วันนี้( 13 ต.ค.) นายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ พี่ชายของ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ
อดีตนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น ที่ผูกคอตายปริศนาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทั้งครอบครัวไม่เชื่อว่าน้องสาวจะฆ่าตัวตาย
เพราะไม่เคยมีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้มาก่อน
หลังจากตนแจ้งข้อกังขาไปยังสถานกงสุลไทยที่สหรัฐอเมริกาว่า
ไม่เชื่อว่าผูกคอตาย ก็ได้รับแจ้งจากกงสุล
ว่าขอให้ทำหนังสือใช้สิทธิของความเป็นญาติพี่น้องและญาติ
แจ้งความจำนงไปจึงจะดำเนินการให้ได้
“กำลังเตรียมหลักฐานเอกสารเพื่อจะยื่นผ่านเจ้าหน้าที่ผ่านศาลากลาง จังหวัดร้อยเอ็ด ไปยังสถานกงสุลไทย ประสานส่งไปยังกงสุลไทยที่สหรัฐอเมริกา แสดงความจำนงขอรับศพจากตำรวจสหรัฐ เพื่อชันสูตรและผ่าพิสูจน์ศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนต่อไป ก่อนที่จะนำศพน้องสาวกลับมาประเทศไทย ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เชื่อว่าจะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จึงยอมเสียเวลาพิสูจน์ แล้วจึงจะนำศพกลับมาเมืองไทย” พี่ชาย เอ๋-พัชรา กล่าว
นายผดุงศักดิ์ กล่าวต่อว่า น้องสาวมักเล่าประจำว่า ช่วงที่พักอยู่ที่บ้านในที่เกิดเหตุ ได้เช่าบ้านอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันผิวดำชายอายุ 80 ปี ที่ภรรยาเสียชีวิตแล้ว และมีลูกชายผิวดำอายุกว่า 40 ปี อาศัยอยู่ด้วย ซึ่งน้องสาวเล่าประจำว่ามีปัญหาและมีปากเสียง เกิดความขัดแย้งกันเป็นประจำ เดือนละหลายครั้ง และมีปากเสียงกับ 2 พ่อลูกอยู่เสมอ แต่ก็ต้องทนอยู่ เพราะหาที่อยู่ลำบาก และบ่นไม่สบายใจมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อคลายข้อสงสัยในประเด็นนี้ จึงทำเรื่องยื่นไปขอผ่าพิสูจน์ จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้ถูกฆาตกรรมแล้วจัดฉากแขวนคอตายอำพรางคดี คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน จะทราบผล
“กำลังเตรียมหลักฐานเอกสารเพื่อจะยื่นผ่านเจ้าหน้าที่ผ่านศาลากลาง จังหวัดร้อยเอ็ด ไปยังสถานกงสุลไทย ประสานส่งไปยังกงสุลไทยที่สหรัฐอเมริกา แสดงความจำนงขอรับศพจากตำรวจสหรัฐ เพื่อชันสูตรและผ่าพิสูจน์ศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนต่อไป ก่อนที่จะนำศพน้องสาวกลับมาประเทศไทย ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เชื่อว่าจะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จึงยอมเสียเวลาพิสูจน์ แล้วจึงจะนำศพกลับมาเมืองไทย” พี่ชาย เอ๋-พัชรา กล่าว
นายผดุงศักดิ์ กล่าวต่อว่า น้องสาวมักเล่าประจำว่า ช่วงที่พักอยู่ที่บ้านในที่เกิดเหตุ ได้เช่าบ้านอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันผิวดำชายอายุ 80 ปี ที่ภรรยาเสียชีวิตแล้ว และมีลูกชายผิวดำอายุกว่า 40 ปี อาศัยอยู่ด้วย ซึ่งน้องสาวเล่าประจำว่ามีปัญหาและมีปากเสียง เกิดความขัดแย้งกันเป็นประจำ เดือนละหลายครั้ง และมีปากเสียงกับ 2 พ่อลูกอยู่เสมอ แต่ก็ต้องทนอยู่ เพราะหาที่อยู่ลำบาก และบ่นไม่สบายใจมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อคลายข้อสงสัยในประเด็นนี้ จึงทำเรื่องยื่นไปขอผ่าพิสูจน์ จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้ถูกฆาตกรรมแล้วจัดฉากแขวนคอตายอำพรางคดี คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน จะทราบผล
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น