วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555
สุดโหดจ่อยิง”บอย คลองสะแก”โจ๋กรุงเก่าดับกลางซอย
วันนี้ ( 10 ส.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.ท.วสันต์ ทิพยรัตน์ สว.เวร สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายในซอยน้องแดง ม.1 ต.ธนู จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วยพล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.ยพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธนพล โพธิสุข ผกก.สภ.อุทัย ชุดสืบสวนและหน่วยกู้ภัยสมาคอยุธยารวมใจ ไปยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนในซอยหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอิเลเว่น ก่อนถึงวิทยาลัยสารพัดช่างพระนครศรีอยุธยา มีประชาชนโดยเฉพาะพนักงานโรงงานเดินออกไปทำงานจำนวนมาก พบศพนายธวัชชัย คล้ายอ่อน อายุ 25 ปี หรือรู้จักกันในนาม บอย คลองสะแก บ้านอยู่ 11 ม. 4 ต.คลองสะแก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สวมเสื้อเชิตสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ นอนเสียชีวิตในลักษณะคร่อมอยู่กับ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวป 125 สีน้ำเงิน ทะเบียน ขตร 171 พระนครศรีอยุธยา
สอบสวนน.ส.พรทิพย์ ศิริพิน อายุ 24 ปี บ้านอยู่ ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ซึ่งมากับผู้เสียชีวิตและยืนอยู่ในอาการตกใจในร้านสะดวกซื้อ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ไปเที่ยวที่ร้านอาหารหม่ำหม่ำในย่านตลาดแกรนด์ ต.ธนู จากนั้นผู้เสียชีวิตมีอาการมึนเมา น.ส.พรทิพย์ จึงอาสาขี่จยย.พาไปรับประทานข้าวต้มต่อใกล้กับร้าน จากนั้นก็ขี่พามาแวะซื้อของที่เซเว่นอีเลเว่น ไม่กี่นาทีปรากฏว่ามี รถยนต์ปิกอัพสีดำไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนวิ่งมาจอดประกบ คนที่นั่งมาในรถข้างคนขับได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิง 2 นัดจนผู้เสียชีวิตล้มลง จากนั้นก็ขับรถออกไปอย่างใจเย็น เบื้องต้นจนท.สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นคนที่มาชอบพอกับน.ส.พรทิพย์ หรือเป็นคู่อริเก่า หรือมีเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย นอกจากนี้ พ.ต.อ.ธนพล ยังเปิดเผยว่าผู้เสียชีวิต ไม่มีอาชีพการงานอะไร และชอบมีเรื่อง มีประวัติเป็นขาโจ๋ที่เคยมีเรื่องยิงปืนใส่รถจนท.ตำรวจที่ร้านอาหารหม่ำๆ และเคยถูกตำรวจจับในคดีอาวุธปืนด้วย ซึ่งจนท.จะได้สืบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป
ตร.กรุงเก่าระดมจับต่างด้าวนับร้อยราย
เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 10 สค พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภจว.พระนครศรีอยุธยา และตำรวจสืบสวน 16 อำเภอ ระดมกำลังกวาดล้างแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้นำกำลังตำรวจ 30 นายเข้าปิดล้อมตรวจค้น โรงงานผลิตปุ๋ย ตราม้าบิน ต.บ่อโพง อ.นครหลวง พบแรงงานต่างด้าวจำนวน 40 คนเป็นชาวพม่า และกัมพูชา ชาย 30 คนหญิง 8 คนและเด็ก 2 คน กำลังเข้าทำงาน จึงทำการควบคุมตัวตรวจสอบเอกสาร นอกจากนี้ในส่วนของต่างอำเภอก็สามารถจับกุมได้ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 คน หลังจากนี้ก็จะทำการผลักดันกลับประเทศตนเองต่อไป
พล.ต.ต.อนุรักษ์ หลังจากที่มีกระแสข่าวด้านคนงานต่างด้าวเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมเป็นประจำ จึงได้มีมาตรการคัดกรองและป้องกัน ด้วยการเน้นย้ำให้แรงงานต่างด้าวที่มีเอกสาร ต้องขึ้นทะเบียนถูกต้อง เพื่อสะดวกต่อการดูแลควบคุม และติดตามเมื่อเกิดเหตุขึ้น
ยุบอีก!กลางซอยสุขุมวิท31ใกล้บ้าน"มาร์ค"
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 ส.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเหตุพื้นผิวถนนยุบตัว บริเวณใกล้แยกสวัสดี ซอยสุขุมวิท 31 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านนายอภิสฃิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ไม่มากนัก พบพื้นผิวถนนข้างทางเท้ายุบตัวกว้าง 1 เมตร ยาวตลอดแนวทางเท้ากว่า 6 เมตร ลึก 1 เมตร ทำให้การจราจรบริเวณซอยดังกล่าวติดขัดเป็นอย่างมาก
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในพื้นที่ ทราบว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาที่เกิดเหตุได้มีการวางท่อประปา ของการประปานครหลวงแต่ยังไม่แล้วเสร็จ แล้วประกอบกับมีฝนตกลงมา ประกอบกับช่วงเช้ามีรถที่สัญจรไปมาจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการยุบตัวจนมีรถเปล่าของโรงเรียนแห่งหนึ่งตกหล่มด้วย โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ซ่อมแซมจุดดังกล่าวแล้ว.
