วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ซัลโวเจ้าของร้านซ่อมรถลูกอดีตเลขานายกเล็กตายสยอง ลูกค้าเติมลมถูกลูกหลงดับ
วันนี้ ( 3 พ.ย.) พ.ต.ท.วิมล สมบัติ สวส.สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่ถนนสายย่านยาว-ท่าพิกุล หมู่ 1 ต.ย่านยาว ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.เสรี ถีระรักษ์ รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.เกษม ช้างเผือก หัวหน้าพนักงานสอบสวน กำลังฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.สามชุก และมูลนิธิเสมอกัน ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ไม่มีชื่อ เลขที่ 200/5 หมู่ 1 ต.ย่านยาว พบศพนายศิริมงคล หรือกบ โอสว่าง อายุ 25 ปีอยู่บ้านเลขที่ 181 หมู่ 1 ต.ย่านยาว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม.เข้าที่กลางอก 6 นัดกระสุนทะลุกลางหลัง และที่ใต้คาง และปากอีก 3 นัด จนปากฉีกฟันหักนอนหงายจมกองเลือดอยู่หน้าร้าน ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่ 7 ปลอก หัวกระสุน 2 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีผู้ลูกหลงได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีนำส่ง รพ.สามชุก แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างนำส่ง ทราบชื่อนายดิษฐโรจน์ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 36 ปีอยู่บ้านเลขที่399/817 ซอยโชคชัยร่วมมิตร แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯถูกยิงเข้าที่ อกซ้าย 1 นัดแขน และต้นแขนซ้าย 2 นัด
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายศิริมงคล เป็นเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ไม่มีชื่อ และเป็นลูกชายอดีต เลขานายก อบต.วังลึก ก่อนเกิดเหตุได้ออกมายืนอยู่หน้าร้าน แล้วมีนายดิษฐโรจน์ ซึ่งเป็นช่างตัดผมได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่าสีเทาดำ ทะเบียน คนว 423 ขอนแก่น พา น.ส.ภัทรวรรณ หรือลูกเกด ช่างกราน อายุ 20 ปีแฟนสาวซึ่งเป็นนักศึกษาสาขาวิชาการบัญชีและสาระสนเทศมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิศูนย์สุพรรณบุรี เข้ามาเติมลม ขณะกำลังลากสายจะเติมลมทันใดนั้นได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดหน้าร้านแล้วลดกระจกตะโกนเรียกชื่อนายศิริมงคล เมื่อนายศิริมงคล หันหน้ามาคนร้ายจึงกระหน่ำยิงไม่ยั้งเมื่อเห็นเหยื่อล้มแน่นิ่งคนร้ายจึงเร่งเครื่องหลบหนี ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดมาจากเรื่องแค้นส่วนตัว อย่างไรก็ตามจะได้สอบสวนสาเหตุที่แท้จริงเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
รองผบช.น.เข้มตรวจร้านเกมส์
วันนี้ ( 3 พ.ย.) พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ บช.น., ชุดปฏิบัติการสายตรวจ 191และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดินแดง รวม 50 นาย เข้าตรวจค้นร้านอินเตอร์เน็ต ย่านถนนประชาสงเคราะห์ แขวง-เขตดินแดง
