วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555
มอบตัวแล้วรปภ.ผับโหด ปาดคอนักเที่ยว
วันนี้ 29 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช รองผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รองผบก.น.5 ร่วมกันแถลงข่าวการมอบตัวของนายดนัย ทองดี อายุ 25 ปี รปภ.ร้านแกะดำคาราโอเกะ ที่ก่อเหตุฆ่าโหดนายดวงเด่น โพธิ์ทอง อายุ 22 ปี พนักงานจดมิเตอร์ไฟฟ้า เสียชีวิต จนพ่อแม่และญาติของผู้ตายต้องแห่โลงศพ ไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกของวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันที่ร้านแกะดำคาราโอเกะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายดวงเด่น โพธิ์ทอง อายุ 22 ปี พนักงานจดมิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถูกรปภ.ของร้านใช้อาวุธมีดปาดคอ ทำให้ญาติของผู้ตายแห่โลงศพไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะกลัวว่าคดีจะไม่คืบหน้าต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พระโขนง ได้ติดตามจับกุมตัวกลุ่มรปภ.ที่ก่อเหตุได้ 2 ราย ส่วนนายดนัย หลบหนีไป พนักงานสอบสวนสน.พระโขนง จึงขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต จนกระทั่งนายดนัยติดต่อขอมอบตัวในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ ซึ่งทางตำรวจขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นคดีใดก็ไม่ได้ละเลย พยายามที่จะเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ หลังจากนี้จะส่งตัวผู้ต้องหาให้สน.พระโขนงดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
“นักข่าวเนเธอร์แลนด์” มอบหัวกระสุนให้ดีเอสไอสอบ
วันนี้ (29 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายมิเชล มาสล์ ผู้สื่อข่าวชาวเนเธอร์เเลนด์ สังกัดวิทยุเนเธอร์เเลนด์ เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 91 ศพ พร้อมมอบหลักฐานหัวกระสุนที่ถูกยิงให้พนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบและประกอบการพิจารณาในสำนวน นอกจากนี้นายมิเซล ยังถือเป็นพยานคดีการเสียชีวิตของนายฟาบิโอ โปเลสกี นักข่าวอิตาลี ที่ถูกยิงเสียชีวิตด้วยเพราะเป็นผู้อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุด้วย อย่างไรก็ตาม นายมิเซลยังได้นำ ซีดีการเข้ารับการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก และคลิปเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ถ่ายเองมามอบให้
ด้านพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ซึ่งเป็นผู้รับมอบหลักฐานแทน กล่าวว่า วันนี้นายมิเชลได้นัดส่งมอบหลักฐานหัวกระสุนปืนที่ผ่าออกมาจากตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวช ซึ่งดีเอสไอจะส่งตัวอย่างหัวกระสุนไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าเป็นกระสุนชนิดใด นอกจากนี้จะมอบซีดีขณะที่กำลังผ่าตัดเอาหัวกระสุน และคลิปเหตุการณ์ชุมนุมของคนเสื้อแดงไปให้พนักสอบสวนพิจารณาอย่างละเอียดเพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบในสำนวนคดีด้วย.