ระทึก!เครนยักษ์ถล่มทับโรงเรียนดังหวิดตายหมู่
เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 10 ส.ค. ร.ต.อ.ภูสิทธิ์ ชาญศรี พงส.(สบ1) สน.ดินแดง รับแจ้งเกิดเหตุเครนก่อสร้างพังถล่มมีผู้บาดเจ็บ ของโครงการคาซ่า คอนโด ริมถนนอโศก-ดินแดง ใกล้แยกประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง จึงรีบไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ก่อสร้างคอนโดหรู 26 ชั้น พบเครนขนาดใหญ่พังถล่มล้มลงมากองอยู่บริเวณชั้น 6 โดยมีบางส่วนหักทับนั่งร้านและตัวอาคารบางส่วนจนเสียหายเศษปูนแตกหักปลิวกระจายไปตกใส่อาคารบ้านเรือนประชานชนในละแวกได้รับเสียหายนับสิบหลังคาเรือน ทั้งยังมีเหล็กเส้น 2 มัดหนักกว่า 10 ตัน ร่วงหล่นใส่โรงอาหารและโรงยิมของโรงเรียนแม่พระฟาติมา พังย่อยยับ โดยมีผู้บาดเจ็บเป็นแรงงานชาวต่างด้าว 3 ราย ซึ่งรายที่หนักสุดถึงขั้นขาขวาขาดสะบั้น นอกจากนี้ยังไม่ชายสูงวัยที่ขี่รถ จยย.ผ่านจุดเกิดเหตุถูกเศษปูนปลิวกระเด็นใส่ด้วย
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนขับเครนกำลังขนเส้นเหล็กมัดใหญ่ขนไปด้านบน แต่ระหว่างนั้นเส้นลวดสลิงที่ใช้ผูกโยงกลับขาดส่งผลให้เหล็กเส้นมัดใหญ่หนักนับสิบตันร่วงหล่นใส่อาคารของโรงเรียนแม่พระฟาติมา โชคดีที่ไม่มีนักเรียนอยู่ในบริเวณ หลังสลิงขาดตัวเครนเกิดแรงเหวี่ยงกลับอย่างแรงจนหักพังตั้งแต่ชั้น 13 โค่นลงมาอย่างรวดเร็วดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คุมตัววิศวกรผู้ควบคุมไปสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.
นครบาลซิว 2 หนุ่มเครือข่ายยานรกภาคเหนือ ยึดของกลางได้เกือบครึ่งแสนเม็ด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (10 ส.ค.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ชยุต รัตนอุบล รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.กมลสันติ กลั่นบุศย์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สส.บก.น.9 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายธนกฤษ สินสูงสุด อายุ 32 ปี และนายทินกร จันทร์มณี อายุ 22 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมรถยนต์ฮอนด้า ทะเบียนป้ายแดงอีก 1 คัน ที่ใช้ในการส่งยาเสพติด โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้างโลตัส สาขาพระราม 2 ถนนพระราม 2 แขวง-เขตแสมดำ
พล.ต.ต.รัษฎากรเปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นเครือข่ายค้ายาบ้าทางภาคเหนือ โดยมีนายขวัญ ไม่ทราบนามสกุล เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งรู้จักกันในเรือนจำกลางจังหวัดลำปาง โดยว่าจ้างให้ไปรับยาบ้าจากย่านลาดพร้าวไปส่งให้ลูกค้าที่ห้างโลตัสพระราม 2 เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ดังกล่าว ส่วนนายขวัญไหวตัวทันหลบหนีไปได้หวุดหวิด โดยตนเพิ่งทำเป็นครั้งแรก นอกจากนี้นายทินกรเคยถูกต้องโทษคดีฆ่าคนตายอีกด้วย ซึ่งจะขยายผลตามจับนายขวัญมาดำเนินคดีต่อไป.
