วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ทหารปืนโหดยิงเมียผช.พยาบาลดับตัวเองโคม่า
วันนี้ (31 ส.ค.) พ.ต.ท.ชาติชาย วงศ์ปัญญา สารวัตรเวรสภ.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านเลขที่ 185/6 หมู่6 บ้านไสปุด ต.เขาวิเศษ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านเรือนไทย 2 ชั้น ครึ่งไม้ครึ่งปูน พบชาวบ้านกำลังยืนจับกลุ่มวิจารณ์
ตรวจสอบพบกองเลือดกระจายพื้นชั้นล่าง ใกล้กันพบปืนกล็อก ขนาด 9 มม. มีเลขทะเบียนอนุญาตเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก ส่วนผู้ถูกยิงบาดเจ็บ 2 ราย ญาตินำส่งรพ.วังวิเศษ ไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อน.ส.จิราวรรณ นามจันทร์ อายุ 28 ปี อาชีพผู้ช่วยพยาบาล รพ.วัฒนาแพทย์ จ.ตรัง ถูกจ่อยิงเข้าขมับซ้ายทะลุขวา สิ้นใจระหว่างนำส่งรพ.ฯ และพลอาสาสมัครสห.สราวุธ อ่อนรู้ที่ อายุ 35 ปี ชาวต.เขาวิเศษ เป็นทหารสังกัดค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีบาดแผลถูกยิงเข้าใต้คาง อาการโคม่า แพทย์ย้ายจากรพ.อำเภอวังวิเศษ รักษาต่อรพ.ศูนย์ตรัง
สอบสวนทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านพี่สาวพลอาสาสมัคร สห.สราวุธ โดยผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นสามีภรรยากัน มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 4 ขวบ ก่อนเกิดเหตุทั้งสองมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง เนื่องจากภรรยาไม่พอใจที่สามีไม่ค่อยมีเวลาดูแล หลังจากภรรยาประสบอุบัติเหตุ ล้มรถจยย.ข้อเท้าแตก เนื่องจากต้องทำงานที่ค่ายฯ ฝ่ายภรรยาแสดงท่าทีประชดเก็บข้าวของและเสื้อผ้า ไปบ้านพี่สาวซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน และโทรศัพท์ขอร้องให้ญาติฝ่ายสามีไปส่งที่คิวรถตู้เขาวิเศษ-ตรัง เพื่อกลับบ้านเกิด จ.ระนอง ส่งผลให้สามีไม่พอใจบันดาลโทสะชักปืนพกออกมาจ่อยิงศีรษะ 1 นัด ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงใต้คางตัวเอง หวังปลิดชีพตายตาม
ล่าสุดอาการยังไม่พ้นขีดอันตรายเนื่องจากกระสุนโดนจุดสำคัญ เบื้องต้นตำรวจมุ่งประเด็นความหึงหวง เพราะมักมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามจะเรียกญาติพี่น้องของสองฝ่ายมาสอบสวนอีกครั้ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบรูปคดีต่อไป.
อาเซียนผนึกกำลังปี58ปลอดยาเสพติด
วันนี้ (31 ส.ค. ) ที่โรงแรมแชงกรีลา สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านยาเสพติดโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มาต้อนรับผู้เข้าประชุมในฐานะประเทศเจ้าภาพและหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดและฝากข้อคิดเห็นกับประเทศพม่าเป็นพิเศษในเรื่องสารตั้งต้น แหล่งผลิตยาเสพติดทางท่าขี้เหล็ก โดยกล่าวว่า ทางการพม่าไม่มีส่วนรู้เห็นคาดว่าการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นไปในทิศทางเดียว จากนั้นพล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็นประธานการประชุมต่อโดยมีพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาป.ป.ส. ว่าที่ผบ.ตร. เข้าร่วมด้วย
การประชุมครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนในการมุ่งสู่อาเซียนปลอดยาเสพติดภายในปี 2558 ตามที่บรรดาผู้นำอาเซียนได้เน้นย้ำในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 20 ที่ผ่านมา ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งไทยและกัมพูชาได้ร่วมกันผลักดันปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยอาเซียนปลอดยาเสพติด ปี 2558 มีผู้นำจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายรอมเมล แอล การ์เซีย รองเลขาธิการและรองประธานคณะกรรมการยาเสพติดแห่งฟิลิปปินส์ นายมาซากอส ซัลคิฟลี บิน มาซากอส โมฮัมหมัด รมต.อาวุโสกระทรวงมหาดไทยแห่งสิงค์โปร์ พล.ต.ท. ฟาม กุ๋ย เหงาะ รมช.กระทรวงความมั่นคงภายในแห่งเวียดนาม และนายเนียน ลิน รองเลขาธิการอาเซียน
พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จ และได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่มุ่งให้อาเซียนเป็นเขตปลอดยาเสพติดภายในปี 2558 โดยมีมติเห็นชอบให้แก้ไขปัญหายาเสพติด เน้นสกัดกั้นยาเสพติดทั้งภายในและนอกภูมิภาค อย่างจริงจัง พร้อมเป็นหุ้นส่วนในการแก้ปัญหายาเสพติด
ในการประชุมแต่ละประเทศพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงปัญหาต่าง ๆ แต่ละประเทศมีปัญหาแตกต่างกันไป มีการเสนอกรอบแนวทางในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดโดยเฉพาะประเทศพม่าเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งพม่ายอมรับอย่างเปิดใจเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในประเทศเพราะเกิดจากมีพื้นที่กว้างขวาง ว่างเปล่าเยอะ ประชากรว่างงาน มี่สารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด และทางการพม่าได้พยายามแก้ไข ไทยเองก็ช่วยสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง
ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งแหล่งผลิต ผู้ค้า และการเดินทาง ในเอเซียประเทศไทยถือว่าเป็นเส้นทางผ่านประเทศสมาชิกจึงร่วมกันคิดบูรณาการทำงานเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดทั้งภูมิภาคร่วมกันทั้งเรื่องบังคับใช้กฏหมาย.