รองผบช.น.กล่าวว่า วันนี้ได้เข้าตรวจค้นร้านอินเตอร์เน็ตตามนโยบายของ ผบช.น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ให้กวดขันร้านเกมส์ที่ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เข้าใช้บริการเกินกำหนดเวลา โดยในวันนี้ได้เข้าตรวจค้นในพื้นที่สน.ดินแดง ซึ่งมีร้านเกมส์ อยู่เป็นจำนวนมากถึง 30 ร้าน และจากการตรวจค้นพบว่า มีจำนวน 3 ร้าน ที่ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เข้าใช้บริการเกินเวลา 20.00 น. ซึ่งได้แก่ร้านฟอร์เวิร์ด เกมส์แอนด์อินเตอร์เน็ต เลขที่ 4845 ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวง-เขตดินแดง มีเด็กใช้บริการ 3 คน ร้านขำ-ขำ เลขที่ 5043 ถนนประชาสงเคราะห์ แขวง-เขตดินแดง จำนวน 2 คน และร้านวิน-เน็ต เลขที่ 5051-2 จำนวน 1 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเจ้าของร้านทั้ง 3 ร้าน ไปดำเนินคดีที่สน.ดินแดง ในข้อหาสนับสนุน ยินยอม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ
ผจก.แผนกอะไหล่เชฟฯ ขับเก๋งตกตึกรสาดับ
เมื่อเวลา 19.30 น.วันนี้( 2 พ.ย.) ร.ต.อ.ธนกฤต วรรณโกศ ร้อยเวร สน.พหลโยธิน รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ตกลงมาจากอาคารรสา ทาวเวอร์ ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 19 ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร ไปตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ข้างอาคาร พบเศษอิฐ เศษปูนเกลื่อนพื้น ใกล้กันพบรถเก๋งเชฟโรเล็ต รุ่นครูซ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ศ 2453 กรุงเทพมหานคร ตกลงมาจากอาคารตัวรถหงายท้อง หลังคา และฝากระโปรงฉีกขาด สภาพพังยับเยินทั้งคัน ตรวจสอบมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายใน หน่วยกู้ภัยต้องงัดร่างออกมาด้วยความทุลักทุเล และปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน แต่ไม่ทัน ผู้ตายเสียชีวิตไปก่อนแล้ว ทราบชื่อ น.ส.กอบกาญ วิชรัตน์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการฝ่ายอะไหล่ บริษัท เชฟโรเล็ต เซลล์(ประเทศไทย) จำกัด
สอบสวนเพื่อนผู้ตายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเป็นเวลาหลังเลิกงาน ผู้ตายนั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆ ในบริษัทก่อนแยกย้ายกันกลับ โดยผู้ตายเดินมาเอารถที่ลานจอดรถชั้น 6 และพยายามขับรถวนลงมาที่ชั้น 5 บี ระหว่างนั้นแทนที่รถของผู้ตายจะเลี้ยววนลงมาตามทางปกติ กลับขับชนกรวยสีส้มกั้นทาง ก่อนจะเสยผนังคอนกรีตอย่างจัง พุ่งทะลุตกลงมากระแทกพื้นด้านล่างเสียงดังสนั่นหวั่นไหว อย่างไรก็ตาม ผู้ตายเพิ่งจะขับรถเป็นได้ 2 เดือน และเพิ่งออกรถได้ไม่นาน อาจเกิดจากความไม่ชำนาญก็เป็นได้
ด้านพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นพนักงานบริษัทเชฟโรเล็ตฯ สำนักงานใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 21 ของอาคารดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถลงมาตามปกติ แต่จุดเลี้ยวของอาคารเป็นช่วงสั้นและแคบ หากไม่ชำนาญอาจผิดพลาดได้ ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบสภาพรถหลังเกิดเหตุ พบว่าเกียร์ของรถอยู่ที่ตำแหน่งพี หรือจอดรถ ส่วนเบรกมือถูกดึงขั้นมา ไม่แน่ใจว่าเกิดจากผู้ตายพยายามห้ามล้อไม่ให้รถตกลงมา หรือเกิดจากรถกระแทกพื้นจนตำแหน่งเกียร์และเบรกเคลื่อนที่ไปเอง ส่วนสาเหตุคงต้องรอผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าเกิดจากผู้ตายไม่ชำนาญ หรือเกิดความผิดปกติจากตัวรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเคราะห์ดีที่ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาในจุดที่รถตกลงมา มิฉะนั้นอาจเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำอีก.
รวบแล้วโจรบุกเดี่ยวจี้ชิงเงิน 2.7 ล้านบาทแบงก์รวงข้าวภูเก็ต
วันนี้ ( 3 พ.ย.) ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา สบ.10 พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรสี พล.ต.ต.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รอง.ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.ภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต แถลงข่าวการจับกุมนายอนุศิษฎ์ แก้วมุกดา อายุ 32 ปีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์บุกเดี่ยวจี้ชิงเงินสดจากเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าภายใน ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต กวาดเงินสดใส่ถุงผ้าลดโลกร้อนไป 2.7 ล้านบาทก่อนใช้รถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีฟ้า-ขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนี เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้พร้อมของกลางเป็นเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาทและปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด
พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา สบ.10 กล่าวว่า หลังก่อเหตุ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ ผบช.ภ.8 และ ผบก.ภ.ภูเก็ต เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยด่วน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องต่างเร่งคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วน เพียง 24 ชม.ได้เบาะแสของคนร้ายจากประชาชนในพื้นที่ จนทราบว่าคนร้ายใช้รถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีฟ้า-ขาวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไปยังพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต จึงได้รวบรวมหลักฐานเสนอต่อศาล จ.ภูเก็ตออกหมายจับ
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตและชุดสืบสวน ภ.จ.ภูเก็ตเข้าตรวจสอบบ้านเช่าเลขที่ 63/67 เกาะแก้ว ซ.3 ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต หลังได้เบาะแสคาดว่าเป็นบ้านพักของนายอนุศิษฎ์ คนร้าย โดยพบเงินสดบรรจุอยู่ในถุงผ้าลดโลกร้อนจำนวน 2.5 ล้านบาทพร้อมปืนไทยประดิษฐ์ที่ใช้ก่อเหตุซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน จากนั้นได้นำตัว น.ส.อัญทนีย์ หรือ ออย ทองสาร อายุ 32 ปีแฟนสาวนายอนุศิษฎ์ และรถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีฟ้า-ขาว ทะเบียน ขยษ 785 สุราษฏร์ธานี ไปสอบสวนขยายผล เบื้องต้นไม่พบตัวนายอนุศิษฎ์ภายในบ้านพัก ซึ่งคาดว่าหลบหนีไปก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้น
จากนั้นชุดคลี่คลายคดีได้ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือของคนร้ายจนทราบว่ามีการติดต่อกับแฟนเก่า ซึ่งทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีห้องพักอยู่ที่อาคารน้องมิลล์อพาร์ทเม้นท์ หลังสนามกีฬาสุระกุล ซอยซุ่ยหลานอุทิศ ถนนวิชิตสงคราม อ.เมืองภูเก็ต จึงเข้าตรวจสอบพบนายอนุศิษฏ์ นอนพักอยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองภูเก็ต เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงเงินภายใน ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทพกระษัตรี จริง จึงแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและมีอาวุธปืน-เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ที่ปรึกษา สบ.10 กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินสดอีก 2 แสนบาทที่สูญหายไป นายอนุศิษฏ์ผู้ต้องหาได้นำไปใช้หนี้ นำไปไถ่สร้อยคอทองคำที่นำไปจำนำไว้ให้แฟนเก่า ขณะเดียวกันนายอนุศิษฏ์ ยังรับสารภาพด้วยว่าเมื่อวันที่ 29 ม.ค.55 เคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันบุกจี้ชิงเงินสดจาก ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้างเทสโกโลตัสเอ๊กซ์เพลส สาขาถนนเจ้าฟ้ามาแล้ว โดยครั้งนี้ได้เงินสดไป 694,000 บาท ซึ่งนำเงินไปจ่ายหนี้พนันบอลและซื้อ