หนุ่มใหญ่ร้องขอความเป็นธรรมถูกสื่อเผยแพร่ภาพ – ชื่อ โยงคดียาบ้า
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจบช.ปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นำกำลังไล่ล่าแก๊งค้ายาเสพติด มาจนมุมที่บริเวณหน้าฐานทัพอากาศดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนจะวิสามัญคนร้าย 1 คน เสียชีวิตภายในรถคือนายพล ชัยยะพันโท สัญชาติลาว และตรวจค้นยาบ้าได้กว่า 3 แสนเม็ด ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ที่มาด้วยกัน อาศัยช่วงชุลมุน กระโดดหนีเข้าไปในพงหญ้ากว้าง ก่อนจะยอมมอบตัวในที่สุดนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (10 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายประสงค์ สุทธิชนโสภากุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 ซอยทวีวัฒนา 19/1 ถนนทวีวัฒนา แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. ได้เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวประจำบช.น. ว่า ถูกสื่อมวลชนนำชื่อและภาพถ่ายไปเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติด ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นคนไม่ดี เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี 2554 ได้ทำบัตรประชาชนหายไป คาดว่ากลุ่มคนร้ายคงจะเก็บได้แล้วเอาไปใช้ในกระทำความผิด พร้อมทั้งนำหลักฐานเป็นภาพบัตรประชาชนตัวจริงมาแสดงแก่สื่อมวลชนด้วย
นายประสงค์เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานของบริษัทดิจิตอลคอม จำกัด ย่านเพลินจิต ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย การติดตั้งกล้องวงจรปิด เมื่อวันที่ 8 ส.ค เพื่อนของตนได้โทรศัพท์มาหาพร้อมกับสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ข่าวว่าหลบหนีคดียาเสพติดอยู่ ตนจึงตอบไปว่าไม่ได้หลบหนี ยังใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและทำงานตามปกติ และไม่ได้ค้ายาเสพติดด้วย ซึ่งเพื่อนได้บอกว่าโทรทัศน์หลายช่องลงภาพใบหน้าและมีการเอ่ยชื่อของตน ส่วนหนังสือพิมพ์ก็ลงชื่อของตนว่าอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด แต่หลบหนีอยู่ ตนจึงเปิดอินเทอร์เน็ตและหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความที่สน.ตลิ่งชัน เพื่อแสดงตัวก่อนเนื่องจากใกล้บ้าน อีกทั้งกลัวว่าจะถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นทางตำรวจสน.ตลิ่งชันได้แนะนำให้ตนเดินทางไปแสดงตัวและหลักฐานที่บช.ปส. ตนจึงเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.พงศกร อนันตยศกรกิจ พงส.(สบ3) กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บก.ปส.3 เพื่อชี้แจงว่าก่อนหน้านี้ตนได้ทำบัตรประชาชนหายไป และทำบัตรใหม่แล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2554 อาจจะถูกนำบัตรไปใช้แอบอ้าง
จากนั้นพ.ต.ท.พงศกร ได้ให้ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวมาชี้ตัวว่าตนอยู่ในขบวนการด้วยหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาบอกว่าไม่ใช่ อีกทั้งตำรวจไม่ได้จับกุมตน เพราะรู้ว่าไม่เกี่ยวข้อง ในวันเกิดเหตุตำรวจพบบัตรประชาชนของตนอยู่ในรถของผู้ต้องหา ทางตำรวจจึงไปนำข้อมูลของตนจากทะเบียนราษฎร์ออกมาเพื่อเตรียมขยายผล โดยที่ไม่ได้แจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าว เพราะยังไม่แน่ใจว่าตนจะมีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าผู้สื่อข่าวแอบมาถ่ายภาพดังกล่าวไปกันเอง และเอาไปนำเสนอ ตำรวจจึงบอกให้ตนไปร้องเรียนกับสื่อมวลชน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตนถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี ลูกชายไปโรงเรียนไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ได้คิดที่จะฟ้องร้องแต่อย่างใด แต่อยากขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนให้ช่วยแก้ข่าวให้ด้วย.