ศาลฎีกาเลือกตั้ง ตัดสิทธิ 5 ปี ลูกน้องบิ๊กบัง ซื้อเสียง
วันนี้ 29 ต.ค ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ลต.4/2555 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายพิทยา บุญเฉลียว ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 พรรคมาตุภูมิ เป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550
กรณีที่มีการกล่าวหาว่านายพิทยา ผู้คัดค้านให้เงินกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนละ 100 บาท เมื่อวันที่ 29 พ.ค.54 ในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง และกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามอบเงินจำนวน 29,000 บาท ให้กับผู้ที่เป็นตัวแทน (หัวคะแนน) เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ ผู้คัดค้านให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.54 เวลา 15.00 น. นายพิทยา ผู้คัดค้าน ไปปราศรัยหาเสียงที่ศาลาประชาคมกลางบ้านเหล่าเสน หมู่ที่ 4 ต.บก อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ พร้อมทีมงาน โดยได้ขึ้นปราศรัยประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นทีมงานหาเสียงที่เป็นชายและหญิงประมาณ 7 คนได้แจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง และแจกเงินให้แก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มาฟังการปราศรัย ซึ่งระหว่างนั้นนายพิทยา ผู้คัดค้าน กล่าวเป็นภาษาอีสานว่า “พี่น้องครับผมมีน้ำใจอยู่ ผู้ใด๋ยังบ่อได้เงิน อย่าฟ้าวลุก ไผได้แล้วให้ลุกได้” ซึ่งต่อมามีพยานชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม แต่ผู้ที่รับเงินได้ขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุพร้อมกับผู้คัดค้าน จากนั้นพยาน 4 คนได้เข้าแจ้งความพร้อมมอบแผ่นพับและเงินของกลางจำนวน 200 บาท ไว้เป็นหลักฐาน
ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานจากชั้นไต่สวนจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายพิทยา ผู้คัดค้านได้ก่อสนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ตัวแทน (หัวคะแนน) ให้เงินกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อจูงใจ ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้กับนายพิทยา ผู้คัดค้าน โดยผู้คัดค้านได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจึงเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 53 และมีผลให้การเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 ศรีสะเกษ ไม่สุจริต และเที่ยงธรรม
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่านายพิทยา ผู้คัดค้าน ได้มอบเงินให้กับหัวคะแนน จำนวน 29,000 บาท นั้นข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในการไต่สวน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หัวคะแนนของผู้คัดค้าน 2 คน ได้เข้าประชุมที่สำนักงานของนายพิทยาแล้ว ผู้คัดค้านได้ก่อสนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ทีมงานของผู้คัดค้านให้เงิน 29,000 บาทกับหัวคะแนน เพื่อไปแจกจ่ายให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หวังจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกผู้คัดค้าน อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ มาตรา 53 วรรค 1 (1) ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมเช่นกัน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของนายพิทยา บุญเฉลียว เป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งเป็นต้นไป.
บก.น.4 แถลงข่าวจับแก็งลักรถจยย. 2 คดี
วันนี้ (29 ต.ค.) ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 4 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ญาณพงศ์ โสมาภา ผกก.สน.วังทองหลาง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาตระเวนลักทรัพย์รถจยย.จำนวน 2 คดี โดยคดีแรก ประกอบด้วย นายภิภพ หรือกิ๊ฟ ผิวงาม อายุ 20 ปี และนายโย (นามสมมุติ)อายุ 18 ปี พร้อมของกลาง จยย.ฮอนด้า สีชมพูคาดดำ ทะเบียน ฬสก 848กทม. และ จยย.ยามาฮ่า สีขาวแดง ทะเบียน อบฐ 208 กทม. โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่กลาง ซอยนาคนิวาศ33แขวงและเขตลาดพร้าว
พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง จะขับขี่รถจยย.ออกตระเวนหารถ ที่จอดอยู่ริมถนนหรือตามห้องเช่า อพาร์ทเม้นท์และไม่ได้ล็อคไว้ จากนั้นจะทำการเข็นออกมาจากที่เกิดเหตุ ก่อนใช้เท้าถีบรถจยย.หลบหนีไป และนำไปขายราคาคันละประมาณ 2,000-4,000 บาท และนำเงินที่ได้ไปซื้อยาเสพติดมาเสพ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งในท้องที่ สน.โชคชัย และ สน.วังทองหลาง ก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจรต่อไป
ส่วนอีกคดี ได้ร่วมกันจับกุมนายณัฐวุฒิ หรือตูน อิ่มแสง อายุ26ปี พร้อมของกลาง จยย.ฮอนด้า สีขาวคาดแดง ทะเบียน อคร 437 กทม. ซึ่งมีน.ส.วิไลวรรณ ทองแต้ม ได้แจ้งหายในท้องที่ สน.หัวหมาก ไว้ก่อนหน้านี้
พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ผู้ต้องหาได้ทำการตระเวนลักจยย.ในย่านลาดพร้าวและหัวหมาก จากนั้นจึงนำชิ้นส่วนจยย.ไปชำแหละและจำหน่ายเป็นอะไหล่มือสอง และบางส่วนก็นำไปแต่งซิ่ง ซึ่งจากการขยายผลยังสามารถจรวจยึดรถที่ถูกโจรกรรมมาอีกทั้งหมดจำนวน 6 คัน ได้ที่บ้านเลขที่ 49/17 ซอยลาดพร้าว101 แขวงเจ้าคุณนรสิงห์ เขตวังทองหลาง โดยเจ้าของบ้านทราบชื่อต่อมาคือ นายธนัท หรือเบิร์ด ภู่ธาวร ที่ร่วมก่อเหตุได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
สาวแก้เผ็ดแก๊งเวียดนามล้วงกระเป๋า
วันนี้ 29 ต.ค. นางธนัดดา สว่างเดือน อายุ 43 ปี นักเขียนอิสระ อยู่บ้านเลขที่ 36 หมู่12 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เหยื่อถูกแก๊งชาวเวียดนามล้วงกระเป๋า เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.สมเกียรติ พลอยทับทิม พงส.(สบ2) สน.ลุมพินี เพื่อให้การเพิ่มเติมภายหลังถูกแก็งค์ดังกล่าวล้วงเอาโทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส สีขาว มูลค่า 26,000 บาท ภายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ ถนนรัชดาฯ แขวงและเขตคลองเตยเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
นางธนัดดา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนเดินทางมาภายในงานดังกล่าวและถูกคนร้ายล้วงเอาโทรศัพท์ไป ในวันต่อมา(28ต.ค.)ตนได้ใช้กลวิธีนำเอาโทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส เลียนแบบ มูลค่า 5,000 บาท นำหนังยางมัดผมจำนวนหลายเส้นมัดต่อกันผูกติดกับกระเป๋ากางเกงด้านหลังเพื่อให้มิจฉาชีพติดกับดักที่ทำไว้ โดยหนึ่งในแก๊งค์ดังกล่าวได้หลงกลมาล้วงกระเป๋าตน พอคนร้ายล้วงกระเป๋าจึงร้องเรียกให้รปภ.เข้ามาช่วยกันจับกุม ก่อนประสานเจ้าหน้าตำรวจสน.ลุมพินีที่ควบคุมตัวไว้ได้ ทั้งนี้ตนรู้สึกเจ็บใจที่ถูกมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวที่มาขโมยโทรศัพท์ของตนไป จึงคิดหากลวิธีที่จะแก้แค้นคืนจนสำเร็จ
ด้าน พ.ต.ท.สมเกียรติ เปิดเผยว่า ภายหลังจากคนร้ายซึ่งก่อเหตุดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวไว้ได้ทันที 1 ราย ทราบชื่อนาง ดิน ธิ บิช มาย อายุ 33 ปี ชาวเวียดนาม อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อขยายผล โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “วิ่งราวทรัพย์” ก่อนสรุปสำนวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป.
นางธนัดดา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนเดินทางมาภายในงานดังกล่าวและถูกคนร้ายล้วงเอาโทรศัพท์ไป ในวันต่อมา(28ต.ค.)ตนได้ใช้กลวิธีนำเอาโทรศัพท์ไอโฟน 4 เอส เลียนแบบ มูลค่า 5,000 บาท นำหนังยางมัดผมจำนวนหลายเส้นมัดต่อกันผูกติดกับกระเป๋ากางเกงด้านหลังเพื่อให้มิจฉาชีพติดกับดักที่ทำไว้ โดยหนึ่งในแก๊งค์ดังกล่าวได้หลงกลมาล้วงกระเป๋าตน พอคนร้ายล้วงกระเป๋าจึงร้องเรียกให้รปภ.เข้ามาช่วยกันจับกุม ก่อนประสานเจ้าหน้าตำรวจสน.ลุมพินีที่ควบคุมตัวไว้ได้ ทั้งนี้ตนรู้สึกเจ็บใจที่ถูกมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวที่มาขโมยโทรศัพท์ของตนไป จึงคิดหากลวิธีที่จะแก้แค้นคืนจนสำเร็จ
ด้าน พ.ต.ท.สมเกียรติ เปิดเผยว่า ภายหลังจากคนร้ายซึ่งก่อเหตุดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัวไว้ได้ทันที 1 ราย ทราบชื่อนาง ดิน ธิ บิช มาย อายุ 33 ปี ชาวเวียดนาม อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อขยายผล โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “วิ่งราวทรัพย์” ก่อนสรุปสำนวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป.
โอม มหารวยนัดแถลงข่าวแฉเบื้องหลังสร้างหลวงปู่ทวด
วันนี้ (29 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีพระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายสมพงษ์ กันภัย หรือ อาจารย์หนู กันภัย และบุคคลใกล้ชิด โดยอ้างว่ามีการยักยอกเงินบริจาคที่นำมาบูชาวัตถุมงคลเพื่อสร้างหลวงปู่ทวด วัดแม่ตะไคร้ ว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่วัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เพื่อเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียน ทั้งนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อรวบรวบข้อมูลให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเน้นให้ตรวจสอบสิ่งก่อสร้างภายในวัดทั้งหมดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร นอกจากนี้ต้องมีการสอบถามพยานแวดล้อมที่อยู่รอบบริเวณวัด เช่น ชาวบ้าน อย่างไรก็ตามอาจจำเป็นต้องขอตรวจสอบเอกสารการเงินที่เกี่ยวข้องกับการรับบริจาคเงินทั้งหมด ส่วนอาจารย์หนู กันภัย เบื้องต้นดีเอสไอจะยังไม่ออกหมายเรียกจนกว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนจากเจ้าอาวาสในฐานะผู้ร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันพรุ่งนี้(30 ต.ค.) นายภุชงค์ สิริธัญผล ประธานบริษัท โอมมหารวย จำกัด จะเปิดแถลงข่าวโดยใช้ชื่อว่า “เปิดโปงเบื้องลึก ระหว่างอาจารย์หนู กันภัย กับ พระเทียนชัย ใครอมเงินทำบุญ 300 ล้านบาท” ที่ โรงถ่าย โอมมหารวย เธียเตอร์ รามคำแหง ซ.150 เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบ เพราะมีประชาชนจำนวนมากประท้วงหน้าบริษัทและขอรับเงินบริจาคคืน ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย โดยประชาชนเข้าใจว่าบริษัทซึ่งเป็นสื่อกลางรับประชาสัมพันธ์วัตถุมงคลดังกล่าวมีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินบริจาค ทั้งที่จริงแล้วบริษัทแค่รับหน้าที่สื่อประชาสัมพันธ์ผ่านทางเคเบิ้ลทีวีโดยไม่ได้มีส่วนแบ่งในเงินบริจาค โดยบริษัทมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงินบริจาคทั้งหมดพร้อมนำมาเปิดเผย นอกจากนี้ยังมีเทปบันทึกการออกอากาศรายการตั้งแต่เริ่มรับบริจาคด้วย.
