจนท.ตำรวจ ได้รับตัวนายสเตฟาน และลูกชายกลับมาจากสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย โดยได้มีการนำข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงนายสเตฟานและลูก ขณะเดียวกันยังมีพระครูเกษมจันทวิมล หรืออาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา มาทำการปะพรมน้ำมนต์ให้ด้วย
ร.ต.ต.เอกณกร เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้พานายสเตฟานและลูกไปยังสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เพื่อทำเรื่องกลับประเทศ โดยมีภรรยาของนายสเตฟานที่ได้รับการประสานงานจากตำรวจท่องเที่ยว ไปรอเซ็นชื่อมอบลูกให้นายสเตฟาน โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ แต่ทางสถานทูตแจ้งว่ายังไม่สามารถที่จะนำเด็กกลับไปด้วยได้ เนื่องจากต้องรอให้ศาลมีคำสั่งก่อน ซึ่งระหว่างรอนั้นนายชัช ตลาดไท เจ้าของตลาดนัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับเป็นผู้ดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยเอง นอกจากนี้ตำรวจท่องเที่ยวได้ประสานไปยัง ร.ร.สอนภาษาที่ พัทยา เพื่อขอรับหนังสือเดินทาง ซึ่งก่อนหน้านี้นายสเตฟานอยากที่จะสื่อสารภาษาไทย เพื่อตามหาภรรยา จึงได้ไปเรียนภาษา โดยต้องเสียเงิน 24,000 บาท แต่เงินไม่พอได้นำหนังสือเดินทางไปค้ำเอาไว้ และเอาเงินไปให้ไว้ 10,000 บาท ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวประสานไปแล้ว เพื่อที่จะนำเงินไปจ่ายขอรับหนังสือเดินทางมาให้นายสเตฟาน ซึ่งเป็นเรื่องโชคดีที่ทาง ร.ร.สอนภาษา ได้ยอมที่จะคืนหนังสือเดินทางให้ และไม่คิดเงินที่เหลือ จากนี้ไปก็จะต้องหารือว่าหากศาลมีคำสั่งเรื่องลูกของนายสเตฟานแล้ว จะหาค่าเครื่องบินจากไหนให้กับนายสเตฟานได้กลับประเทศ
ด้านนายสเตฟาน กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่คนไทยมีน้ำใจ โดยเฉพาะตำรวจท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่ช่วยเหลือเต็มที่หากกลับไปแล้ว ก็จะไม่ลืมประเทศไทยและตำรวจไทยเลย นายสเตฟานเปิดเผยถึงชีวิตที่ไม่คาดฝันว่า เดินทางเข้ามาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อปี 2549 เพื่อเยี่ยมคุณตาที่ไม่สบายนอนอยู่ที่รพ.กรุงเทพพัทยา และได้พบกับสาวไทยอายุ 18 ปีแม่ของด.ช.อันตอน และคบหากัน จนกระทั่งคุณตาของตนเสียชีวิต ได้มอบเงินที่เป็นมรดกให้ 11 ล้านบาท ตนจึงนำไปปลูกบ้านให้กับแม่ของภรรยา 2 ล้าน ซื้อรถยนต์ 1.5 ล้านบาท และใช้จ่ายอยู่ในพัทยา จนกระทั่งไปอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี กับภรรยา เมื่อภรรยาคลอดลูกได้ 4 เดือนก็หายไป เงินที่มีอยู่ก็หมดลง จึงถูกแม่ยายไล่ออกจากบ้านพร้อมลูก แล้วไปตามหาภรรยาที่พัทยา จนมาอยู่ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วมาได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว ตอนนี้อยากที่จะกลับบ้านที่เยอรมัน เพื่อพบญาติๆและหาเงินเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดต่อไป
ความคืบหน้า วันนี้ (12 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ฉัตรามนตรี มหาพชราอรุณใหม่ สว.ทท.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย ร.ต.ต.เอกณกร ธารารมย์ รองสว. และจนท.ตำรวจ ได้รับตัวนายสเตฟาน และลูกชายกลับมาจากสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย โดยได้มีการนำข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงนายสเตฟานและลูก ขณะเดียวกันยังมีพระครูเกษมจันทวิมล หรืออาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา มาทำการปะพรมน้ำมนต์ให้ด้วย
ร.ต.ต.เอกณกร เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้พานายสเตฟานและลูกไปยังสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เพื่อทำเรื่องกลับประเทศ โดยมีภรรยาของนายสเตฟานที่ได้รับการประสานงานจากตำรวจท่องเที่ยว ไปรอเซ็นชื่อมอบลูกให้นายสเตฟาน โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ แต่ทางสถานทูตแจ้งว่ายังไม่สามารถที่จะนำเด็กกลับไปด้วยได้ เนื่องจากต้องรอให้ศาลมีคำสั่งก่อน ซึ่งระหว่างรอนั้นนายชัช ตลาดไท เจ้าของตลาดนัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับเป็นผู้ดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยเอง นอกจากนี้ตำรวจท่องเที่ยวได้ประสานไปยัง ร.ร.สอนภาษาที่ พัทยา เพื่อขอรับหนังสือเดินทาง ซึ่งก่อนหน้านี้นายสเตฟานอยากที่จะสื่อสารภาษาไทย เพื่อตามหาภรรยา จึงได้ไปเรียนภาษา โดยต้องเสียเงิน 24,000 บาท แต่เงินไม่พอได้นำหนังสือเดินทางไปค้ำเอาไว้ และเอาเงินไปให้ไว้ 10,000 บาท ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวประสานไปแล้ว เพื่อที่จะนำเงินไปจ่ายขอรับหนังสือเดินทางมาให้นายสเตฟาน ซึ่งเป็นเรื่องโชคดีที่ทาง ร.ร.สอนภาษา ได้ยอมที่จะคืนหนังสือเดินทางให้ และไม่คิดเงินที่เหลือ จากนี้ไปก็จะต้องหารือว่าหากศาลมีคำสั่งเรื่องลูกของนายสเตฟานแล้ว จะหาค่าเครื่องบินจากไหนให้กับนายสเตฟานได้กลับประเทศ
ด้านนายสเตฟาน กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่คนไทยมีน้ำใจ โดยเฉพาะตำรวจท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่ช่วยเหลือเต็มที่หากกลับไปแล้ว ก็จะไม่ลืมประเทศไทยและตำรวจไทยเลย นายสเตฟานเปิดเผยถึงชีวิตที่ไม่คาดฝันว่า เดินทางเข้ามาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อปี 2549 เพื่อเยี่ยมคุณตาที่ไม่สบายนอนอยู่ที่รพ.กรุงเทพพัทยา และได้พบกับสาวไทยอายุ 18 ปีแม่ของด.ช.อันตอน และคบหากัน จนกระทั่งคุณตาของตนเสียชีวิต ได้มอบเงินที่เป็นมรดกให้ 11 ล้านบาท ตนจึงนำไปปลูกบ้านให้กับแม่ของภรรยา 2 ล้าน ซื้อรถยนต์ 1.5 ล้านบาท และใช้จ่ายอยู่ในพัทยา จนกระทั่งไปอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี กับภรรยา เมื่อภรรยาคลอดลูกได้ 4 เดือนก็หายไป เงินที่มีอยู่ก็หมดลง จึงถูกแม่ยายไล่ออกจากบ้านพร้อมลูก แล้วไปตามหาภรรยาที่พัทยา จนมาอยู่ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วมาได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว ตอนนี้อยากที่จะกลับบ้านที่เยอรมัน เพื่อพบญาติๆและหาเงินเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น