ป.ป.ท.สอบนายทุนรุกป่าเลย-ชัยภูมิเกือบ2หมื่นไร่
วันนี้ (31ส.ค.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ป.ป.ท ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติเพื่อปลูกสวนยางพารา และสร้างบ้านพักตากอากาศ โดยพบการบุกรุกในจ.เลย และจ.ชัยภูมิ ในจ. ชัยภูมิ เป็นการบุกรุกพื้นที่เขตป่าสงวน ป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือซึ่งประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 233 (พ.ศ.2510) ครอบคลุม อ.ภูเขียว แก้งค้อ และอ.เกษตรสมบูรณ์ โดยเข้าไปแผ้วถางป่าบริเวณกว้าง และปลูกยางพารา รวมถึงก่อสร้างบ้านพักหรู ทั้งที่สภาพเป็นเขาสูงชันและยังเป็นแหล่งต้นน้ำห้วยคี และแหล่งต้นน้ำลำประทาว ไหลลงแม่น้ำชี
นอกจากนี้ยังพบการเผาป่าขยายพื้นที่เตรียมปลูกยางพาราเพิ่ม รวมพื้นที่บุกรุกไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่ เบื้องต้นยังไม่ขอออกเอกสารสิทธิ แต่ถูกบุกรุกมานานกว่า 10 ปี ป.ป.ท. ประสานกรมป่าไม้ดำเนินการกับผู้บุกรุก หากไม่ดำเนินการป.ป.ท.จะเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 นอกจากนี้ยังพบประเด็นต้องสงสัยว่าพื้นที่บุกรุกอยู่ไม่ไกลจากหน่วยป่าไม้ เหตุใดเจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงไม่เข้าดำเนินการใด ๆ ปัจจุบันสวนยางพารามีอายุไม่ต่ำกว่า 5 ปี กรีดน้ำยางขายได้แล้ว
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนป.ป.ท.ยังพบการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูหลวงและป่าภูหอ ซึ่งประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 643 (พ.ศ. 2517) ครอบคลุม อ.ภูหลวง จ.เลย พบเอกชนเข้าไปปลูกบ้านหรูอยู่บนยอดเขาและตัดถนนเข้าพื้นที่ ป.ป.ท.จึงสอบถามสำนักทรัพยากรธรรมชาติ จ.เลย ได้รับคำตอบว่าเป็นเขตป่าอนุรักษ์โซนซี ห้ามบุกรุกและห้ามทำเกษตรเด็ดขาด แต่ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติป่าภูหลวงถูกแผ้วถาง ปรับหน้าดินกลายเป็นภูเขาหัวโล้น เตรียมพื้นที่ปลูกยางพารา ไม่ต่ำว่า 10,000 ไร่ ในสัปดาห์หน้าป.ป.ท.จะประสานนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจป่าภูหลวงและภูแลนคาว่าถูกบุกรุกปลูกสวนยางพาราไปแล้วกี่ไร่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายให้รื้อสวนยางพาราออก
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า สำหรับจ.เลย เป็นป่าสูงชัน ป.ป.ท.ยังพบการบุกรุกในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในเขตป่าภูผาขาวและภูผายา ซึ่งประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 1101 (พ.ศ. 2528) ครอบคลุมอ.ผาขาว จ.เลย จากการตรจสอบพบญาติอดีตผู้บริหารระดับสูง จ.เลย บุกรุกปลูกยางพาราในพื้นที่ผาสูงชันรวมพื้นที่ที่บุกรุกไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ หลังจากนี้ป.ป.ท.จะเข้าตรวจสอบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ทับเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ เพื่อดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดต่อหน้าที่ และเน้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวเพิ่มเติมว่า ป.ป.ท.จะเร่งรัดแก้ปัญหาการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติเพื่อปลูกยางพารา เนื่องจากระยะหลังพบนายทุนในภาคใต้มีพฤติการณ์บุกรุกป่าสงวนทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ โดยแผ้วถางป่าเพื่อปลูกยางพาราจะส่งผลให้เกิดภัยแล้ง และในกรณีที่ฝนตกหนักดินจะอุ้มน้ำไม่ได้เกิดปัญหาดินถล่มตามในหลายจังหวัด จากนั้นก็จะตั้งเบิกงบภัยพิบัติเพื่อทุจริตวงเงินงบประมาณกันอีก กลายเป็นวงไม่สิ้นสุด.
คุม “ไอ้มั่น”ทำแผน เผยขับไล่ฟัดกันมาเกือบ 100 เมตร
วันนี้ ( 31 ส.ค.) หลังเจ้าหน้าที่นำตัว นายมั่น พูลทรัพย์ ผู้คุมคนงานรับเหมาก่อสร้างไปแถลงข่าวที่ บช.ภ.3 นครราชสีมา แล้ว ต่อมาได้คุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมี พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผช.ผบ.ตร. พ.ต.อ.ธนาเคหะเจริญ ผกก.สภ.หมูสี มาดูการทำแผนด้วย ท่ามกลางกำลังตำรวจชุดรักษาความปลอดภัย พร้อมอาวุธครบมือรวมกว่า 50 รวมทั้งให้ผู้ต้องหา สวมเสื้อเกราะกันกระสุนเพื่อความปลอดภัยด้วย โดยนำตัวไปทำแผนยังที่เกิดเหตุ ตั้งแต่ร้านอาหารริมถนนธนะรัชต์ ตรงข้ามปาริโอ้ ต่อเนื่องมาถึงหลังโรงเรียนบ้านคลองเดื่อหมู่ 6 ลากยาวมาถึงจุดยิงปะทะที่หมู่บ้านคลองเดื่อ หมู่ที่ 6 ต. หมูสี อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา จุดถนนเชื่อม ถนนธนะรัชต์ ทางขึ้นเขาใหญ่ เส้นทางไป อ. วังน้ำเขียว
พอก่อเหตุเสร็จ จึงขับรถหลบหนีไปที่สามแยกบ้านคลองดินดำ แล้วหลบหนีออกไปเส้นทางด้านหลังโบนันซ่ารีสอร์ทเขาใหญ่ และจอดรถลงไปหักสปอตไลน์ที่ติดด้านหลังกระบะทิ้งลงถังขยะ ก่อนจะวิ่งออกหมู่บ้านขนงพระเหนือ หมู่ที่ 1 พอพ้นหมู่บ้านมาจนถึง ทางขึ้นข้ามสะพานลำตะคอง ตัดสินใจโยนอาวุธปืนขนาด 9 มม.ทิ้งลงป่าข้างทาง แล้วรีบขับรถมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯทันที จากนั้นได้ถอดชิ้นส่วนและซื้ออุปกรณ์ต่างๆมาซ่อมพ่นสีรถเอง รวมทั้งถอดโรบาร์หลังกระบะออก ก่อนจะกลับมาทำงานในพื้นที่ตามปกติ
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหาให้การว่าไม่เคยรู้จักกับฝ่ายรถผู้ตายมาก่อน สาเหตุมีเพียงขับรถเปิดไฟสูงและแซงปาดหน้ากันแล้วผู้ต้องหาอ้างว่าฝ่ายผู้ตายคือลูก สส.ชาดา ยิงปืนใส่ก่อนหลายนัด จึงนำปืนที่ซ่อนไว้ใต้เบาะนั่งคนขับออกมายิงเพื่อป้องกันตัว โดยไม่ทราบว่าจะมีผู้เสียชีวิต ระยะทางที่รถทั้ง 2 คันขับเคี่ยวกันมาระยะทาง 93 เมตรโดยรถผู้ต้องหาถูกกระสูนปืนเข้ากระบะหลัง 1 รู บริเวณคอนโซนหน้ารถข้างพวงมาลัย 1 รู และถูกที่ไฟท้ายด้านขวาแตก 1 นัด รวมเป็น 3 นัด ซึ่งปลอกกระสูนปืน ที่ตกในที่เกิดเหตุรวม 13 ปลอก มีทั้งขนาด 380 ขนาด 9 มม. ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนผู้ต้องหาเพื่อทำสำนวนให้สมบูรณ์ต่อไป.
ใบสั่งเตือนภัย บช.น. ดีเดย์ 1 ก.ย.
