น.ส.ปิยนุช เล่าอีกว่า จากนั้นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าธนาคาร ซึ่งจดจำรูปพรรณได้เป็นชายรูปร่างท้วม สันทัด อายุประมาณ 30-35 ปี สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครีม กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินปลายพับขึ้นมา สวมรองเท้าหนัง มีร่องรอยการเปราะเปื้อนดินโคลน สะพายกระเป๋าสีดำ เดินสวนกับลูกค้าแล้วเดินปรี่ตรงเข้ามาหา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อกก่อน แต่ชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับแสดงตัวเป็นคนร้ายทันที่ โดยปิดกระจกหมวกกันน็อกเพื่อบดบังหน้าตัวเอง แล้วชักอาวุธปืนแบบออโตเมติก สีดำ ไม่ทราบขนาด ออกมาจากเอว ส่องปากกระบอกปืนแล้วพูดว่าเอาเงินมา ด้วยความตกใจจึงหยิบเงินให้ไป 1 ปึก เป็นเงินจำนวน 120,000 บาท แต่คนร้ายยังไม่พอใจบอกให้ส่งเงินที่เหลือมาให้หมด จึงกวาดเงินในลิ้นชักส่งไปให้อีกจำนวนหนึ่ง รวมเงินที่คนร้ายได้ไปจำนวนทั้งหมด 130,180 บาท คนร้ายเอาเงินใส่กระเป๋าสะพายสีดำ จากนั้นก็วิ่งไปขับขี่รถ จยย.ฮออด้า รุ่นเวฟ สีเขียว จำทะเบียนได้แค่ตัวเลขคือ 432 ที่จอดอยู่ด้านข้างธนาคารหลบหนีไปทางถนนร่มเกล้าขาออก มุ่งหน้าไปทางลาดกระบัง
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เปิดเผยว่า คนร้ายคาดว่าเป็นมืออาชีพ โดยอาศัยช่วงจังหวะโอกาสที่พนักงานธนาคารอยู่น้อยและลูกค้าก็มีน้อย เพราะเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง รปภ.ไปรับประทานข้าว ทำที่มายืนโทรศัพท์ดูลาดเลาแล้วลงมือก่อเหตุอย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาเพียง 25 วินาที นอกจากนี้จากการตรวจสอบธนาคารที่เกิดเหตุนี้เพิ่งเปิดทำการเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบบการรักษาความปลอดภัยยังไม่เข้าที่ ซึ่งการสืบสวนจับกุมคนร้ายคงจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุที่จับภาพคนร้ายไว้ได้ แล้วตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง และเส้นทางการหลบหนี เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป