โดยระบุถึงพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 18 มี.ค.56 ขณะที่นาย สุวัฒน์ ผู้เสียหาย กำลังคุยโทรศัพท์ในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 9 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) นายศรัณ ได้พูดจากด้านหลังพร้อมกับจับโทรศัพท์ ที่ถืออยู่ในมือขวา และพูดขู่อีกว่า “เอาเป๋าตังค์มา” แต่ผู้เสียหายไม่ยอม และกำหมัดซ้ายเพื่อจะชกป้องกันตัว นายศรัณ จึงใช้มีดฟันที่ลำคอด้านซ้าย จนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ เซถอยหลัง นายศรัณ ขณะที่นาย ปรีชา ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งขับจยย.ติดเครื่องยนต์ พูดว่า “ได้แล้วพอแล้ว” นายศรัณ จึงวิ่งขึ้นรถจยย.หลบหนีไปพร้อมโทรศัพท์มือถือ จากนั้นมีรถแท็กซี่พาผู้เสียหายไปส่งที่รพ.เปาโล โชคชัย 4 เพื่อรักษาเบื้องต้น ก่อนส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.ลาดพร้าว และบิดาของผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน และขออนุมัติหมายจับที่ 496,497/2556 ลงวันที่ 21 มี.ค.56 ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ และให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนมาตลอด แต่ยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และผลพิมพ์มือผู้ต้องหา ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. – 2 เม.ย.นี้
ท้ายคำร้องขอพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันเนื่องจากคดีมีอัตราโทษจำคุกสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว อาจหลบหนี หรืออาจไปกระทำผิดซ้ำอีก ทั้งผู้ต้องหาที่ 2 ยังได้กระทำผิดคดีลักษณะเดียวกันนี้ ในท้องที่ สภ.บางใหญ่ และสภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรีด้วย
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะการฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้มีมารดาของนายศรัณสังเกตการณ์ด้วย และเมื่อช่างภาพ บอกให้ผู้ต้องหาเงยหน้าเพื่อที่จะบันทึกภาพ ทางมารดาผู้ต้องหาก็เกิดอาการไม่พอใจถึงขั้นโวยวายว่า “จะซ้ำเติมลูกฉันไปถึงไหนเด็กมันไม่ได้ตั้งใจ ลองเป็นลูกของคุณบ้างสิ” แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ วันเดียวกันนี้ นายเชษฐ์ สุขสมเกษม รองเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้กล่าว ขอบคุณ เจ้าพนักงานตำรวจ ที่สามารถจับกุมคนร้ายที่แท้จริงมารับโทษตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว คลายความวิตกกังวลของสุจริตชนที่เคยหวาดกลัวต่อภยันตรายบนท้องถนน และเกิดใจกลางกรุงเทพมหานคร ผลการจับกุมครั้งนี้นำมาซึ่งความสงบสุขแก่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนายสุวัฒน์ นับเป็นประชาชนคนหนึ่ง แต่ก็เชื่อได้ว่า เจ้าพนักงานตำรวจจะได้ใช้ความรู้ความสามารถในการสืบสวนสอบสวนการจับกุมกับทุกคดีกับผู้เสียหายทุกคน.