วันนี้ ( 31 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น ได้โชว์ใบแจ้งเตือนภัยให้กับสื่อมวลชนดู โดยระบุว่า สืบเนื่องจากในเขตพื้นที่บช.น. ได้มีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์รถยนต์ รถจักรยานยนต์และลักทรัพย์ตามบ้านเรือนประชาชนบ่อยครั้ง รวมทั้งเหตุชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์คนเดินถนน จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัย ให้ใช้ความระมัดระวังในการป้องกันและดูแลทรัพย์สินของตนเองเบื้องต้น ส่วนใบเตือนการกระทำผิดกฎจราจรที่จะนำมาใช้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครเท่านั้น ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่ ได้รับใบเตือนไปแล้วครั้งหนึ่ง และยังกระทำความผิดกฎหมายจราจรซ้ำอีก เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยอาจถูกปรับในอัตราโทษสูงสุดทันที ซึ่ง ใบเตือนจะมีขนาดเดียวกันกับใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจร แต่จะมีคำว่าใบเตือน อยู่ด้านบน
สำหรับลักษณะของใบเตือนจะมีรูปแบบประกอบด้วย 3 ส่วน คือส่วนที่ 1 สีเหลือง สำหรับให้เตือนแก่ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดกฎหมายจราจร ส่วนที่ 2 สีชมพู สำหรับใช้ในการบันทึกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์หรือฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนที่ 3 สีขาว สำหรับเป็นสำเนาคู่ฉบับติดอยู่กับต้นขั้วเล่มใบเตือนไว้เป็นหลักฐานสำหรับเจ้าพนักงานผู้พบเห็นการกระทำความผิดหรือจับกุม
อย่างไรก็ตามการออกใบเตือนกับ ผู้ขับขี่ที่กระผิดกฎหมายจราจร จะไม่นำไปใช้ใน 13ข้อหาหลักตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา 1.แข่งรถในทาง 2. ขับรถเร็ว 3. แซงในที่คับขัน 4. เมาแล้วขับ 5. ขับรถย้อนศร 6. ไม่สวมหมวกนิรภัย 7. จอดรถซ้อนคัน 8.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 9. มลพิษควันดำ 10. จอดรถในที่ห้ามจอด 11.การจอดรถบนทางเท้า 12. การขับรถบนทางเท้า 13. แท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร
อีกระลอก!บึ้มห้างดังนราธิวาสไฟลุกโชน
เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 31 ส.ค. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณภายในซุปเปอร์ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ซึ่งเป็นห้างดังขนาดใหญ่ที่สุดของจ.นราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.จำรูญนรา เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณด้านหลังของห้าง จากนั้นไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว จนลามไปกินส่วนต่างๆของอาคาร ซึ่งติดอยู่กับบ้านเรือนประชาชน จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว ต่างพากันอพยพข้าวของที่จำเป็นหนีไฟกันอย่างอลหม่าน
ต่อมา นายเถลิงศักดิ์ ยกศิริ นายอำเภอเมืองนราธิวาสได้ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเป็นผู้ควบคุมการดับไฟ โดยได้ขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากพื้นที่ อ.ยี่งอ และ อ.ตากใบ รวมทั้งสิ้นกว่า 40 คัน ก่อนกระจายกำลังกันสกัดกั้นต้นเพลิง แต่ยังไม่เป็นผล เนื่องจากในห้างมีสินค้าและวัตถุที่ติดไฟง่าย เพลิงจึงลุกโชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพยายามอย่างหนัก แต่สุดท้ายก้ยังไม่เป็นผล
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้แฝงตัวปะปนกับชาวบ้านทำทีเข้าไปซื้อสินค้าเมื่อสบโอกาสคนร้ายได้วางระเบิดไว้โดยซุกซ่อนไว้บริเวณข้างกองบรรจุสินค้าที่เก็บไว้เป็นสต๊อกแต่ถึงอย่างไรก็ตามหาดเพลิงสงบลงในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ล่าสุด เมื่อเช้าวันนี้ 1 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าซุปเปอร์ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ 4 สาขานราธิวาสในช่วงเช้า มีพนักงาน และผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าภายในห้างทั้งที่ทราบข่าวและไม่ทราบข่าวร้ายที่เกิดขึ้นต่างยืนจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆโดยส่วนใหญ่มีความวิตกว่าจะตกงาน เนื่องจากห้างถูกเพลิงได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมดใน ยังประเมินมูลค่าไม่ได้
โดย นายเถกิงศักดิ์ นายอำเภอเมืองนราธิวาส ได้เข้าสังเกตการณ์ที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งพบว่ายังมีควันไฟคุกรุ่นอยู่ภายในกองสินค้าเป็นระยะ ทำให้อาจจะเกิดลุกลามขึ้นมาได้อีกครั้งจึงขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากสำนักงานเทศบาลเมืองนราธิวาส มาฉีดน้ำเพื่อเคลียร์พื้นที่และให้ง่ายต่อการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นพบว่าจุดต้นเพลิงอยู่บริเวณแถบชั้นวางสินค้า ประเภทน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดภาชนะที่ตั้งอยู่ชั้นในสุดของประตูทางเข้าอาคาร จากนั้นได้ลุกไปติดแผนกจำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนการสอนจนวอดทั้งห้าง สร้างความเสียหายไปถึง 95เปอร์เซ็นต์
ด้าน พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ขณะนี้ทำงานอย่างยากลำบากมาก เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีซากสินค้าหลายชนิดถูกเพลิงไหม้ทับถมกันเป็นจำนวนมาก คาดว่าเหตุที่เกิดขึ้นน่ามาจากถูกคนร้ายลอบวางระเบิดที่มีน้ำหนักกว่า 5 กก. โดยน่าจะมีน้ำมันเชื้อเพลิงผูกติดไว้ด้วยเพื่อหวังให้กระเด็นไปติดกองสินค้าเวลาจุดชนวนระเบิด
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ซึ่งเป็น 1 ในผู้รับผิดชอบคดีนี้ ได้จัดทีมสืบสวนหาเบาะแสของคนร้ายด้วยการตรวจสอบกล้องวงจรไปที่ติดไว้บริเวณเสาไฟฟ้าหน้าห้างรวมไปถึงที่ติดไว้บริเวณจุดตรวจเซฟตี้โซนทั้ง 4 จุดเพื่อตรวจสอบยานพาหนะต้องสงสัยทุกชนิดที่ผ่านไปมา โดยเฉพาะในช่วงเวลา18.00 น.เป็นต้นไป เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายอาจจะมีการแฝงตัวขี่รถ จยย.ผ่าน แล้วจอดรถหน้าห้างเดินปะปนกับชาวบ้านที่เข้าไปซื้อหาสินค้า เพื่อหาโอกาส กระทั่งนำระเบิดไปวางและจุดชนวนสำเร็จ ประการสำคัญพฤติกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่เคยแฝงตัวนำระเบิดไปก่อเหตุในลักษณะนี้ที่ร้านซุ่ยฮั้วพาณิชย์นราธิวาส และร้านจินไถ่จูเนียร์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 54 ที่ผ่านมาซึ่งครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 ราย บาดเจ็บ 8 รายเพื่อต้องการทำลายเศรษฐกิจและความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้.