ตำรวจพิษณุโลกเปิดศูนย์รับแจ้งตรวจสอบตรวจทุจริตจำนำข้าว
ตำรวจพิษณุโลกเปิดศูนย์รับแจ้งตรวจสอบตรวจทุจริตจำนำข้าว เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ส.ค. ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กล่าวแถลง เปิดศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตการรับจำนำข้าว การเยียวยา ฟื้นฟูและป้องกันสาธารณภัยและการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมรับเรื่องราวร้องทุกข์และการแจ้งเบาะแสการทุจริต ว่า หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับนโยบายจากรัฐบาลให้ทำงานสืบสวนสอบสวนร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและตรวจสอบ การทุจริตการรับจำนำข้าว การเยียวยา ฟื้นฟูและป้องกันสาธารณภัยและการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในส่วนของ จ.พิษณุโลก ทางตำรวจภูธรจังหวัดได้จัดตั้งศูนย์ฯพร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปประจำโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 20 แห่ง ในพื้นที่ 5 อำเภอของ จ.พิษณุโลก ประกอบด้วย อ.เมือง อ.พรหมพิราม อ.บางกระทุ่ม อ.บางระกำ และ อ.วังทอง พล.ต.ต.ธรรมนูญ กล่าวว่า สำหรับผลการปฏิบัติงานนั้นได้พบการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตการจำนำข้าวในลักษณะการสวมสิทธิการรับจำนำข้าว ในพื้นที่ อ.พรหมพิราม จำนวน 8 ราย 8 คดี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อดำเนินคดี ซึ่งทางตำรวจหลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีข้อมูลการทุจริตแล้วจะรีบดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ตามกฏหมายอย่างเฉียบขาดจริงจัง เพื่อป้องปรามและไม่ให้เป็นแบบอย่างในการทุจริต นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจสอบการรับจำนำข้าวที่อาจส่อไปทางทุจริต อาทิ การทุจริตด้านความชื้น เครื่องช่างน้ำหนัก และการสวมสิทธิเพื่อให้โควต้าการจำนำของเกษตรกรเพิ่มขึ้นเฉพาะรายด้วย ส่วนการทุจริตการเยียวยาฟื้นฟูและป้องกันสาธารณภัยหากมีการร้องเรียนทางตำรวจก็จะเข้าไปร่วมตรวจสอบ เช่นเดียวกับคดีเกี่ยวกับการทุจริตการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีการร้องเรียนผ่านสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และมีการตรวจสอบสืบสวนแล้วส่งเรื่องให้ทางตำรวจดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้มีเรื่องที่กำลังดำเนินการตรวจสอบ 6 คดี แต่เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ทางตำรวจได้ส่งเรื่องให้ ปปช.ดำเนินการแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนที่ทราบการทุจริตสามารถแจ้งเบอร์โทรสายด่วน 191 หรือ เวปไซด์ www.plpolice.com หรือ โทรสายด่วน 1789 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สถาบันประสาทจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 10 ส.ค. พระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก บรรยายธรรมะ เรื่อง “รักสามัคคีทำดีเพื่อแม่” ในโครงการจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ที่ทางสถาบันประสาทวิทยาจัดขึ้น นอกจากการบรรยายธรรมะดังกล่าวแล้ว ทางสถาบันประสาทวิทยายังจัดให้มีกิจกรรมทางสุขภาพ คัดกรองความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยมีการวัดความดันโลหิต การตรวจเลือดปลายนิ้วคัดกรองเบาหวานและไขมันในเลือด และการแสดงอาหารตัวอย่างโรคเลือดส
แฉกลโกงรถหรูเลี่ยงภาษีทำรัฐเจ๊ง
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายยุทธนา หยิมเจริญ รองอธิบดีกรมศุลกากร นำคณะร่วมเดินทางเข้าตรวจสอบขั้นตอนการตรวจรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศที่ค้างการตรวจปล่อยอยู่ภายในโกดังของการท่าเรือ หลังสืบทราบว่ามีการทุจริตสร้างความเสียหายต่อรัฐ
จากนั้น พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ป.ป.ท.ต้องการตรวจสอบขั้นตอนการทำงานของด่านตรวจกรมศุลกากร โดยเฉพาะในขั้นตอนการตรวจปล่อยรถยนต์ ซึ่งพบว่าน่าจะมีการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ในการตรวจรับใบแสดงราคาสินค้าราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ดังนั้นจึงต้องเดินทางมาตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่มีข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการทำงานในจุดใด จึงทำให้มีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงจำนวนมาก พร้อมยกตัวอย่างกรณีการปล่อยรถยนต์ในปี 2554 ถึงเดือน มิ.ย.ปี 2555 ซึ่งมีการนำเข้ารถยนต์และตรวจปล่อยราคาต่ำมากถึง 10,000 คัน จึงเตรียมเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่กระทำทุจริตและเรียกเงินภาษีที่หลบเลี่ยงคืนให้รัฐบาล รวมถึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจปล่อยรถยนต์ที่มีการนำเข้า