จับแล้วแม่สอนลูก5ขวบลักโทรศัพท์มือถือไอโฟน
วันนี้( 3 พ.ย.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมแถลงข่าวผลงานฝ่ายสืบสวนจับกุม นางนุตรา พุฒรุ่ง อายุ 32 ปี ชาวจ.ชุมพร ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ พร้อมของกลางเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุ 1 ชุด จับกุมได้ภายในห้องเช่า อมรอพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 107 ซอยพุทธบูชา 39 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ
พล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา มีรายการโทรทัศน์รายการดังช่องหนึ่งแพร่ภาพกล้องวงจรปิดเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยติดตามหาตัวหญิงสาวคนร้ายพร้อมลูกสาว วัย 5 ปี ก่อเหตุลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือไอโฟน ของผู้เสียหายในร้านขายของกิ๊ฟชอป ย่านสำเพ็ง โดยภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นบันทึกใบหน้าเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ต่อมาเวลา 20.00 น.คืนวันที่ 2 ต.ค. มีพลเมืองดีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งความกับ พ.ต.อ.มานพ ผกก. สน.ราษฎร์บูรณะ ว่า พบหญิงต้องสงสัยใบหน้าคล้ายบุคคลตามที่ออกรายการโทรทัศน์ เกิดไหวตัวทันกำลังขนข้าวของย้ายหนีออกจากห้องเช่าในอมรอพาร์ทเม้นท์ ซอยพุทธบูชา 39 จึงรีบสั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฐจักร จันลา และ พ.ต.ต.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ สว.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ นำกำลังไปตรวจสอบติดตามกระทั่งสอบถามแล้ว นางนุตรา ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนสั่งสอนให้ลูกสาวไปขโมยโทรศัพท์มือถือไอโฟน ของผู้เสียหายมาหลายรายจริงแต่นำไปขายให้ร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 2 หมดแล้ว หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบแจ้งให้ผู้เสียหายทราบเพื่อเดินทางมาดูตัวที่ สน.ราษฎร์บูรณะ
จากการสอบสวน นางนุตรา รับสารภาพทั้งน้ำตาว่า ปัจจุบันไม่ได้ทำงานอะไรมีลูกที่ติดจากสามีเก่าและสามีใหม่ซึ่งขับขี่รถสามล้อรับจ้าง รวม 4 คน ส่วนเด็กที่พาไปก่อเหตุด้วยนั้นเป็นลูกสาวคนเล็ก ก่อนเกิดเหตุขัดสนอย่างหนักไม่มีเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ และครอบครัว จึงวางแผนพาลูกสาวคนเล็กไปเดินเล่นในตลาดสำเพ็ง แล้วสอดส่องหาร้านที่พนักงานเผลอเรอวางโทรศัพท์หรือชาร์จแบตโทรศัพท์เอาไว้ จากนั้นจะอาศัยช่วงที่ลูกค้าในร้านกำลังชุลมุลวุ่นวายแล้วสะกิดบอกให้ลูกสาวเดินไปหยิบมาให้ก่อนนำไปขายให้ร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองบนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 2 ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ตนเสี้ยมสอนให้ลูกสาวทำผิดมาแล้ว 3 ครั้ง และจะซื้อขนมให้เป็นรางวัลเมื่อทำเร็จรู้สึกเสียใจมากเหมือนกันแต่ไม่มีทางหาเงินทางอื่นจึงอยากกราบขอโทษผู้เสียหายทุกรายที่ตนกับลูกเคยสร้างความเดือดร้อนให้ด้วย
ด้าน น.ส.สุนิษา หรืออาย เพ็งส้ม อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.2 โรงเรียนบุศยรัตน์พาณิชยการ ซึ่งตกเป็น 1 ในผู้เสียหายเดินทางมาชี้ตัว เปิดเผยว่า เป็นลูกจ้างร้านมิสแอนด์ซี ขายเครื่องประดับในตลาดสำเพ็ง มานาน 3 ปีแล้ว วันเกิดเหตุช่วงเที่ยงวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมากำลังรับรองลูกค้าขาประจำของร้าน เเล้วลืมวางเอาโทรศัพท์มือถือไอโฟน รุ่น 4 เอส เอาไว้ในตู้โชว์สินค้า จากนั้นเห็น นางนุตรา จูงลูกเข้ามาเดินป้วนเปี้ยนทำทีสอบถามราคาต่างหูนำเข้าจากเกาหลี ตนบอกราคาไปแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะพอถามแล้วก็จูงลูกเดินเลี่ยงไปดูของอย่างอื่น จากนั้นช่วงบ่ายนึกขึ้นได้ว่าลืมวางโทรศัพท์เอาไว้พอเดินไปดูก็พบว่าหายไปแล้ว เลยขออนุญาตเถ้าแก่เปิดกล้องวงจรปิดย้อนหลังดูเห็นภาพ นางนุตรา ส่งสัญญาณให้ลูกสาวเดินไปหยิบโทรศัพท์มาใส่กระเป๋าตัวเองก่อนพากันหนีไป