จับพลทหารรุมฟันคู่อริปางตาย
พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณ สว.สส.สน.ทุ่งมหาเมฆ นำกำลังฝ่ายสืบสวน จับกุม พลทหารกรีฑา อ่ำพันเงิน อายุ 23 ปี สังกัดหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี เลขที่ 1541/2552 ลงวันที่ 29 ต.ค.52 ในความผิดข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณป้ายรถประจำทางหน้า รพ.วิภาวดี ถนนงามวงศ์วาน แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่
สืบเนื่องจาก เมื่ช่วง 4 ทุ่ม วันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาพร้อมเพื่อนรวม 4 คน ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฟัน นายยอดรัก สุทธาวิลัย อายุ 23 ปี คู่อริจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เหตุเกิดที่บริเวณห้องเช่าแห่งหนึ่ง บนถนนสุขาภิบาล 3 แขวงและเขตมีนบุรี ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งของผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน เหลือเพียงพลทหารกรีฑาคนเดียว ที่ยังหลบหนีอยู่ กระทั่งวันนี้ทราบว่าผู้ต้องหา จะมากินข้าวที่บริเวณดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าจับกุม
จากการสอบสวนผุ้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนกับเพื่อนร่วมกันทำร้ายผู้บาดเจ็บจริง เนื่องจากเพื่อนในกลุ่มถูกนายยอดรักโทรศัพท์มาหาเรื่อง จึงชวนกันบุกไปที่ห้องพักผู้ตาย แต่ถูกผู้ตายขว้างขวดเหล้าใส่ และพยายามจะชักปืนยิง จากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุนขึ้น กระทั่งตนแย่งปืนมาได้ และใช้มีดที่เตรียมมาฟันเข้าที่ศีรษะจนถึงแก่ความตาย
ยาริสชนฟุตบาธใต้บีทีเอสหมอชิตเพลิงลุกท่วม
พ.ต.ท.ศักดิ์พัฒน์ เหรียญทอง พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บางซื่อ ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนตอหม้อทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ บริเวณใกล้สถานีบีทีเอสหมอชิต ถนนพหลโยธินขาเข้ามุ่งหน้าไปตลาดอตก. จึงประสานรถนำดับเพลิง ที่เกิดเหตุพบรถโตโยต้า ยาริส สีแดง ทะเบียน ฌฌ 855 กทม. สภาพเพลิงลุกไหม้ท่วมคัน เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำอย่างเร่งด่วนจนสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ส่วนผู้ขับทราบชื่อคือ นายธนาคม อารีกุล อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่ง รพ.เปาโล
สอบสวนทราบว่า ขณะที่รถคันดังกล่าว ขับรถมาตามถนนพหลโยธินขาเข้าด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุรถเกิดเสียหลัก ทำให้พุ่งชนฟุตปาธบริเวณตอหม้อใต้สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ก่อนจะกระเด็นไปชนฟุตบาทเกาะกลางอีกทีหนึ่ง จากนั้นเกิดเพลิงลุกไหม้ทั้งคัน เบื้องต้นต้องรอผู้บาดเจ็บมีอาการดีขึ้นก่อนจะนำตัวมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการชนที่แท้จริงต่อไป.
ปล่อยภาพดาราหนุ่มจูบปากคู่ขาว่อนเน็ตอีกรอบ (exclusive)
จากกรณี ภาพหลุด ชายหนุ่มหน้าตาละม้ายคล้ายนักแสดงหนุ่มดีกรีนักศึกษา ในอิริยาบถนอนเปลือยกายอมนกเขาชายหนุ่มนอกวงการบนเตียงนอนในห้องพักส่วนตัวโดยภาพสุดสยิวมีทั้งหมด 2 ภาพ แม้ทางผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถาม นักแสดงคนดังกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งมีกระแสข่าวบินไปเรียนต่อเมืองนอก จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกไซเบอร์ กันอย่างกว้างขวาง
ล่าสุดชาวโลกไซเบอร์ ต่างก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง หลังจาก เว็บไซด์ของชาวสีม่วงเว็บหนึ่ง ได้เผยแพร่ภาพ ชายหนุ่มที่มีลักษณะคล้ายนักแสดงคนเดิมอีกรอบ โดยมีรูปภาพ วาบหวิว ลักษณะกอดจูบระหว่างชายกับชายกันอย่างดูดดื่ม นอกจากนี้ยังมีภาพลักษณะ ตัดต่อ โชว์นกเขาของคู่ขา กับนักแสดงชายนอนปิดหน้าไว้อีกด้วย ซึ่งขณะนี้รูปดังกล่าว กำลังถูกแพร่หลายไปยังกลุ่มโซเชียลเน็ตเวิร์คชาวสีม่วงอย่างกว้างขวาง ขณะที่นักแสดงหนุ่มยังไม่สามารถติดต่อได้เช่นเคย.
วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555
วิสามัญพ่อค้ายาบ้ายึดของกลาง1.5ล้านเม็ด
เมื่อเวลา 09.00น. วันที่ 24 ส.ค. พ.ต.ต.ชนิด เสือดาว พงส.(สบ2)สน.สายไหม รับแจ้ง มีเหตุตำรวจวิสามัญฆาตกรรมคนร้าย ภายในบ้านเลขที่ 78/154 ม.บุศริน ซ.8 ถนนวัดเกาะ แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันวรลักษณ์ ผบก.สปพ. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.หาญ เลิศทวีวิทย์ ผกก.สน.สายไหม
ที่เกิดเหตุ บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านหลังที่ 2 ของทาวน์เฮาส์สองชั้น ปลูกติดกัน 12 หลัง เจ้าหน้าที่ชุด บช.ปส. นำกำลังบุกควบคุมตัวนายสิทธิชัย กรุดเที่ยง อายุ37 ปี เอาไว้ อยู่ในสภาพสวมเสื้อโปโลสีขาว สวมกางเกงขายาวลายพราง โดยพบของกลางยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน ส่วนบริเวณท้ายซอยติดกำแพงนอกรั้วหมู่บ้านพบศพชาย สภาพนอนหงายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเขียวกางเกงขายาวสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณ ลำคอขวา ริมฝีปากด้านบน แผ่นหลังขวา แขนขวา สะบักหลัง และเอว รวม 6 นัด ใกล้กันมีอาวุธปืนขนาด9มม. ยี่ห้อซีแซด สีดำ ตกอยู่ ทราบชื่อต่อมา คือนายสุธี หรือขุน สุวรรณอยู่ศิริ อายุ36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/290 ซ.ดำรงลัทธพิพัฒน์ ซ.5 แขวงและคลองเตย กทม.
โดยพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช.ปส. กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ได้สืบทราบว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นขบวนการค้ายา และได้ทำการติดตามมาร่วมเดือนแล้ว และเมื่อช่วงเช้า นายสุธีได้ขับรถปิกอัพโตโยต้า รุ่น วีโก้ สีเขียว ทะเบียน ตค327 กทม. มารับนายสิทธิชัยที่บ้าน ก่อนที่จะพาขับรถตระเวนแล้วไปจอดให้นายสิทธิชัยลงไปขับรถจิ๊บ เชโรกี สีบอรนซ์ทอง ทะเบียน ฆญ 6159 กทม. ให้ขับรถกลับไปจอดที่บ้านดังกล่าว จากนั้นนายสิทธิชัยได้ขับรถดังกล่าวกลับมาบ้านโดยมีนายสุธีผู้ตายขับตามประกบอยู่ห่างๆ เพื่อดูต้นทาง เมื่อไปถึงบ้านก็ได้นำยาบ้าไปซุกซ่อนไว้ในห้องใต้บันได และบางส่วนก็ซ่อนไว้บนชั้นสองของบ้าน หลังจากนั้นก็ผู้ต้องหาก็ยังได้มีการตรวจนับของและถ่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วย
ต่อมาตนพร้อมชุดจับกุมนำโดยพ.ต.ท.กฤษดา ศรีอีสาน สว.กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส. และทางเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าติดตาม จึงบุกเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุม แต่นายสุธีได้วิ่งขึ้นไปบนชั้นสองและปีนทะลุเพดานวิ่งตามฝ้าเพดานไปหลบที่บ้านหลังถัดไปสิบคูหา ก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดออกไปทางนอกรั้วหมู่บ้านและใช้ปืน9มม.ยิงต่อสู้ จนถูกวิสามัญ ส่วนทางนายสิทธิชัย ไม่ได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมเอาไว้ได้ภายในบ้าน ขณะที่ภายในบ้านนั้น ยังมี ภรรยา ลูก และหลาน ของนายสิทธิชัยพักรวมอยู่ด้วยรวม 4 คน จึงได้ควบคุมตัวคนในบ้านทั้งหมดเพื่อทำการสอบสวนเบื้องต้นที่ บก.ปส.3 บช.ปส. เบื้องต้นนายสิทธิชัยได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 20,000บาท ทำมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่ทำก็จะล้างรถเพื่อดับกลิ่น
ด้านพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. กล่าวว่า จากการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า นายสุธี ได้ขับรถมารับนายสิทธิชัยเพื่อรับของ โดยนายสิทธิชัยจะทำหน้าที่ลงไปขับรถที่ทางเอเย่นต์นำมาจอดทิ้งเอาไว้ที่ตลาดปัฐวิกรณ์ ทั้งนี้ยาบ้าล๊อตดังกล่าวถูกลำเลียงมาจากทางภาคเหนือ กำลังจะนำมากระจายในกรุงเทพชั้นใน โดยมีนายทุนรับต่อไปจำหน่ายที่ย่านคลองเตย ทราบว่าทั้งหมดเป็นเครือข่ายของทางคลองเตย และบ้านหลังดังกล่าวก็ถูกใช้เป็นจุดพักยาเสพติดด้วย และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าภรรยาของนายสุธีเป็นลูกพี่ลูกน้องของหมูเขาบิน ที่ติดคุกอยู่ที่ราชบุรีด้วย ส่วนการจับกุมดังกล่าวถือเป็นการตัดเส้นเลือดเครือข่ายยาบ้าครั้งใหญ่ ในการนำไปกระจายในกรุงเทพฯ เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ บช.ปส.และตำรวจนครบาลเข้มงวดในการหาข่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดต่อไป
สอบสวนนายสิทธิชัยให้การว่า ตนเข้ามาพักได้เดือนกว่า โดยเช่าเดือนละ 6,000บาท พร้อมลูก เมีย และหลาน โดยทำมาหลายครั้งแล้ว ก่อนถูกจับกุม นายสุธีได้ขับรถมารับตนตั้งแต่ช่วงเวลา 02.00น.แล้วพาวนไปจอดที่ตลาดปัฐวิกรณ์ จากนั้นได้ให้ตนลงไปขับรถที่มียาบ้าซุกซ่อนอยู่ เพื่อขับกลับมายังบ้านพักนี้ โดยได้ค่าจ้าง 20,000บาท จากนั้นนายสุธีก็จะขับรถนำทางมาที่บ้าน เมื่อมาถึงก็ขนของกลางลง ก่อนที่จะนำไปเก็บเอาไว้ที่ในห้องใต้บันใด และบนชั้นสอง เมื่อทางเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุม นายสุธีได้วิ่งหลบหนีทะลุฝ้าเพดานไป แล้วตนก็ได้ยินเสียงยิงต่อสู้ ส่วนตนไม่กล้าหลบหนีและยอมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่แต่โดยดี ส่วนนายสุธีนั้นตนได้รู้จักตอนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเขาพริก จ.นครราชสีมา เมื่อถูกปล่อยตัวก็ออกมาติดต่อร่วมกันทำงานอีกครั้ง
ชว์เฟอร์รถทัวร์สุดแสบ ออกอุบายเติมลมยาง แล้วซิ่งรถหลบหนี
โชเฟอร์รถทัวร์แสบสุดออกอุบาย โทรฯหาเจ้าของทัวร์ว่าจะนำรถไปเติมลมยาง ขณะลูกทัวร์แวะชมเที่ยวสวนงู ก่อนเชิดทรัพย์สินมีค่าที่อยู่ในรถไป ทั้งกล้องถ่ายภาพ เงินสด
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 ส.ค. พ.ต.ต.บวรภพ สุนทรเรขา สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.ได้รับแจ้งจากนายชัยยศ ฟ้าอรุณ ไกด์ทัวร์บริษัทแสงรัศมี ทรานสปอร์ต ว่ารถทัวร์ หมายเลขทะเบียน 30-0792 นครราชสีมา ของบริษัทดังกล่าวถูกนายธนัช ควนตาเหล็ก ซึ่งเป็นคนขับของบริษัท ขับหนีหายไปพร้อมกระเป๋าและทรัพย์สินของลูกทัวร์ชาวจีนจำนวน 24 คน โดยขับหนีหายไปจาก สวนงู ย่านลาดกระบัง จึงรายงานให้ พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตรสุขศรี ผบก.ทท. ทราบพร้อมวิทยุให้สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวสกัดจับรถคันดังกล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น.เจ้าหน้าที่พบรถคันดังกล่าวจอดทิ้งอยู่บริเวณริมถนนบางนา - ตราด กม.16 โดยไม่พบคนขับคนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะหลบหนีไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำรถทัวร์คันดังกล่าวกลับมาที่ รร.เอเชีย ถนนพญาไท ซึ่งลูกทัวร์ชาวจีนกรุ๊ปดังกล่าวพักอยู่เพื่อให้ทำการตรวจสอบทรัพย์สิน
จากการสอบสวนนายชัยยศ ไกด์ทัวร์ ให้การว่า เมื่อช่วงเย็น ตนได้พานักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวมาจากพัทยา ก่อนจะแวะชมสวนงู ย่านลาดกระบัง ระหว่างนั้นนายธนัช คนขับรถ ได้โทรศัพท์มาแจ้งกับตนว่าจะนำรถไปเติมลมยาง จนกระทั่งลูกทัวร์ชมการแสดงเสร็จตนจึงติดต่อไปยังคนขับ ให้นำรถมารับลูกทัวร์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และเห็นว่าหายไปนานผิดปกติตนจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวช่วยตามหา
ด้านพล.ต.ต.อดิศร์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ให้ลูกทัวร์กรุ๊ปดังกล่าวพักอยู่ที่ รร.เอเชีย ให้มาทำการตรวจสอบทรัพย์สิน จากการตรวจสอบบนรถและห้องเก็บของด้านข้างรถพบว่า มีทรัพย์สินของลูกทัวร์ได้หายไปได้แก่ กล้องถ่ายภาพ ยี่ห้อแคนนอน 1 ตัว และเงินสดจำนวน 10,000 บาท หายไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามตัวคนขับมาดำเนินคดีต่อไป
ตำรวจปิดถนนวิภาวดีสกัดจับเด็กแว๊น