"ป.ป.ท.ต้องการตรวจสอบให้ได้ข้อมลว่ามีผู้ใหญ่หรือนักการเมืองเข้ามาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจปล่อยและรับราคารถยนต์อันเป็นเท็จบ้างหรือไม่ โดยในส่วนของ ป.ป.ท.จะตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่า ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนกลุ่มใดบ้าง เพราะมีการเลี่ยงภาษีนับหมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเชื่อว่าระบบการตรวจปล่อยรถยนต์ของกรุมศุลกากรมีมาตรฐานที่ใช้งานได้มากกว่า 90 % แต่ปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีเกิดขึ้นจากตัวบุคคล ซึ่งป.ป.ท.จะเร่งตรวจสอบโดยพบว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรบางที่มีรายชื่อตรวจราคาอันเป็นเท็จ มีสายสัมพันธ์กับนักการเมือง จนได้รับการทาบทามให้ไปช่วยงานหน้าห้องรัฐมนตรี สำหรับความคืบหน้าหลัง ป.ป.ท.เสนอให้รัฐบาลยกเลิกคำสั่งศุลกากรที่ 317 ซึ่งให้ยึดถือใบอินวอยซ์เป็นเอกสารสำคัญนั้น ขณะนี้ทราบว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง”พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าว
ด้านนายยุทธนา กล่าวยอมรับว่า มีการตรวจปล่อยราคารถยนต์ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งกรมศุลฯ จะเร่งเรียกคืนเงินภาษีให้ครบตามจำนวน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ซึ่ง ป.ป.ท.ส่งรายชื่อให้ตรวจสอบจำนวน 108 รายนั้น ทางกรมศุลฯ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบพิรุธมากถึง 20 ราย ในจำนวนนี้มี 10 รายที่หลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าตรวจปล่อยรับราคาต่ำ โดยสังเกตได้จากเจ้าหน้าที่ตรวจปล่อยคนเดียวกัน ตรวจปล่อยรถยนต์รุ่นเดียวกันในเวไล่เลี่ยกันแต่ตรวจรับราคาแตกต่างกันมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีรถยนต์ค้างการตรวจปล่อยเฉพาะที่ท่าเรือแหลมฉลังจำนวนกว่า 1,000 คัน โดยขั้นตอนจะฝากรถยนต์ไว้ท่าโกดังของท่าเรือได้เป็นเวลา 90 วัน คิดค่าคิวละ 10 บาท ต่อวัน โดยรถยนต์ 1 คัน จะมีค่าฝากประมาณ 170 บาทต่อวัน หากครบกำหนด 90 วัน ยังไม่นำเอกสารมาแสดงเพื่อเสียภาษีและขอรับรถยนต์ กรมศุลกากรจะทำหนังสือแจ้งให้บริษัทผู้นำเข้ามารับรถ หากพ้นกำหนดจะประเมิณเป็นสินค้าตกค้างและนำขายทอดตลาด อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้จากกลุ่มเกรย์มาร์เก็ตที่เข้าให้การกับ ป.ป.ท.ระบุว่าเมื่อครบกำหนด 90 วัน เอกสารไม่พร้อมสามารถตกลงให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารออกจากท่าเรือแหลมฉบังอออกไปฝากที่ท่าเรือคลองเตย เมื่อครบกำหนด 90 วัน จึงย้ายมาฝากที่ท่าเรือแหลมฉบังอีกครั้ง โดยขั้นตอนทั้งหมดไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายรถยนต์ เพียงแค่ทำเอกสารให้ถูกต้องตามระเบียบเท่านั้น.
รักขมต่างวัยกลัวสาวตีจากซัลโวฆ่าสยอง
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 10 ส.ค. พ.ต.ท. พชรกร พรหมอ้น สวส.สภ.เมืองมหาสารคาม รับแจ้งมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณร้านอาหาร "ลุยแซบ" ถนนเฉลิมพระเกีรยติ ร.9 ต.ตลาด อ.เมือง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิมหาสารคามการกุศล (จีเสียงเกาะ) ที่เกิดพบเพียงคราบเลือดที่พื้นหญ้าบริเวณลานจอดรถ ส่วนคนเจ็บมีผู้นำส่ง รพ.มหาสารคาม ทราบชื่อ น.ส.จินตนา ภาพินิช อายุ 23 ปี มีแผลถูกยิงหน้าอก 2 นัด และขาขวา 1 นัด อาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้มานั่งกินอาหารกับนายอัมพร อ่อนสี อายุ 65 ปี รองนายก อบต.หนองโก ต.หนองโก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ที่กำลังคบหากัน และน้องสาววัย 18 ปีของผู้ตาย เพื่อเลี้ยงส่งผู้ตายที่กำลังจะไปทำงานที่กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นนายอัมพร มีอาการเครียดสั่งสุรามาดื่มจนมึนเมา จากนั้นได้ขอให้ผู้ตายไปคุยกันส่วนตัวบริเวณเกิดเหตุ เพื่อหวังขอร้องไม่ให้คนที่รักจากไปไกล แต่ผู้ตายปฏิเสธ ทำให้นายอัมพร โมโหชักปืนยิงใส่อย่างบ้าคลั่ง ก่อนหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจับกุมที่บ้านพัก ปรากฎว่าศพนายอัมพร ใช้เชือกผูกคอตายบริเวณใต้ถุนหนีความผิด เบื้องต้นนำศพส่งชันสูตรตามกฎหมายต่อไป.