ขณะที่ พ.ต.อ.มานพ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ติดตามตัว น.ส.พรทิพย์ ล้ำอนันต์ทรัพย์ อายุ 31 ปี เจ้าของร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 2 มาสอบสวนแล้ว ทราบว่า นางนุตรา เคยนำไอโฟนไปขาย 3 เครื่องจริง โดย นางนุตรา อ้างตัวว่า เปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือเหมือนกันแต่เป็นร้านเล็กๆ อยู่โซนด้างล่าง มีความจำเป็นต้องใช้เงินเลยนำเอาไอโฟนมาขายให้ร้านใหญ่ๆ เพื่อนำเงินไปไปหมุนเวียนในธุรกิจ อย่างไรก็ตามทุกครั้งจะมีการขอสำเนาบัตรประชาชนเอาไว้ ซึ่ง นางนุตรา ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทำให้ผู้รับซื้อไม่เอะใจไม่คิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์แก่ นางนุตรา เพื่อดำเนินคดีก่อนประสานให้ผู้เสียหายทุกรายเดินทางมาชี้ตัว ส่วนลูกสาว นั้นตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินคดีได้เพราะอายุไม่ถึง 7 ปี จึงติดต่อให้ญาติพี่น้องมารับตัวไปอุปการะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โปลิศชนะสงครามจับเพิ่มแก๊งตุ๋นทอง
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว น.ส.บี (นามสมมุติ) นักเรียนพาณิชยการแห่งหนึ่ง ซึ่งนำทองปลอมมาหลอกขายร้านทองปภัสสร เลขที่ 154 ถนนจักรพรรดิ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้( 3 พ.ย.) พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม ได้ควบคุมตัวนายพงษ์พิทักษ์ แสนรัตน์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142/1 หมู่ 4 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาแก็งตุ๋นทองมาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังสามารถควบคุมตัวได้เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ที่ผ่านมา
จากการสอบสวน นายพงษ์พิทักษ์ ให้การว่ามีอาชีพขับวินมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง อยู่ที่หน้าหมู่บ้านจรัญ 4 วิลล่า โดยตนได้รับการว่าจ้างจาก นายบุญช่วย ชัยโนนตุ่น อายุ 45 ปี หัวหน้าแก็งตุ๋นทอง ให้ขับรถพากลุ่มผู้ต้องหาไปหลอกขายทองตามสถานที่ต่างๆ ได้ค่าจ้างวันละ 1,000-1,500 บาท ทำมาได้ประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว โดยที่ผ่านมาทำมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 2-3 จุด ทุกครั้งที่ไปจะไปกันเป็นกลุ่ม แล้วปล่อยให้คนลงไปขายทองครั้งละ 1 คน ซึ่งนายบุญช่วยจะไปด้วยเพื่อคอยดูต้นทางและควบคุมไม่ให้หนี ส่วนที่รู้จักกับนายบุญช่วยได้นั้น เพราะนายบุญช่วย เคยใช้ไปจ่ายค่าเช่าบ้านบ้าง ใช้ไปซื้อของบ้างจึงรู้จักกัน ครั้งแรกที่ขับรถพากลุ่มผู้ต้องหาไปหลอกขายทองไม่ทราบว่าเป็นทองปลอม มารู้ทีหลังเพราะได้ยินกลุ่มผู้ต้องหาพูดคุยกัน
ด้าน พ.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยทราบว่าข้อมูลมาว่าโรงงานทำทองปลอมอยู่ย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งจะได้ลงพื้นที่หาข่าวและพรุ่งนี้จะได้ให้ พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ขอหมายค้นศาลเพื่อเข้าตรวจค้นต่อไป เบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายพงษ์พิทักษ์ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และซ่องโจรเพื่อสบคบทำสิ่งผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการทำกันเป็นขบวนการและทำกันอย่างต่อเนื่อง ก่อนส่งตัวดำเนินคดี.