สันติบาลรับประเมินชุมนุมต่ำ ลืมคนในกรุงเทพ
วันนี้ (29 ต.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผบช.ส. กล่าวว่า การประเมินผู้มาชุมนุมร่วมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามที่สนามม้านางเลิ้งเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าทางการข่าวของสันติบาลประเมินผู้มาชุมนุมต่ำไป ทั้งนี้ ตัวเลขที่ประเมินไว้นั้น เป็นการประเมินขั้นต่ำไว้ ซึ่งต่อไปสันติบาลต้องพิจารณาประชากรจากกรุงเทพฯด้วย รวมถึงเจาะลึกว่า กลุ่มที่มาชุมนุมมีที่มาที่ไปอย่างไรเป็นกลุ่มแฟนพันธ์แท้หรือจัดตั้งขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม สันติบาลเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ต่าง ๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับการชุมนุม โดยประเมินสถานการณ์แย่ที่สุดไว้แล้วและเตรียมแผนการกับมือไว้ นอกจากนี้ สถานที่ที่ใกล้การชุมนุมมากที่สุดคือ ทำเนียบรัฐบาลก็มีการวางแผนรับมือไว้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น แต่การเตรียมแผนของสันติบาลไม่ใช่เป็นการกดดัน เพราะในระบอบประชาธิปไตยเปิดกว้างให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น
พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย กล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้กำชับให้มีความละเอียดในการปฏิบัติหน้าที่และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยความมั่นคง ซึ่งต้องเกาะติดสถานการณ์ ประเมินการข่าวทุกวันเพื่อรองรับการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามในครั้งต่อไป.
ก.ตร.อนุมัติขึ้นเงินพิเศษให้ตำรวจ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อวันที่ 15.30น. วันที่ 29 ต.ค. มีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ครั้งที่ 14/2555 โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานก.ตร. มีรองผบ.ตร.และก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมประชุม ใช้เวลาประชุมเพียง 1 ชั่วโมง ส่วน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ติดภารกิจ มาร่วมประชุมได้ก่อนการประชุมเลิกเพียง 5 นาที
ภายหลัง พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร.แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ในตำแหน่งชั้นยศนายพล และอนุมัติร่างระเบียบเพิ่มเงินพิเศษในตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านการถวายอารักขา ในสังกัดสำนักงานนายตำรวจราชสำนักป191 ราย ซึ่งเป็นการให้เงินเพิ่มพิเศษเทียบเท่าทหารราชองครักษ์ โดยระดับสัญญาบัตรได้เงินเพิ่มเดือนละ 7,000 บาท ชั้นประทวนได้เพิ่มเดือนละ 5,300 บาท ขณะนี้กระทรวงการคลังก็พิจารณาอนุมัติแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการอนุมัติพิจารณาให้ชั้นยศสัญญาบัตรแด่ ด.ต.ที่มีอายุ 53 ปี โดยปีนี้สำรวจแล้วกว่า 6,500 นาย และก.ตร.จะพิจารณาให้โดยเลื่อนไหลโดยอัตโนมัติในปีต่อๆ ไปด้วย
โฆษกตร. กล่าวว่า ก.ตร.ครั้งนี้ ไม่มีการหารือเรื่องการแต่งตั้งหรือการขอขยายเวลาการแต่งตั้งระดับรองผบก.-สว. เนื่องจากกำหนดกรอบเวลาการแต่งตั้งต้องเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย. จึงยังอยู่ในระยะเวลาที่ยังดำเนินการได้.
ภายหลัง พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร.แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ในตำแหน่งชั้นยศนายพล และอนุมัติร่างระเบียบเพิ่มเงินพิเศษในตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านการถวายอารักขา ในสังกัดสำนักงานนายตำรวจราชสำนักป191 ราย ซึ่งเป็นการให้เงินเพิ่มพิเศษเทียบเท่าทหารราชองครักษ์ โดยระดับสัญญาบัตรได้เงินเพิ่มเดือนละ 7,000 บาท ชั้นประทวนได้เพิ่มเดือนละ 5,300 บาท ขณะนี้กระทรวงการคลังก็พิจารณาอนุมัติแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการอนุมัติพิจารณาให้ชั้นยศสัญญาบัตรแด่ ด.ต.ที่มีอายุ 53 ปี โดยปีนี้สำรวจแล้วกว่า 6,500 นาย และก.ตร.จะพิจารณาให้โดยเลื่อนไหลโดยอัตโนมัติในปีต่อๆ ไปด้วย
โฆษกตร. กล่าวว่า ก.ตร.ครั้งนี้ ไม่มีการหารือเรื่องการแต่งตั้งหรือการขอขยายเวลาการแต่งตั้งระดับรองผบก.-สว. เนื่องจากกำหนดกรอบเวลาการแต่งตั้งต้องเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย. จึงยังอยู่ในระยะเวลาที่ยังดำเนินการได้.
ซ้อมย่อยขบวนเรือเตรียมความพร้อม ครั้งสุดท้าย
วันที่ 29 ต.ค.กองทัพเรือซ้อมย่อยครั้งสุดท้ายขบวนพยุหยาตราทางชลมารค งานพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน ซึ่งทางกองทัพเรือ ได้เตรียมการจัดงานพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 พ.ย.นี้ โดยการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ ใช้เรือพระราชพิธี 52 ลำ และกำลังพลจากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เป็นกำลังพลและฝีพายประจำเรือพระราชพิธี 2,200 นาย รูปกระบวนเรือจัดเป็น 5 ริ้ว ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือรูปสัตว์ 8 ลำ ได้แก่ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือครุฑเหินเห็จ เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรืออสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี เรือดั้ง 22 ลำ และเรืออื่น ๆ อีก 18 ลำ การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 16 ที่จัดขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยครั้งล่าสุดเป็นการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน ประจำปี 2550 ในวันที่ 5 พ.ย.2550
การซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคฯ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้เส้นทางตั้งแต่ สะพานพระราม 8 (ท่าวาสุกรี) ถึง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ระหว่างเวลา 15.00 - 17.00 น. โดยจะมีการซ้อมใหญ่เหมือนจริง 2 ครั้ง ในวันที่ 2 และ 6 พ.ย.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างถ่ายรูปเรือสวยงามไว้เป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับประชาชนที่มาชมการซ้อมขบวนเรืออย่างยิ่ง.
คุมตัวมือมีดฆ่าอาจารย์สอนศิลปะทำแผน
วันนี้ (29 ต.ค.)พ.ต.อ.อดิศักดิ์ คุณพันธุ์ ผกก.สน.บางยี่ขัน พ.ต.ท. ชณาวิน พวงเพชร รองง ผกก.(สส.) ร.ต.อ.อุบล ปรึกษา ร.ต.ท.วัชรินทร์ อ่วมฟุ้ง รอง สว.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ควบคุมตัว นายต่าย อายุ 18 ปี และนายโย อายุ 18 ปี (ทั้งคู่นามสมมุติ) ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้มีดฟันบริเวณลำคอ นายนายธนิต โพธิ์กลาง อาจารย์สอนศิลปะโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ จนเสียชีวิตที่บนบาทวิถีหน้าสวนอาหารกุ้งหลวง ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย โดยมีประชาชนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบจับกลุ่มยืนดูด้วยความสนใจ
โดยการทำแผนเริ่มตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุผู้องต้องหาทั้ง 2 คนได้ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีเลือดหมู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งมีนายโย เป็นคนขับ และ นายต่าย ซ้อนท้าย มาจากแยกอรุณอมรินทร์ หลังจากที่มีเรื่องกับคู่อริและได้ไล่ฟันกันจนนายต่าย ได้รับบาดเจ็บ โดยทั่งคู่พยายามขับรถไล่ตามอริแต่ไม่ทัน จากนั้นนายโย จึงขับรถพานายต่าย ไปทำแผลที่โรงพยาบาลแต่ระหว่างทางได้พบ นายธนิต กำลังเดินอยู่ จึงวนรถกลับมาและยังเกิดอารมณ์ค้างอยู่ โดยนายต่าย ได้ลงไปฟันนายธนิต จนเสียชีวิต และรีบขึ้นรถหนีไป โดยที่ผู้ตายไม่ได้ต่อว่าหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญอะไรให้กับผู้ต้องหา กระทั่งนายต่าย ถูกจับได้ในช่วงเย็นวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ภายในซอย รพ.เจ้าพระยา ส่วนนายโย เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้เมื่อช่วงเช้าขณะกำลังขี่รถ จยย. ได้ที่บริเวณพุทธมณฑลสาย 2 จากนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.