ตรวจหาดีเอ็นเอใครขับเบนซ์เหินรัชวิภา
จากเหตุการณ์รถเบนซ์ รุ่น 300 อี ทะเบียน 1อ 3331 กรุงเทพมหานคร เสียหลักพุ่งตกจากทางต่างระดับรัชวิภา จนเป็นเหตุให้นายจักรพงศ์ เจริญผลและ น.ส.มาธวีหรือน้องมายด์ วัฒนกุล อายุ 21ปี นิสิตปี 4 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลูกสาวคนเล็กของนายโกวิท วัฒนกุล นักแสดงรุ่นใหญ่และยังเป็นน้องสาวของ มิณฑิตา วัฒนกุล หรือมิ้นท์ เอเอฟ 3 ดารานักร้องชื่อดังเสียชีวิต ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (10 ส.ค.) พ.ต.ท.นรา พันธุ์ยิ่งยก พงส.(สบ2) สน.ประชาชื่น เจ้าของคดี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาตรวจและเก็บรายละเอียด ในรถเบนซ์คันดังกล่าว โดยเฉพาะการเก็บดีเอ็นเอที่พวงมาลัย เบาะนั่งคนขับและเบาะที่นั่งข้างคนขับ ก่อนนำไปเปรียบเทียบดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เพื่อจะได้ระบุในสำนวนคดีตามข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และจะได้ไม่เป็นที่กังขาทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งเป็นธรรมกับครอบครัวทั้งคู่ด้วย โดยในส่วนบิดาของนายจักรพงศ์ ซึ่งมาให้การบอกว่า ลูกชายตนเองนั้นขับรถไม่เป็น และจากการสอบสวนพยานแวดล้อม ซึ่งมีแต่พยานที่อยู่ด้านล่างต่างให้การว่า ได้ยินเสียงรถตกลงมาเท่านั้น ในส่วนของกล้องวงจรปิด เท่าที่ตรวจสอบ บริเวณเส้นทางต่างระดับดังกล่าว พบว่าไม่มีการติดตั้งกล้องแต่อย่างใด.
จราจรโครงการฯช่วยสาวคลอดบนแท็กซี่
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 10 ส.ค. ขณะ ด.ต.พันธวิศ ทองอุ่น ด.ต.อนุชา กัลยา ด.ต.สมชาย ผลเจริญ และจ.ส.ต.สุนทร สติยศ เจ้าหน้าที่ตำรวจงานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 3 กก.6 บก.จร.ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า มีหญิงท้องแก่ใกล้คลอดอยู่บนรถแท็กซี่ บริเวณฝั่งตรงข้าม สน.ตลิ่งชัน ถนนบรมราชชนนี จึงเดินทางไปช่วยเหลือ เนื่องจากการจราจรในจุดดังกล่าวติดขัดมาก เมื่อไปถึงพบรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรล่า ทะเบียน ทษ 4715 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมทาง โดยมี น.ส.ธัญสุตา สินโท นอนเจ็บท้องร้องโอดโอยอยู่ที่เบาะหลัง จึงรีบทำคลอดฉุกเฉิน ปรากฎว่าคลอดออกมาเป็ทารกเพศหญิง หน้าตาน่ารักน่าชัง อาการปลอดภัยทั้งแม่และลูก จากนั้นรีบดำเนินการนำส่งวชิรพยาบาลต่อไป.