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 25 ส.ค. พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต / ทางพิเศษ กก.2 บก.จร.พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย และรถยนต์กว่า 10 คัน พร้อมรถยกนำกำลังเข้าสกัดกั้นจับกุมเด็กแว๊น ภายในถนนคู่ขนานใต้ทางด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต ห่างจากอนุสรณ์สถานมา 200 เมตร แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ สามารถจับกุมและยึดรถจยย.ได้ 10 คันพร้อมจับกุมเยาวชน 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน
พ.ต.ท.สนอง กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเจ้าหน้าทีสืบทราบมาว่ากลุ่มเด็กแว๊นมักจะใช้ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นถนนประลองความเร็ว สร้างความเดือดร้อนและหนวกหูแก่ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว จึงวางแผนนำกำลังเข้าจับกุม เมื่อกลุ่มเด็กแว๊นขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้นำรถยนต์ขับขวางขบวนแถวหน้า และมีรถปิดท้าย กลุ่มเด็กแว๊นได้แตกตื่นขับหนีกันอย่างจ้าละหวั่น บางส่วนขับชนทางกั้นแผ่นแบริเออร์เพื่อหลบหนีไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมกลุ่มเด็กแว๊นได้บางส่วน ทั้งนี้มีบางส่วนทิ้งรถจยย.และวิ่งหลบหนีไป ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ทางกลุ่มเด็กแว๊นบางส่วนขับรถจยย.ยูเทิร์นกลับไปทางจ.ปทุมธานี ไม่ยอมเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ขับประลองความเร็วเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่นควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเยาวชนจะทำประวัติและประสานผู้ปกครองให้มารับตัวและพูดคุยชี้แจง ส่วนรถจยย.ของกลางที่ยึดได้จะทำการตรวจสอบว่ามีคันใดเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอาชญากรรมหรือมีการขโมยมาต่อไป
"เปี๊ยก มาร 8 ทิศ"มอบตัวอ้างแค้นแทนนายถูกด่าถูกร้องเรียน
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้( 24ส.ค.)พ.ต.ท.ดิเรก เปาอินทร์ รองผกก.สส. สภ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับการติดต่อจากญาติของนายขันทองหรือเปี๊ยก โกษะ ผู้ต้องหาคดียิงนายนริช หรือช่างหยด พรหมพงศ์ อายุ 47 ปี แกนนำชาวบ้านเรียกร้องเงินน้ำท่วมเสียชีวิต ได้ติดต่อขอมอบตัวโดยมีการนัดมอบตัวกันที่บริเวณ ริมถนนสายสามโคก-เสนา อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยนายขันทอง ได้ลงจากรถแท็กซี่เข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนที่ สภ.บางไทร โดยมีพล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก. พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รองผบก. พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.วีระยุทธ โกรัตนะ ผกก.สภ.บางไทร ร่วมทำการสอบสอวนนานกว่า 1 ชม.โดยผู้ต้องหามีท่าทีสีหน้าวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ที่หน้า สภ.บางไทร มีประชาชนที่ทราบข่าวต่างพากันมารอดูหน้าผู้ต้องหาจำนวนมาก มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความสงบ
พล.ต.ต.อนุรักษ์ กล่าวว่าเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การเพียงว่าที่ลงมือก่อเหตุยิงนายนริช เพราะมีความโกรธแค้นที่ผู้ตายเป็นแกนนำชาวบ้านเรียกร้องเงินฟืนฟูน้ำท่วม มีการปราศรัยที่หน้าสำนักงานเทศบาลตำบลบางไทร โจมตีการทำงานของปลัดเทศบาลอย่างรุนแรงและยังมีการร้องเรียนหน่วยงานต่างอีกหลายครั้งซึ่งตนเองมีความสนิทสนมกับปลัดมีบุญคุณจึงเกิดความโกรธแค้นแทนจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนไปยิงนายนริช จนเสียชีวิตก่อนที่จะหลบหนีไปโดยนำอาวุธปืนและเสื้อผ้าไปทิ้งที่กลางแม่น้ำ ในพื้นที่ แห่งหนึ่ง ในขณะนี้ผู้ต้องหาขอให้การเพียงเท่านี้จะไปให้การในชั้นศาล ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าดูผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นพิเศษโดยทำการแยกขังและจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจประกบตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนตลอด24 ชั่วโมง เบื้องต้นยังไม่เชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมดจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาอย่างละเอียดครั้ง
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555
ซิ่งเก๋งไล่ยิงเด็กแว้นเมืองพัทยาดับ1สาหัส2
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 19 ส.ค. พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผกก.ป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นแก๊งซิ่งรถจักรยานยนต์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณปากซอยสุขุมวิทพัทยา 41/2 บริเวณหน้าร้านดีฟาร์มาซี ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา
ในที่เกิดเหตุพบรถ จยย. แบบแต่งซิ่ง จำนวน 3 คัน ล้มคว่ำอยู่บนถนน โดยพบหัวกระสุนขนาด .38 ตกอยู่จำนวน 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบผู้ถูกอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยิงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสนอนจมกองเลือด จำนวนทั้งหมด 3 ราย ทราบชื่อ นายรณชัย พรมสวัสดิ์ อายุ 19 ปี ถูกยิงเข้าที่ ขาขวา 1 นัด นายธีระพัฒน์ เกศแก้วเกลี้ยง อายุ 15 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณกลางหน้าผาก กระสุนฝังใน และ นายทรงอภิรัตน์ แก้วคมตรง หรือฉายาแจ็ค วัดธรรมสามัคคี อายุ 18 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณลำคอ 2 นัด จึงนำส่ง รพ.บางละมุง แต่ภายหลัง นายทรงอภิรัตน์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบสวน นายธงชัย บุญล้อม อายุ 21 ปี หัวหน้าแก๊งซิ่ง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมกับน้องๆในกลุ่ม จำนวนประมาณ 40 คน ซึ่งรวมถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย ได้นัดกันมารวมตัวเพื่อซิ่งรถเที่ยวยามราตรีที่ชายหาดบางแสน กระทั่งขากลับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายเป็นชาย ขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ฝากระโปรงสีดำ ผ่านมา โดยคนขับได้ลดกระจกลง แล้วชักปืนยิงสาดเข้าใส่กลุ่มของผู้ตายที่ขี่อยู่ท้ายขบวน จนไดัรับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกลว่า
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นฝีมือของวัยรุ่นคู่อริ ซึ่งเคยไปมีเรื่องกันมาก่อน หรืออาจเป็นเพราะมือปืนไม่พอใจที่กลุ่มผู้ตายขี่รถปาดหน้า หรือซิ่งรถกวนเมือง จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ในที่เกิดเหตุพบรถ จยย. แบบแต่งซิ่ง จำนวน 3 คัน ล้มคว่ำอยู่บนถนน โดยพบหัวกระสุนขนาด .38 ตกอยู่จำนวน 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบผู้ถูกอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยิงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสนอนจมกองเลือด จำนวนทั้งหมด 3 ราย ทราบชื่อ นายรณชัย พรมสวัสดิ์ อายุ 19 ปี ถูกยิงเข้าที่ ขาขวา 1 นัด นายธีระพัฒน์ เกศแก้วเกลี้ยง อายุ 15 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณกลางหน้าผาก กระสุนฝังใน และ นายทรงอภิรัตน์ แก้วคมตรง หรือฉายาแจ็ค วัดธรรมสามัคคี อายุ 18 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณลำคอ 2 นัด จึงนำส่ง รพ.บางละมุง แต่ภายหลัง นายทรงอภิรัตน์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
สอบสวน นายธงชัย บุญล้อม อายุ 21 ปี หัวหน้าแก๊งซิ่ง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมกับน้องๆในกลุ่ม จำนวนประมาณ 40 คน ซึ่งรวมถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย ได้นัดกันมารวมตัวเพื่อซิ่งรถเที่ยวยามราตรีที่ชายหาดบางแสน กระทั่งขากลับมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายเป็นชาย ขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ฝากระโปรงสีดำ ผ่านมา โดยคนขับได้ลดกระจกลง แล้วชักปืนยิงสาดเข้าใส่กลุ่มของผู้ตายที่ขี่อยู่ท้ายขบวน จนไดัรับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกลว่า
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นฝีมือของวัยรุ่นคู่อริ ซึ่งเคยไปมีเรื่องกันมาก่อน หรืออาจเป็นเพราะมือปืนไม่พอใจที่กลุ่มผู้ตายขี่รถปาดหน้า หรือซิ่งรถกวนเมือง จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
จับแล้ว2โจ๋โหดรุมฆ่าเด็กเทคโนฯพระรามหก
จากกรณีที่นายภูวเดช เงินรุ่งเรือง อายุ 16 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีพระรามหก ที่ถูกกลุ่มนักเรียนของวิทยาลัยสารพัดช่างแห่งหนึ่ง ย่านจรัญสนิทวงศ์ รุมทำร้ายจนเสียชีวิตบนรถประจำทางร่วมบริการ สาย 110 เหตุเกิดบริเวณหน้าวัดเทพากร ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 68 แขวง-เขตบางพลัด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างสถาบัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 19 ส.ค. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ ผกก.สน.บางพลัด และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.4 บช.น. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายแย้(นามสมมุติ)และนายแซ็ค(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาที่ร่วมกันฆ่านายภูวเดช ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
จากการสอบสวน นายแซ็ค ให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธมีดสปาต้าที่เตรียมมาฟันผู้ตายจริง เนื่องจากถูกผู้ตายมองหน้า เมื่อสอบถามผู้ตายว่าเรียนอยู่ที่ไหน แต่ผู้ตายไม่ตอบและเห็นว่าจะชักอาวุธออกมา จึงใช้มีดฟันไป 2 ครั้ง จากนั้นวิ่งหลบหนี ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครยิง
ส่วนนายแย้ รับสารภาพว่า เป็นผู้ยิงผู้ตาย เพราะเห็นว่าผู้ตายได้ชักท่อนเหล็กออกมาจากกระเป๋า จึงคิดว่าเป็นอาวุธ เลยใช้ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ยิงใส่ไป 1 นัด สำหรับอาวุธปืนนั้นซื้อมาจาก นายหรั่ง (ไม่ทราบนามสกุล) ในราคา 3,500 บาท หลังจากก่อเหตุแล้วก็ได้นำอาวุธไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกลางสะพานพระราม 7
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผบช.น. เปิดเผยว่า ในส่วนของผู้ต้องหาอีกคน คือ นายเมา ซึ่งหลบหนีอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ กำลังอยู่ในระหว่างประสานเข้ามอบตัว นอกจากนี้ในส่วนของผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่น ทางเจ้าหน้าที่ขอสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับกุมได้อย่างละเอียดก่อน จึงพิจารณาเป็นรายบุคคลว่าใครทำผิดข้อหาใดบ้าง และจะดำเนินคดีในทุกรายที่เกี่ยวข้องต่อไป.
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 19 ส.ค. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ สุทธิพันธุ์ ผกก.สน.บางพลัด และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.4 บช.น. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายแย้(นามสมมุติ)และนายแซ็ค(นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาที่ร่วมกันฆ่านายภูวเดช ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
จากการสอบสวน นายแซ็ค ให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธมีดสปาต้าที่เตรียมมาฟันผู้ตายจริง เนื่องจากถูกผู้ตายมองหน้า เมื่อสอบถามผู้ตายว่าเรียนอยู่ที่ไหน แต่ผู้ตายไม่ตอบและเห็นว่าจะชักอาวุธออกมา จึงใช้มีดฟันไป 2 ครั้ง จากนั้นวิ่งหลบหนี ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครยิง
ส่วนนายแย้ รับสารภาพว่า เป็นผู้ยิงผู้ตาย เพราะเห็นว่าผู้ตายได้ชักท่อนเหล็กออกมาจากกระเป๋า จึงคิดว่าเป็นอาวุธ เลยใช้ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ยิงใส่ไป 1 นัด สำหรับอาวุธปืนนั้นซื้อมาจาก นายหรั่ง (ไม่ทราบนามสกุล) ในราคา 3,500 บาท หลังจากก่อเหตุแล้วก็ได้นำอาวุธไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกลางสะพานพระราม 7
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผบช.น. เปิดเผยว่า ในส่วนของผู้ต้องหาอีกคน คือ นายเมา ซึ่งหลบหนีอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ กำลังอยู่ในระหว่างประสานเข้ามอบตัว นอกจากนี้ในส่วนของผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่น ทางเจ้าหน้าที่ขอสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับกุมได้อย่างละเอียดก่อน จึงพิจารณาเป็นรายบุคคลว่าใครทำผิดข้อหาใดบ้าง และจะดำเนินคดีในทุกรายที่เกี่ยวข้องต่อไป.
