วันนี้ ( 13 ต.ค. ) ร.ต.ท.จีรศักดิ์ นาคำ ร้อยเวร สภ.เมือง จ.เชียงใหม่
ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์พนักงานร้านสะดวกซื้อ
เซเว่นอีเลฟเว่น สาขาศรีปิงเมือง ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่
หลังได้รับแจ้ง ไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุ
ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบกับนางสาวกษิรา
ซ่อนทรัพย์อนันต์ อายุ 30 ปี พนักงานในร้านยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่
จากการสอบถามนางสาวกษิรา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้อยู่ที่หน้าร้านเพียงคนเดียว ส่วนอีกคนซึ่งเป็นผู้ชายกำลังเช็คของอยู่ด้านหลังร้าน ซึ่งต่อมานั้นได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 20 – 25 ปี ลักษณะการแต่งกายสวมเสื้อคุลมลายพรางทหาร กางเกงขายาว สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า และในมือขวาถืออาวุธปืน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นขนาดอะไร ชนิดอะไร เดินเข้ามาและใช้อาวุธปืนชี้มาที่ตนซึ่งยืนอยู่ที่เคาท์เตอร์ แล้วบังคับให้เปิดช่องเก็บเงินและเอาเงินออกมาให้ ซึ่งขณะนั้นตนไม่กล้าโวยวายและเรียกเพื่อนที่อยู่หลังร้านออกมาช่วย เพราะเกรงว่าจะถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง จึงได้จำใจเปิดช่องเก็บเงินตามที่คนร้ายบอก ซึ่งมีเงินสดประมาณ 700–800 บาท เมื่อได้เงินไปแล้ว คนร้ายรีบเดินออกจากร้านไปด้วยความใจเย็น ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านหลบหนีไป จึงได้รีบตะโกนบอกเพื่อนที่อยู่หลังร้านให้ออกมา และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบดังกล่าว ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางร้าน ก็พบว่าคนร้ายใช้เวลาลงมือประมาณ 2 นาที ก่อนจะหลบหนีไป
หลังการสอบสวนแล้วในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ขอเทปวงจรปิดดังกล่าวมาใช้ เป็นหลักฐาน และการกระทำของคนร้ายรายนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เพราะได้ก่อเหตุในช่วงใกล้เช้า ที่ถือเป็นวันตำรวจด้วย ซึ่งคนร้ายอาจคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะยุ่งและเตรียมการจัดงานในวันสำคัญ เนื่องในวันตำรวจอยู่ จึงได้มาก่อเหตุดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาพวงจรปิดที่ได้มา ยังไม่สามารถที่จะระบุตัวคนร้ายได้ชัดเจน เนื่องจากเป็นภาพมุมสูง อีกทั้งคนร้ายได้สวมหมวกกันน็อกด้วย ซึ่งจะได้ประสานไปยังบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุว่าที่ใดมีกล้องวงจรปิด บ้าง เพื่อจะได้นำมาประกอบกัน และใช้เป็นหลักฐานติดตามหาคนร้ายที่ก่อเหตุเย้ยกฎหมายในครั้งนี้มาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป.
จากการสอบถามนางสาวกษิรา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้อยู่ที่หน้าร้านเพียงคนเดียว ส่วนอีกคนซึ่งเป็นผู้ชายกำลังเช็คของอยู่ด้านหลังร้าน ซึ่งต่อมานั้นได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 20 – 25 ปี ลักษณะการแต่งกายสวมเสื้อคุลมลายพรางทหาร กางเกงขายาว สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า และในมือขวาถืออาวุธปืน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นขนาดอะไร ชนิดอะไร เดินเข้ามาและใช้อาวุธปืนชี้มาที่ตนซึ่งยืนอยู่ที่เคาท์เตอร์ แล้วบังคับให้เปิดช่องเก็บเงินและเอาเงินออกมาให้ ซึ่งขณะนั้นตนไม่กล้าโวยวายและเรียกเพื่อนที่อยู่หลังร้านออกมาช่วย เพราะเกรงว่าจะถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง จึงได้จำใจเปิดช่องเก็บเงินตามที่คนร้ายบอก ซึ่งมีเงินสดประมาณ 700–800 บาท เมื่อได้เงินไปแล้ว คนร้ายรีบเดินออกจากร้านไปด้วยความใจเย็น ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้านหลบหนีไป จึงได้รีบตะโกนบอกเพื่อนที่อยู่หลังร้านให้ออกมา และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบดังกล่าว ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางร้าน ก็พบว่าคนร้ายใช้เวลาลงมือประมาณ 2 นาที ก่อนจะหลบหนีไป
หลังการสอบสวนแล้วในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ขอเทปวงจรปิดดังกล่าวมาใช้ เป็นหลักฐาน และการกระทำของคนร้ายรายนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เพราะได้ก่อเหตุในช่วงใกล้เช้า ที่ถือเป็นวันตำรวจด้วย ซึ่งคนร้ายอาจคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะยุ่งและเตรียมการจัดงานในวันสำคัญ เนื่องในวันตำรวจอยู่ จึงได้มาก่อเหตุดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาพวงจรปิดที่ได้มา ยังไม่สามารถที่จะระบุตัวคนร้ายได้ชัดเจน เนื่องจากเป็นภาพมุมสูง อีกทั้งคนร้ายได้สวมหมวกกันน็อกด้วย ซึ่งจะได้ประสานไปยังบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุว่าที่ใดมีกล้องวงจรปิด บ้าง เพื่อจะได้นำมาประกอบกัน และใช้เป็นหลักฐานติดตามหาคนร้ายที่ก่อเหตุเย้ยกฎหมายในครั้งนี้มาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น