ตร.ปากน้ำโพจับมือปืนลำดับ 13 รับจ้างยิงชู้ของคนจ้างวาน
วันนี้ (9 ส.ค.) พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ และชุดสืบสวนภูธรภาค 6 แถลงผลการจับกุมตัวนายรณรงค์ หรือรงค์ เสือเจริญ ชาว จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในรายชื่ออันดับ 13 ของกลุ่มมือปืน ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวมากที่สุด โดยมีการตั้งรางวัลนำจับถึง 100,000 บาท
สำหรับการจับกุมตัวมือปืนรายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2551 นายรณรงค์ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด.38 ยิงนายวิชาญ นุ่มมาก ชาวนาใน อ.ชุมแสง จนถึงแก่ความตาย ในท้องที่ ต.พิกุล หลังได้รับการว่าจ้างจาก นายสุทิน จันทร์อุบล ให้ไปก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากผู้จ้างมีความโกรธแค้นที่ผู้ตายไปลักลอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับภรรยา โดยมี จ.ส.ต.ประเสริฐศักดิ์ เกิดปาน เป็นผู้จัดหาอาวุธ และมีนายสิทธิพร บินขุนทด เป็นผู้ขับรถให้มือปืน ต่อมานายสุทิน จ.ส.ต.ประเสริฐศักดิ์ รวมถึงนายสิทธิพร ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนนายรณรงค์ หลบหนีไปกบดานที่บ้านเลขที่ 208/2 ม.10 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังไปจับกุม
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลั่นไกสังหารนายวิชาญจริง เนื่องจาก จ.ส.ต.ประเสริฐศักดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ได้ยื่นข้อเสนอว่าจะให้เงินจำนวนหนึ่ง แลกกับการไปยิงศัตรูหัวใจของนายสุทิน ตนจึงตกลงรับข้อเสนอทันที เพราะช่วงนั้นกำลังร้อนเงินมาก โดยหลังจากที่ตนใช้อาวุธปืนยิงจ่อศรีษะนายวิชาญ จนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วนั้น จึงได้หลบหนีไปกบดานแถว ต.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ก่อนจะโยกไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านภรรยาใน จ.ฉะเชิงเทรา
ด้าน พล.ต.ท.วันชัย เปิดเผยว่า นอกจากนายรณรงค์ จะไปก่อเหตุยิงคนตายแล้ว ยังมีหมายจับอีกในคดีปล้น และคดีอื่นๆ อีกหลายคดี แต่ผู้ต้องหากลับให้การปฏิเสธทั้งหมด และยังให้การปฏิเสธว่าไม่เคยก่อเหตุรับจ้างยิงใครในพื้นที่อื่นด้วย ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนในเบื้องต้น จะนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ชุมแสง ไปดำเนินคดีตามกฎหมายก่อน..
รวบแก๊งใบ้จัดหนัก-มุดร้านดังลักรถจักรยานยนต์
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ สามารถจับกุมคนแก๊งคนร้ายโจรกรรมรถจักรยานยนต์ได้ 5 ราย และกำลังดำเนินการสอบสวนขยายผลอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบ ร.ต.อ.นฤพนธ์ ดาวแจ้ง รอง สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กำลังร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา ในสภาพสีหน้าของแต่ละคน ต่างเคร่งเครียด จนแทบบ่อน้ำตาแตกไปตามๆ กัน เนื่องจากมีผู้กระทำผิดถึง 3 ราย เป็นคนใบ้ ต้องใช้มือในการสื่อสารภาษา จึงทำให้การสอบสวนดังกล่าวเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ดีที่มีผู้ต้องหาที่เหลือ 2 ราย เป็นคนปกติ และสามารถใช้ภาษามือสื่อสารได้ เลยทำให้การสืบสวนค่อนข้างรุดหน้าไปอย่างช้าๆ แต่กว่าจะสอบสวนเสร็จสิ้น ต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามข้อมูลในเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย นายวิชาญ อาจเปี่ยม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/4 ม.1 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และนายเอ นายบี นายซี นายดี นามสมมุติ ซึ่งเป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี ร่วมกันก่อเหตุเข้าไปลักรถจักรยานยนต์ภายในร้าน พ.สหายคาร์ จำกัด เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ เมื่อกลางดึกของวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยสามารถโจรกรรมรถจักรยานยนต์มือสองไปได้ จำนวน 3 คัน ส่วนภายในร้าน มีร่องรอยความเสียหายที่ลูกกุญแจล็อคประตูม้วน ถูกตัดจนขาดออกจากกัน
ด้าน ร.ต.อ.นฤพนธ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน กระทั่ง นายนพดล รอยประดิษฐ์ อายุ 26 ปี ลูกจ้างภายในร้าน พ.สหายคาร์ ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าพบคนร้ายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรม ภายในบริเวณหมู่บ้านดรีมแลนด์ หมู่ที่ 14 ต.วัดไทร จึงได้นำกำลังไปปิดล้อม และสามารถจับกุมตัวนายดี พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ได้ จากนั้น จึงได้นำตัวมาสอบสวนขยายผล จนผู้กระทำผิดทั้งหมดถูกจับกุม และยึดรถจักรยานยนต์ที่เหลือคืนมาได้ อีก 2 คัน แต่อยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน เนื่องจากมีบางส่วนถูกชำแหละถอดอะไหล่ออกไป
ขณะที่คำให้การของผู้ต้องหา ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุจริง และเคยทำมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งล่าสุด ก่อนที่จะถูกจับกุม ได้ร่วมกันเข้าไปลักรถจักรยานยนต์ภายในร้าน พ.สหายคาร์ โดยให้นายบี ทำหน้าที่ปีนกำแพงหลังร้าน แล้วมุดเข้าช่องโครงเหล็กระหว่างหลังคาเข้าไป เพื่อนำคีมตัดเหล็กไปตัดลูกกุญแจล็อคประตูม้วนก่อนพวกที่เหลือจะรีบเข้าไปช่วยกันนำรถจักรยานยนต์ออกมาได้ 3 คัน จากนั้น จึงได้นำไปซ่อนไว้ที่บ้านนายวิชาญ เพื่อรอการชำแหละเอาอะไหล่ขายทำเงิน ไว้ใช้เที่ยวเตร่หาความสำราญ แต่ก็มาถูกจับกุมจนได้
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่งให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
"วีออส"พุ่งข้ามเลนไฟลุกท่วมคลอกคนขับดับสยองคารถ
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 10 สิงหาคม 2555 พ.ต.ท.สุทธิชน ธงชัยภูมิ สารวัตรเวร สภ.บางปูสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันและเกิดไฟลุกท่วมรถมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในซากรถที่บริเวณถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 37 หน้าโรงพัก สภ.บางปู หมู่ 4 ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลตำบลบางปูจำนวน 2 คันเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุได้พบเพลิงกำลังลุกไหม้รถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ ทะเบียนกฉ -8239 กาญจนบุรี โดยเปลวเพลิงได้ลุกท่วมทั้งคันเนื่องจากรถคันดังกล่าวใช้ก๊าส NGV เป็นเชื้อเพลิง จึงทำให้เพลิงลุกโหมอย่างรวดเร็วเนื่องจากท่อส่งก๊าสแตกก๊าสพุ่งออกมาจำนวนมาก ในที่เกิดเหตุได้พบผู้บาดเจ็บคลานออกมาจากรถเป็นชาวต่างชาติชื่อ Miss Satyarati Susanto อายุ 45 ปี เป็นชาวอินโดนีเซียได้รับบาดเจ็บที่บริเวณต้นแขนขาวหัก ใบหน้ามีบาดแผลถลอกและหลังมือทั้งสองข้าง เจ้าหน้าที่มูลนิธิบางปู 811 ได้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลรัทรินทร์บางปู ส่วนชายที่เสียชีวิตอยู่ในรถบนเบาะข้างคนขับชื่อ นายแสงอรุณ อมรทวัลสกุล อายุ 42 ปี ถูกไฟเผาจนดำเป็นตอตะโก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้ความพยายามในการฉีดนำเพื่อดับเพลิงอยู่นานกว่า 30 นาทีเพลิงจึงสงบ
ห่างออกไปเล็กน้อยที่บริเวณกลางถนนได้พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียน ฆธ-5059 กรุงเทพมหานคร จอดขวางอยู่กลางถนนในสภาพด้านหน้าข้างขวาพังยับเยินภายในรถพบร่างผู้บาดเจ็บเป็นหญิงชื่อ นางสาว สุทาพร แสงนิลเจริญ อายุ 32 ปี พนักงานเทศบาลตำบลบางปู ได้รับบาดเจ็บถูกแรงกระแทกที่หน้าอก และมีบาดแผลที่ขาข้างขวา เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรบางปู ก่อนย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุเห็นรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส ขับมาจากคลองด่าน มุ่งหน้าเข้ามาบางปู ส่วนรถเก๋งโตโยต้า วีออส ขับมาจากบางปูมุ่งหน้าไปคลองด่าน มาถึงที่เกิดเหตุรถเก๋งโตโยต้า ได้วิ่งข้ามเลนของตัวเองเข้ามาชนรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส ที่วิ่งสวนทางมาเข้าอย่างแรงเสียงดังสนั่น ทำให้รถเก๋งโตโยต้า วีออส เสียหลักหมุนหลายตลบก่อนที่เข้าไปชนเหล็กกั้นขอบทาง และเกิดไฟลุกท่วมทั้งคัน ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นหญิงชาวต่างชาติที่นั่งมาด้วยในรถโตโยต้า หลังเกิดเพลิงลุกไหม้ตัวรถได้พยายามคลานหนีตายออกมาจากรถก่อนทีไฟจะลุกท่วมทั้งคัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า ในขณะที่ผู้ตายขับรถมาถึงที่เกิดเหตุอาจจะหลับในขับรถข้ามเลนมาด้วยความเร็ว จึงได้ชนประสานงากับรถฮอนด้าแจ๊ส ที่วิ่งสวนทางมาเข้าอย่างจังก่อนเกิดไฟลุกท่วมทั้งคันเนื่องจากรถคันดังกล่าวใช้ก๊าส NGV เป็นเชื้อเพลิงจึงทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้คลอดผู้ตายจนเสียชีวิตคารถดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.