เหยื่อคดีชนแล้วหนีวอนขอกระดูกมาทำบุญ
วันนี้ (19 ส.ค.55) ที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายวิโรจน์ โภคทรัพย์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 บ้านปวงตึก หมู่11 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ หายตัวไปตั้งแต่คืนวันที่ 19 ก.ค.55 หลังมีผู้พบเห็นว่า ได้เกิดอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของนายวิโรจน์จนล้มลงที่บริเวณถนนสุรินทร์-สังขะ กม.6 ใกล้ปากทางเข้าหมู่บ้านปวงตึกฯ ซึ่งพลเมืองดีกำลังจะเข้าช่วยเหลือ แต่ไม่ทันการณ์ รถยนต์ที่วิ่งสวนมาด้วยความเร็ว ได้ชนลากหายตัวไปพร้อมกับความมืด หลังจากเกิดเหตุครอบครัวและญาติพี่น้องต่างได้พากันออกตามหาทุกแห่งหนแต่ก็ไร้วี่แวว จนถึงวันนี้ 19 ส.ค. เป็นวันที่ครบรอบ 1 เดือนเต็มของงการหายตัวไปของนายวิโรจน์ ซึ่งยังไร้วี่แวว ขณะที่ครอบครัวของผู้สูญหายก็ยังข่มตาไม่หลับ หวังเพียงลึกๆในใจว่านายวิโรจน์จะยังคงมีชีวิตอยู่ หรืออย่างน้อยก็ได้เพียงศพหรือกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้านตามประเพณี
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 84 บ้านปวงตึกหมู่ 11 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ของนายนายวิโรจน์ ได้พบกับนางสาวมาลี ช่อเพชร อายุ 49 ปี ภรรยา พร้อมด้วยลูกสาว ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านจำนวนมาก ที่ยังคงเดินเข้ามาให้กำลังใจครอบครัวนายวิโรจน์ทุกวัน ตลอด 1 เดือนเต็มตั้งแต่นายวิโรจน์หายตัวไป ซึ่งทุกคนยังคงรอความหวังว่าจะได้พบศพหรือกระดูกนายวิโรจน์กลับคืนมาทำบุญตามประเพณีและคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามคดี และประสานเพื่อขอเปิดดูกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้ เพราะทราบข่าวว่ามีคนพบเห็นรถกระบะสีแดง มีคอกหรือกรงเหล็กที่กระบะหลัง ลากศพห้อยโตงเตงด้านหลังรถเข้าไปในพื้นที่ อ.สังขะ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุกว่า 60 กิโลเมตร อีกทั้งเพื่อคลี่ปมการสูญหายว่ารถคันดังกล่าวนำศพไปอำพรางไว้ที่ใด
ทางด้าน นางสาวมาลี ช่อเพชร อายุ 49 ปี ภรรยายนายวิโรจน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำบุญไปแล้ว 1 ครั้ง ทุกวันนี้ยังคงนอนไม่หลับ และยังทำใจไม่ได้ ในใจลึกๆ ยังคาดหวังว่าสามีจะยังมีชีวิตอยู่ และหากเสียชีวิตแล้วก็ยังคงคาดหวังว่าจะได้พบศพหรือนำกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้าน ซึ่งความหวังสุดท้ายก็คงต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่อาจจะนำไปสู่การคลี่คลายปม.
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 84 บ้านปวงตึกหมู่ 11 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ของนายนายวิโรจน์ ได้พบกับนางสาวมาลี ช่อเพชร อายุ 49 ปี ภรรยา พร้อมด้วยลูกสาว ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านจำนวนมาก ที่ยังคงเดินเข้ามาให้กำลังใจครอบครัวนายวิโรจน์ทุกวัน ตลอด 1 เดือนเต็มตั้งแต่นายวิโรจน์หายตัวไป ซึ่งทุกคนยังคงรอความหวังว่าจะได้พบศพหรือกระดูกนายวิโรจน์กลับคืนมาทำบุญตามประเพณีและคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามคดี และประสานเพื่อขอเปิดดูกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้ เพราะทราบข่าวว่ามีคนพบเห็นรถกระบะสีแดง มีคอกหรือกรงเหล็กที่กระบะหลัง ลากศพห้อยโตงเตงด้านหลังรถเข้าไปในพื้นที่ อ.สังขะ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุกว่า 60 กิโลเมตร อีกทั้งเพื่อคลี่ปมการสูญหายว่ารถคันดังกล่าวนำศพไปอำพรางไว้ที่ใด
ทางด้าน นางสาวมาลี ช่อเพชร อายุ 49 ปี ภรรยายนายวิโรจน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำบุญไปแล้ว 1 ครั้ง ทุกวันนี้ยังคงนอนไม่หลับ และยังทำใจไม่ได้ ในใจลึกๆ ยังคาดหวังว่าสามีจะยังมีชีวิตอยู่ และหากเสียชีวิตแล้วก็ยังคงคาดหวังว่าจะได้พบศพหรือนำกระดูกกลับมาทำบุญที่บ้าน ซึ่งความหวังสุดท้ายก็คงต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่อาจจะนำไปสู่การคลี่คลายปม.
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555
สุดโหดจ่อยิง”บอย คลองสะแก”โจ๋กรุงเก่าดับกลางซอย
วันนี้ ( 10 ส.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.ท.วสันต์ ทิพยรัตน์ สว.เวร สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายในซอยน้องแดง ม.1 ต.ธนู จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วยพล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.ยพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธนพล โพธิสุข ผกก.สภ.อุทัย ชุดสืบสวนและหน่วยกู้ภัยสมาคอยุธยารวมใจ ไปยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนในซอยหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอิเลเว่น ก่อนถึงวิทยาลัยสารพัดช่างพระนครศรีอยุธยา มีประชาชนโดยเฉพาะพนักงานโรงงานเดินออกไปทำงานจำนวนมาก พบศพนายธวัชชัย คล้ายอ่อน อายุ 25 ปี หรือรู้จักกันในนาม บอย คลองสะแก บ้านอยู่ 11 ม. 4 ต.คลองสะแก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สวมเสื้อเชิตสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ นอนเสียชีวิตในลักษณะคร่อมอยู่กับ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวป 125 สีน้ำเงิน ทะเบียน ขตร 171 พระนครศรีอยุธยา
สอบสวนน.ส.พรทิพย์ ศิริพิน อายุ 24 ปี บ้านอยู่ ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ซึ่งมากับผู้เสียชีวิตและยืนอยู่ในอาการตกใจในร้านสะดวกซื้อ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ไปเที่ยวที่ร้านอาหารหม่ำหม่ำในย่านตลาดแกรนด์ ต.ธนู จากนั้นผู้เสียชีวิตมีอาการมึนเมา น.ส.พรทิพย์ จึงอาสาขี่จยย.พาไปรับประทานข้าวต้มต่อใกล้กับร้าน จากนั้นก็ขี่พามาแวะซื้อของที่เซเว่นอีเลเว่น ไม่กี่นาทีปรากฏว่ามี รถยนต์ปิกอัพสีดำไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนวิ่งมาจอดประกบ คนที่นั่งมาในรถข้างคนขับได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิง 2 นัดจนผู้เสียชีวิตล้มลง จากนั้นก็ขับรถออกไปอย่างใจเย็น เบื้องต้นจนท.สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นคนที่มาชอบพอกับน.ส.พรทิพย์ หรือเป็นคู่อริเก่า หรือมีเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย นอกจากนี้ พ.ต.อ.ธนพล ยังเปิดเผยว่าผู้เสียชีวิต ไม่มีอาชีพการงานอะไร และชอบมีเรื่อง มีประวัติเป็นขาโจ๋ที่เคยมีเรื่องยิงปืนใส่รถจนท.ตำรวจที่ร้านอาหารหม่ำๆ และเคยถูกตำรวจจับในคดีอาวุธปืนด้วย ซึ่งจนท.จะได้สืบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป