วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556
โจ๋วัยรุ่นหึงโหดแทงคอสามีกิ๊กสาวดับสยองคาห้องพัก
วันนี้ (28 มิ.ย.) พ.ต.ท.จารึก ทองสีขาว พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.สมเด็จเจ้าพระยา รับแจ้งเหตุคนถูกแทงเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 103/6 ซอยเจริญรัถ 30 ถนนเจริญรัถ แขวงคลองต้นไท เขตคลองสาน กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สส.บก.น.8 เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.8 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.สมเด็จเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทยเวร รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวแบ่งห้องให้เช่า ลักษณะปลูกกึ่งไม้กึ่งปูน บริเวณชั้นล่างห้องเช่าไม่มีเลขที่ พบศพ นาย คมเพชร แท่นจันทาร อายุ 25 ปี ทำอาชีพขับรถส่งของ สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีแดง มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอยาวประมาณ 2 นิ้ว ที่หลัง 2 แห่ง และที่แขนทั้ง 2 ข้าง ใกล้กันพบคราบเลือดกระจัดกระจายทั่วห้อง แต่ไม่พบร่องรอยการลื้อค้นแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนรีบนำศพส่งนิติเวช รพ.ศิริราช
พ.ต.อ.พรชัย กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า นาย บี (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี อาชีพคนขนของบริษัทเดียวกับผู้ตาย ได้แอบคบหากับ น.ส. เอ อายุ 29 ปี ภรรยาผู้ตาย ซึ่งเป็นชนวนให้คนร้ายก่อเหตุดังกล่าว จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ปูพรมหาตัวคนร้าย จนกระทั่งกลางดึกของคืนวันเดียวกัน คนร้ายได้ย้อนรอยกลับมาเก็บของในห้องพัก อาคารใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงนำกำลังฝ่ายสืบสวน บก.น.8 เข้ารวบตัวไว้ได้สำเร็จ
สอบสวน นาย บี ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนแทงผู้ตายจริงโดยก่อนเกิดเหตุ ตนเองกำลังยืนคุยกับทาง น.ส.เอ จากนั้นผู้ตายได้เดินเข้ามาดึงตัว น.ส.เอ กลับมาที่ห้องพัก โดยมีการทะเลาะกันรุนแรง ด้วยความโมโหจึงรีบวิ่งขึ้นไปหยิบมีดปลอกผลไม้ลงมา ได้ยินเสียงทั้งคู่ยังทะเลาะกันไม่เลิก ทำให้ทนแรงหึงหวงไม่ไหว ประกอบกับได้ดื่มสุรามาก่อน จึงบุกเข้าไปกระหน่ำแทงจนผู้ตายล้มลงเสียชีวิต ก่อนจะหลบหนีไปจนมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว
ภายหลังเจ้าหน้าที่พาตัว นายบี ไปตรวจจุดเกิดเหตุและค้นหาอาวุธมีดของกลางซึ่งเป็นมีดปลอกผลไม้ยาวประมาณ 5 นิ้ว ที่ถูกทิ้งไว้ในลำคลองห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร รวมทั้งกางเกงยีนส์เปื้อนเลือด ก่อนนำตัวไปสอบสวนต่อที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา
ด้าน น.ส.เอ ให้การว่า ได้คบหากับทางผู้ตายมานานแล้ว จนมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ด้วยความเหงา จึงแอบคบหา นายบี และเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จนกระทั่งมาถูกแฟนหนุ่มจับได้เมื่อเดือนก่อน โดยผู้ตายสั่งให้เลิกคบหากับนายบีอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็เชื่อฟังมาโดยตลอดไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ สามีมาพบตนเองกำลังคุยกับ นายบี จึงเกิดความไม่พอใจ ฉวยมือเข้าห้องพักก่อนจะดุด่า จนมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จังหวะนั้น นายบี ได้บุกเข้ามาในห้อง ก่อนจะแทงสามีอย่างไม่ยั้ง ด้วยความตกใจจึงรีบพาลูกชายวัย 4 ขวบหนีตายออกมา โดยไม่ทราบชะตากรรมของสามี ภายหลังทราบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว จึงรีบมาให้การที่สถานีตำรวจดังกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ก่อนนำตัวนายบี ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ต้องรอผลนิติวิทยาศาสตร์เพื่อรวบรวมเป็นหลักฐาน พร้อมประสานญาติมารับศพไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป.
ดร.แม่โจ้ ตายปริศนาในห้องนอน
วันนี้ 25 มิ.ย. พ.ต.ท.ชาญ กัญยะมี พนักงานสอบสวน สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ ได้รับแจ้งว่ามีอาจารย์เสียชีวิตอยู่ในห้องพักบ้านพักสายพิรุณซึ่งเป็นแฟลตสำหรับครู อาจารย์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตแพร่ หลังได้รับแจ้งแล้วจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พินิจ คำบุญมา ผกก. แพทย์โรงพยาบาลร้องกวางและหน่วยกู้ภัยรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นตึก4ชั้น ที่ ชั้น 4 พบศพดร.วีระพล พิลาบุตร อายุ 33 ปี อาจารย์สอน สาขาเทคโนโรยี่ชีวภาพ ในมหาวิทยาลัยแม่โจ้เฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตแพร่ สภาพศพขึ้นอืดไม่สวมเสื้อสวมกางเกงสีขาวขาสั้น สันนิฐานว่าตายมากว่า 2 วัน ในห้องยังเปิด ทีวี.และพัดลมอยู่ ศพนอนตายอยู่ข้างเตียงนอน ไม่พบร่องรอยการต่อสู้
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ดร.วีระพลฯบ่นกับลูกศิษย์ว่าอยากใช้ชีวิตโสดไปตลอด ไม่อยากแต่งงานเพราะมีโรคประจำตัว ต้องกินยาตลอดเวลา เมื่อสามวันที่ผ่านมาบ่นกับลูกศิษย์ว่าปวดหัวให้ไปซื้อยาแก้ปวดมาให้ จากนั้นก็ขอตัวไปห้องพัก จากนั้นก็ไม่มีใครพบอีกเลย จนมีคนสงสัยไปพังประตูห้องและเป็นศพขึ้นอืดอยู่ในห้องดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากโรคประจำตัว ทางแพทย์จึงได้นำศพไปยังโรงพยาบาลร้องกวางเพื่อพิสูจน์ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป.
วันนี้ 25 มิ.ย. พ.ต.ท.ชาญ กัญยะมี พนักงานสอบสวน สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ ได้รับแจ้งว่ามีอาจารย์เสียชีวิตอยู่ในห้องพักบ้านพักสายพิรุณซึ่งเป็นแฟลตสำหรับครู อาจารย์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตแพร่ หลังได้รับแจ้งแล้วจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พินิจ คำบุญมา ผกก. แพทย์โรงพยาบาลร้องกวางและหน่วยกู้ภัยรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นตึก4ชั้น ที่ ชั้น 4 พบศพดร.วีระพล พิลาบุตร อายุ 33 ปี อาจารย์สอน สาขาเทคโนโรยี่ชีวภาพ ในมหาวิทยาลัยแม่โจ้เฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตแพร่ สภาพศพขึ้นอืดไม่สวมเสื้อสวมกางเกงสีขาวขาสั้น สันนิฐานว่าตายมากว่า 2 วัน ในห้องยังเปิด ทีวี.และพัดลมอยู่ ศพนอนตายอยู่ข้างเตียงนอน ไม่พบร่องรอยการต่อสู้
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ดร.วีระพลฯบ่นกับลูกศิษย์ว่าอยากใช้ชีวิตโสดไปตลอด ไม่อยากแต่งงานเพราะมีโรคประจำตัว ต้องกินยาตลอดเวลา เมื่อสามวันที่ผ่านมาบ่นกับลูกศิษย์ว่าปวดหัวให้ไปซื้อยาแก้ปวดมาให้ จากนั้นก็ขอตัวไปห้องพัก จากนั้นก็ไม่มีใครพบอีกเลย จนมีคนสงสัยไปพังประตูห้องและเป็นศพขึ้นอืดอยู่ในห้องดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากโรคประจำตัว ทางแพทย์จึงได้นำศพไปยังโรงพยาบาลร้องกวางเพื่อพิสูจน์ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป.
จับ2นักมวยขยี้กามนศ.สาว คาที่พักนักกีฬาน่านเกมส์
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 06.00 น. ร.ต.ท.สราวุธ คละไฮ ร้อยเวร สภ.เมืองน่าน ได้รับแจ้งจาก น.ส.แอน (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักศึกษาสถาบันการศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.น่าน ว่า ถูกนักกีฬามวยเยาวชนหลอกพามาข่มขืนในที่พักนักกีฬา ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ภาค 5 ครั้งที่ 42 น่านเกมส์ จึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้าตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือไว้ได้ โดยเบื้องต้น น.ส.แอน ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรย แจ้งว่าถูกนักกีฬามวย 2 คนข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งคู่ไปสอบปากคำที่โรงพัก จากนั้นนำตัวผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุไปตรวจร่างกายที่ รพ.น่าน เพื่อหาร่องรอยการข่มขืนและหลักฐานต่างๆ
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า น.ส.แอน ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสนามแข่งขันกีฬามวยในงานกีฬาน่านเกมส์ แข่งขันระหว่างวันที่ 22 มิ.ย.- 1 ก.ค. ซึ่งจังหวัดน่านเป็นเจ้าภาพ โดย น.ส.แอน อ้างว่าในฐานะเจ้าบ้านเลยถูกผู้ก่อเหตุร้องขอให้ช่วยพาไปเที่ยวหลังจากเลิกการแข่งขัน โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์มารับไปดื่มสุราที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอร้านปิดได้ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุพามาข่มขืนในตึกประถมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจัดเป็นที่พักนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน กระทั่งกลุ่มผู้ก่อเหตุเผลอ น.ส.แอน จึงแอบโทรศัพท์แจ้ง 191 ให้ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือได้ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พ.ต.อ.ปรยูร ชำนาญคง ผกก.สภ.เมืองน่าน เตรียมประสาน นายสถาพร ทองแดง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดน่าน และทีมสหวิชาชีพ เพื่อเข้าร่วมสอบปากคำเยาวชนทั้งหมด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.
สลดคู่รักพิเรนทร์เล่นเสียวริมหน้าต่างพลัดร่วงกระแทกพื้นสยอง2ศพ
วันนี้ (28 มิ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาย-หญิงคู่รักในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้เกิดอุตริมีเซ็กส์กันอย่างโลดโผนริมหน้าต่างแล้วเกิดพลาดร่วงตกลงมาจากตึกความสูงหลายชั้น ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิตคาที่ 2 ศพ อย่างน่าสลดใจ
ทั้งนี้รายงานระบุว่า อากาศที่ร้อนในช่วงนี้ มีผลอย่างยิ่ง อาจทำให้คู่รักชาวจีนจำนวนมากมีแนวคิดอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศการมีเซ็กซ์กัน แต่โชคร้ายที่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าหน้าต่างห้องพักมีสภาพทรุดโทรมเกินกว่าจะแบกรับน้ำหนักของทั้ง 2 คนไหว จึงทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว ซึ่งภาพสุดสลดนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตและมีการวิจารณ์กันกระหึ่ม.
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ศึกอาชีวะรายวันกดักไล่ฆ่าอริอดีตรุ่นพี่สังเวยดับคาถนน
เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ร.ต.ท.ธนาเดช หนูเอียด พงส.สน.นิมิตรใหม่ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสามวา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ รุดเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สมโภชน์ ทัศนา ผกก.สน.นิมิตรใหม่ พ.ต.ท.ศรัณชัย เอี่ยมธนดล สวป. พ.ต.ท.พิสิทธิ์ ตั้งศิริเสถียร สว.กก.สส.บก.น.3 ร.ต.อ.ทศพร ประพาสมณเฑียร รอง สว.สส.สน.นิมิตรใหม่ ฝ่ายสืบสวนสน.นิมิตรใหม่ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณป่าหญ้าริมถนน ห่างไกลบ้านเรือนประชาชน พบศพนายศรัญยู สิงห์สาหัส อายุ 20 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา กางเกงขายาวลายพรางทหาร มีบาดแผลถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่หน้าท้องจำนวนหลายนัด บริเวณระหว่างขาพบมีดดาบยาวประมาณ 2 ฟุต ตกอยู่ 1 เล่ม ใกล้กันยังพบท่อนเหล็กยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.นพรัตน์ไปก่อนหน้านี้จำนวน 2 ราย อาการสาหัส 1 คน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมเพื่อนกำลังขี่รถ จยย. 3 คัน ไปทั้งหมด 8 คน เพื่อมุ่งหน้ากลับที่พักในย่านดังกล่าว เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งคาดว่าเป็นนักเรียนคู่อริสถาบันแห่งหนึ่งประมาณ 30 คน รถ จยย.กว่า 20 คัน ดักรอกลุ่มผู้ตายอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้โบกให้กลุ่มผู้ตายให้จอดรถ ก่อนจะถามว่าเป็นเด็กโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิคใช่หรือไม่ เมื่อกลุ่มผู้ตายเห็นท่าไม่ดีจึงหันหัวรถกลับ กลุ่มคนร้ายจึงวิ่งไล่ จนเป็นเหตุทำให้ผู้ตายกระโดดลงจากรถ จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พร้อมกับผู้ตายได้ล้มลง ก่อนที่กลุ่มคนร้ายทั้งหมดจะขี่รถ จยย.หลบหนีไป
พ.ต.อ.สมโภชน์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเคยเรียนจบ ปวช.จากที่โรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิคมาหลายปีแล้ว โดยตอนนี้ยังไม่ได้ทำงานและช่วยงานที่บ้านอยู่ ส่วนคนเจ็บนั้นทราบชื่อต่อมาคือนายธนพล หรือเต้ มั่นจิตร อายุ 17 ปี ถูกยิงที่หลัง 2 นัดอาการสาหัส และนายมงคล หรือนะโม (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 18 ปี ถูกยิงที่ขา 1 นัด อาการปลอดภัยแล้ว ส่วนสาเหตุสันนิฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มคู่อริโรงเรียนต่างสถาบันของผู้ตาย โดยทราบว่ากลุ่มผู้ตายจะใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นประจำ เมื่อกลุ่มผู้ตายมาถึงก็ได้ลงมือทำร้ายก่อนจะหลบหนีไป อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหากล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมเรียกญาติและเพื่อนผู้ตายมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายและติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
จับสาวแสบซ่อนยาบ้าใน "ทับทิมกรอบ-ต้มจืดเต้าหู้" เยี่ยมแฟน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ร.ต.อ.ณรงค์ ทำบุญรอง สวป.สภ.เมืองอ่างทอง รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดอ่างทอง ให้รีบไปรับตัวผู้พยายามลักลอบแอบส่งยาเสพติดให้นักโทษ จึงรีบไปตรวจสอบ พบ น.ส. ภัทราพร คล้ายจำแลง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/1 หมู่ 7 ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลาง ยาบ้าที่ซุกมากับขนมทับทิมกรอบจำนวน 10 เม็ด
สอบสวนเจ้าตัวรับว่า แอบนำยาบ้าซุกใส่ขนมหวังแอบให้ นช.เอกพันธ์ เกตุสิทธิ์ แฟนหนุ่มที่ถูกจองจำในคดีจำหน่ายยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปตรวจค้นให้เบาะรถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีแดง ทะเบียน กบฉ 65 อ่างทอง ของผู้ต้องหา ปรากฎพบยาบ้าอีก 10 เม็ดที่ซุกซ่อนอยู่ในต้มจืดเต้าหู้ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556
โจ๋ 16 ซิ่งหนีตายแต่พลาดรถล้มโดนจ้วงแทงไม่ยั้งดับสยอง
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ร.ต.ท.เรืองศักดิ์ เนื่องกิจ พงส.สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า เมื่อช่วง 3 ทุ่ม วันที่ 15 มิ.ย. ได้รับแจ้งว่ามีผู้ถูกแทงเสียชีวิต บริเวณหน้าร้านทองฮะฮงไถ่ ถนนพหลโยธิน (ฝั่งขาออก) แขวงลาดยาว เขตจตุจักร จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.ศันย์ชัย พานิชกุล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.นิคม ศรเหล็ก สว.สส. ฝ่ายสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบนฟุตปาธ พบศพนายพัทรพล ขวัญทิพย์ อายุ 16 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น สีน้ำเงิน กางเกงยีนขาสั้น ไม่สวมรองเท้า พบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่ชายโครงขวา 1 แผล และแผ่นหลังอีก 4 แผล จากการตรวจสอบในตัวผู้ตายพบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด 140 บาท กุญแจรถจยย. จึงเก็บไว้ตรวจสอบ
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายพร้อมเพื่อนรวม 3 คน ขี่มอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเวฟ สีแดง ขับหนีกลุ่มคู่อริกว่า 10 คน ที่วิ่งตามมาจากทางด้านร้านหมูกระทะแฟมิลี่ มุ่งหน้าสี่แยกเกษตร จากนั้นรถของกลุ่มผู้ตายได้ล้มลง จึงถูกกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวตามมาทัน แต่เพื่อนผู้ตายอีกสองคนวิ่งหนีออกไปทัน จึงเหลือผู้ตายนั่งอยู่เพียงคนเดียว จากนั้นคนร้ายได้ช่วยกันจับผู้ตายเอาไว้ ก่อนใช้มีดจ้วงแทงจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีไป
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ตายไปได้มีเรื่องเขม่นกับกลุ่มคนร้ายมากกว่า 10 คนที่ร้านหมูกระทะดังกล่าว ต่อมาต่างฝ่ายต่างโทรตามพรรคพวก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจึงเกิดการตะลุมบอนชกต่อยกัน แต่เนื่องจากกลุ่มผู้ตายนั้นมีน้อยกว่า ต่างคนต่างแยกย้ายวิ่งหนีเอาชีวิตรอด โดยที่คนร้ายได้วิ่งไล่ตามผู้ตายจนมาทันที่เกิดเหตุ และใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจนเสียชีวิต ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พอจะทราบถึงลักษณะรูปพรรณของคนร้ายแล้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
รวบม้งกินปูนร้อนท้องควบกระบะซุกยาบ้ากว่าแสนเม็ดค่า 36 ล้าน
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.จ.เชียงราย สืบทราบข้อมูลว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบขนยาบ้าจำนวนมากจาก อ.ปาง จ.เชียงใหม่ ผ่านเข้ามาทาง อ.แม่สรวย เพื่อจะไปส่งให้ลูกค้าที่ กทม. จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ ดีแก้ว รอง ผกก.ป.สภ.แม่สรวย นำกำลังชุดสายตรวจ ร่วมกับ ชุด ตำรวจบ้าน-ชุมชน ฝ่ายปกครอง ไปตั้งจุดสกัดและด่านตรวจ ที่ตู้ยามบริการประชาชนป่าแดด หมู่ 14 บ้านใหม่เจริญ ต.ป่าแดด บนถนนสายระหว่าง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กับ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ในเวลาต่อมา พบรถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว แบบแคป ทะเบียน ฒฉ 5726 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านจุดตรวจมา จึงให้สัญญาณหยุดรถ เพื่อทำการตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย
ภายในรถพบ นายสุชาติ แซ่ มั่ว อายุ 33 ปี ชาวเขาเผ่าม้ง อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 7 บ้านแม่ตะละ ต.สันสลี อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เป็นคนขับรถคันดังกล่าวมาตามลำพังคนเดียว และที่กระบะท้ายไม่ได้บรรทุกสิ่งของอื่นแต่อย่างไร จึงเชิญตัวลงจากรถ ค้นในตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างไร สอบถามแล้วจะเดินทางไป กทม. จากนั้นนายสุชาติ ได้กินปูนร้อนท้องด้วยการที่จู่ๆก็เสนอเงินให้ตำรวจ 10,000 บาท เพื่อขอรีบขับรถเดินทางต่อ ทำให้ตำรวจรู้สึกผิดสังเกตจึงเข้าไปตรวจค้นภายในรถ กระทั่งได้กลิ่นยาบ้าโชยออกมา และบริเวณที่นั่งท้ายคนขับตรงกลางที่นั่งใต้เบาะระหว่างลำโพงข้างซ้าย-ขวา พบยาบ้าวางเรียงกันเป็นมัดๆ ไม่ได้ซุกซ่อนในกระเป๋า หรือไม่มีวัสดุอื่นใดมาปิดให้มิดชิด รวม 60 มัด เป็นยาบ้านับได้จำนวน 120,000 เม็ด จึงนำตัวพร้อมของกลางส่ง พ.ต.ท.จักรี วงค์คำ สวส.สภ.แม่สรวย สอบสวนดำเนินคดี
โดย นายสุชาติ ให้การรับสารภาพ ว่า ถูกว่าจ้างจากชายไม่ทราบชื่อซึ่งชาวเขาเผ่าเดียวกัน ให้ไปรับยาบ้านจำนวนดังกล่าวที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และให้นำไปส่งลูกค้าที่ กทม. โดยจะได้ค่าจ้างจำนวน 4 แสนบาท จึงขับรถออกจาก อ.ฝาง และใช้วิธีไม่ขับเข้า อ.เมืองเชียงใหม่ แต่ขับอ้อมมาออกที่ อ.แม่สรวย หมายจะผ่านไปทาง อ.วังเหนือ จ.ลำปาง แทน แต่มาถูกจับได้เสียก่อน สำหรับยาบ้าล๊อตนี้ หากเล็ดลอดเข้าไปถึง กทม. จะมีมูลค่ากว่า 36 ล้านบาท จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.
โจรชิงทรัพย์ปั๊มน้ำมันรองหน.พรรคชาติไทยพัฒนา
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 15 มิ.ย. ร.ต.ท.ประเทือง น้ำดอกไม้ ร้อยเวรสภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ในปั๊มน้ำมันถาวรออย เลขที่ 56/1 หมู่ 4 ต.สนามชัย ไปตรวจสอบพร้อมพล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร รองผบก. พ.ต.อ.กฤษดา ดีลีพจนานันทน์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองสุพรรณบุรี
ที่ปั๊มน้ำมันพบน.ส.สุพัตรา ตุ่มศรียา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่ 2 ต.มดแดง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ผู้เสียหายอยู่ในอาการตื่นตกใจ พร้อมโชว์บาดแผลที่คนร้ายใช้มีดปลายแหลมฟันที่ชายโครงซ้าย 2 แผล จนบาดเจ็บ และรอยเสื้อถูกมีดฟันเป็นรูโบ๋
น.ส.สุพัตรา กล่าวว่า เป็นเสมียนปั๊มน้ำมัน ก่อนเกิดเหตุอยู่กับน.ส.อรทัย บำรุงชัย อายุ 25 ปี เพื่อนเสมียนด้วยกัน 2 คน ส่วนผู้จัดการอยู่ในสำนักงาน ห่างกันประมาณ 100 เมตร ขณะกำลังรอลูกค้า คนร้ายเป็นชาย 1 คนสวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงขายาวสวมหมวกกันน็อกสีดำแบบเต็มใบ มีกระจกบังหน้า ขี่รถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดง จำทะเบียนไม่ได้ มาจอดแล้วทำทีถามหาแกลลอนใส่น้ำมันเพื่อจะซื้อน้ำมันกลับ ทันใดนั้นคนร้ายชักมีดปลายแหลมยาวประมาณ 40 ซม.ที่พกติดตัวออกมากระหน่ำฟันตนไม่ยั้งพร้อมกระชากกระเป๋าคาดเอวของตนภายในมีเงินสดอยู่ประมาณ 10,000 กว่าบาท จึงส่งเสียงร้องให้คนช่วย
เมื่อได้กระเป๋าใส่เงินแล้วคนร้ายทิ้งมีดและรองเท้าแตะไว้ให้ดูต่างหน้า 1 ข้าง ก่อนหลบหนีไป ขณะที่นายโยธิน เพ็งเคลือบ อายุ 21 ปีและนายจตุภัทร เกตุปลั่ง อายุ 22 ปีที่ขับขี่จยย.ซ้อนท้ายกันมาเติมน้ำมันและเพิ่งออกจากร้านไปไม่กี่นาที ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจึงกลับรถมาดู เห็นรถคนร้ายวิ่งสวนทางออกไปจึงพยายามไล่ตามแต่ไม่ทัน เจ้าหน้าที่วิทยุสกัดเส้นทางหลบหนีของคนร้ายแต่ไร้วี่แวว
สำหรับปั๊มน้ำมันดังกล่าวเป็นของนายถาวร จำปาเงิน รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ส่วนนางมณฑา จำปาเงิน ภรรยาเป็นผู้พิพากษาสมทบ ขณะเกิดเหตุนายถาวรไม่อยู่
ด้านพล.ต.ต.ชัชชรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มักมีเหตุการณ์ประทุษร้ายต่อทรัพย์สินของประชาชนบ่อยครั้งทั้งที่ได้สั่งตำรวจในปกครองให้ออกตรวจตราความปลอดภัยของประชาชนมาโดยตลอด แต่ก็ยังเกิดเหตุขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ยิงรถประชาชนในปั๊มน้ำมันของ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา และเหตุก็เกิดในพื้นที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้สั่งการให้รองผบก.ที่รับผิดชอบเร่งสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด.
วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556
กรุงเก่าระดมจับเด็กแว้นกว่า80คัน
วันนี้(9 มิ.ย.) พ.ต.อ. ชัยยะ เพชรปัญญา ผกก.สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ศักดินา สุขมาก รอง ผกก.ป.พ.ต.ต.ชัยณรงค์ ทาสุวรรณ สวป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ อาสาสมัครตำรวจบ้าน รวมกว่า 50 นาย ทำการจับกุมแก๊งรถจยย. ซิ่ง ได้ 83 คัน บนนถนนสายเอเชีย ที่ลงจากสะพานเกือกม้ามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 17 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา โดยแก๊งซิ่งกลุ่มดังกล่าวมีประมาณกว่า 100 คันได้แข่งขันกันทั้งในเขตเกาะเมืองถนนโรจนะ และ บนถนนสายเอเชีย สร้างความเดือดร้อนรำคราญและเป็นอันตรายต่อ ประชาชนที่สัญจรขับขี่ยานพาหนะผ่านไปมา
เมื่อแก๊งซิ่งเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พากันแตกฮือ แยกย้ายกันขี่รถจยย.หลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 76 คน รถจยย. 83 คัน ซึ่งบางคนได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดรถจยย. เอาไว้ตรวจสอบ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ชัยยะ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่สองฝั่งโรจนะและสัญจรผ่านไปมาในเส้นทางว่า มีแก๊งรถจยย. จำนวนมาก ได้ทำการประลองความเร็วกันเสียงดัง และเป็นอันตรายแก่ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา จึงได้วางแผนจับกุม ซึ่งจากผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมได้ดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น และขับรถโดยประมาณหวาดเสียว ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดี
กรุงเก่าระดมจับเด็กแว้นกว่า80คัน
วันนี้(9 มิ.ย.) พ.ต.อ. ชัยยะ เพชรปัญญา ผกก.สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ศักดินา สุขมาก รอง ผกก.ป.พ.ต.ต.ชัยณรงค์ ทาสุวรรณ สวป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ อาสาสมัครตำรวจบ้าน รวมกว่า 50 นาย ทำการจับกุมแก๊งรถจยย. ซิ่ง ได้ 83 คัน บนนถนนสายเอเชีย ที่ลงจากสะพานเกือกม้ามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 17 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา โดยแก๊งซิ่งกลุ่มดังกล่าวมีประมาณกว่า 100 คันได้แข่งขันกันทั้งในเขตเกาะเมืองถนนโรจนะ และ บนถนนสายเอเชีย สร้างความเดือดร้อนรำคราญและเป็นอันตรายต่อ ประชาชนที่สัญจรขับขี่ยานพาหนะผ่านไปมา
เมื่อแก๊งซิ่งเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พากันแตกฮือ แยกย้ายกันขี่รถจยย.หลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 76 คน รถจยย. 83 คัน ซึ่งบางคนได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดรถจยย. เอาไว้ตรวจสอบ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ชัยยะ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่สองฝั่งโรจนะและสัญจรผ่านไปมาในเส้นทางว่า มีแก๊งรถจยย. จำนวนมาก ได้ทำการประลองความเร็วกันเสียงดัง และเป็นอันตรายแก่ชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา จึงได้วางแผนจับกุม ซึ่งจากผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมได้ดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น และขับรถโดยประมาณหวาดเสียว ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดี
ออกภาพสเก็ตช์โจรจี้แบงค์กรุงไทยร่มเกล้าชิงเงิน 1.3 เเสน
จากกรณีมีคนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วม สันทัด อายุประมาณ 30-35 ปี สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีขาว บุกเข้ามาใช้อาวุธปืนจี้ชิงเงินจากธนาคารกรุงไทย สาขาร่มเกล้า โดยใช้เวาเพียงแค่ 25 วินาที ก่อนกวาดเงินสดจำนวน 1.3 เเสนบาท แล้วขับขี่ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีเขียว จำทะเบียนได้แค่ตัวเลขคือ 432 หลบหนีมุ่งหน้าไปทางลาดกระบังตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
วันนี้ (8 มิ.ย.) พ.ต.ท.สายันต์ เพ็ชรยืนยง รอง ผกก.สส.สน.ลาดกระบัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุมคนร้ายคดีนี้ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผบก.น.3 ได้เรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดกระบัง และกก.สส.บก.น.3 เข้าร่วมประชุมเพื่อแบ่งงานกันทำในการติดตามจับกุมคนร้าย โดยให้ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.3 ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางที่คนร้ายขี่จยย.มาก่อเหตุ และเรื่องรถจยย.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ส่วนฝ่ายสืบสวน สน.ลาดกระบัง ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้ยทางการหลบหนีของคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายใช้เส้นทางหลบหนีไปมุ่งหน้าไปทางลาดกะบัง โดยขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบว่าคนร้ายจะใช้เส้นทางหลบหนีไปทางใด
พ.ต.ท.สายันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบปากคำพยานนั้น เบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำพนักงานส่งเอกสารคนหนึ่งที่กำลังจะมาแลกเช็คที่ธนาคาร และหันไปเห็นคนร้ายขณะกำลังขี่รถจยย.หลบหนีออกไปมาสอบปากคำเพิ่มเติมแล้ว โดยทะเบียนรถจยย.ของคนร้ายนั้นเป็นแบบเก่า ที่มีเส้นสีแดงคาดกลาง ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า เป็นหมวดอักษรและหมวดจังหวัดใด นอกจากนั้นยังได้ให้พยานที่เห็นหน้าคนร้ายก่อนก่อเหตุไปทำการสเก็ตช์ภาพมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ด้าน พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 กล่าวว่า ได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.3 กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมทั้งบริเวณด้านหน้าธนาคาร ร่วมไปถึงเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนีเพิ่มเติม ซึ่งคนร้ายหลบหนีมุ่งหน้าไปทางลาดกระบัง และเชื่อว่าน่าจะหลบหนีมุ่งหน้าออกไปถนนมอเตอร์เวย์ นอกจากนี้ยังนำภาพคนร้ายที่กล้องวงจรปิดบันทึกเอาไว้ได้ไปให้ชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุดูว่าพอจะมีใครพอคุ้นกับคนร้ายที่มีรูปพรรณสันฐานแบบนี้หรือไม่ รวมทั้งรอผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายบริเวณหน้าธนาคารที่เกิดเหตุจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพิ่มเติมอีกด้วย
พ.ต.อ.ภิรมย์ กล่าวต่อว่า สำหรับรถจยย.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 สีเขียว ซึ่งพยานจดจำหมายเลขทะเบียนได้คือ 432 ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีอยู่หลายคันเช่นกัน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ยังได้ตรวจสอบในประเด็นของ รปภ.ของธนาคารที่เกิดเหตุเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากเป็น รปภ.จากบริษัทรักษาความปลอดภัย และซึ่งในวันเกิดเหตุ รปภ.คนประจำธนาคารสาขาที่เกิดเหตุนั้นได้แจ้งลากับทางบริษัท โดยอ้างว่าไปงานศพต่างจังหวัด ทำให้ทางบริษัทต้องส่งรปภ.อีกคนมาแทน แต่จากการตรวจสอบแล้วพบว่า เจ้าตัวไม่ได้เดินทางไปต่างหวัดแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีรปภ.อีก 2 คนที่เคยมาประจำธนาคารสาขาที่เกิดเหตุ และถูกไล่ออกไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556
บุกเดี่ยวจี้แบงค์กรุงไทยสายฟ้าแลบกวาด1.3แสน
เมื่อเวลา 12.45 น.วันนี้ (7 มิ.ย.) ร.ต.ท.ฤทธิไกร ยอมประโคม พนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ ภายในธนาคารกรุงไทย สาขาถนนร่มเกล้า ตั้งอยู่เลขที่ 123/1 ปากซอยร่มเกล้า 21/3 ถนนร่มเกล้า แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กทม.จึงรายงานผู้ยังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.ลาดกระบัง พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.ลาดกระบัง เจ้าหน้าที่กก.สส.บก.น.3 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 2 ชั้น บริเวณชั้นล่างเจ้าหน้าที่พบ น.ส.ปิยนุช พละเยี่ยม อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่แผนกบริการลูกค้า ประจำเคาร์เตอร์ หมายเลข 4 ยืนตื่นตระหนกอยู่ กล่าวว่า โดยก่อนเกิดเหตุพนักงานภายในธนาคามี 3 คน แม่บ้าน 1 คน และมีลูกค้าที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์ของตนที่มาขอแลกเงิน อีกทั้งขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลากลางวัน ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ออกไปรับประทานอาหารข้างนอก ซึ่งขณะกำลังนั่งให้บริการลูกค้าอยู่นั้น มีชายทำทีเดินคุยโทรศัพท์อยู่ด้านหน้าธนาคาร และดูท่าทีมีพิรุธ ต่อมาไม่นานลูกค้ารายนี้ทำธุรกรรมทางธนาคารเสร็จก็ได้เดินออกไป
น.ส.ปิยนุช เล่าอีกว่า จากนั้นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าธนาคาร ซึ่งจดจำรูปพรรณได้เป็นชายรูปร่างท้วม สันทัด อายุประมาณ 30-35 ปี สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครีม กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินปลายพับขึ้นมา สวมรองเท้าหนัง มีร่องรอยการเปราะเปื้อนดินโคลน สะพายกระเป๋าสีดำ เดินสวนกับลูกค้าแล้วเดินปรี่ตรงเข้ามาหา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อกก่อน แต่ชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับแสดงตัวเป็นคนร้ายทันที่ โดยปิดกระจกหมวกกันน็อกเพื่อบดบังหน้าตัวเอง แล้วชักอาวุธปืนแบบออโตเมติก สีดำ ไม่ทราบขนาด ออกมาจากเอว ส่องปากกระบอกปืนแล้วพูดว่าเอาเงินมา ด้วยความตกใจจึงหยิบเงินให้ไป 1 ปึก เป็นเงินจำนวน 120,000 บาท แต่คนร้ายยังไม่พอใจบอกให้ส่งเงินที่เหลือมาให้หมด จึงกวาดเงินในลิ้นชักส่งไปให้อีกจำนวนหนึ่ง รวมเงินที่คนร้ายได้ไปจำนวนทั้งหมด 130,180 บาท คนร้ายเอาเงินใส่กระเป๋าสะพายสีดำ จากนั้นก็วิ่งไปขับขี่รถ จยย.ฮออด้า รุ่นเวฟ สีเขียว จำทะเบียนได้แค่ตัวเลขคือ 432 ที่จอดอยู่ด้านข้างธนาคารหลบหนีไปทางถนนร่มเกล้าขาออก มุ่งหน้าไปทางลาดกระบัง
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เปิดเผยว่า คนร้ายคาดว่าเป็นมืออาชีพ โดยอาศัยช่วงจังหวะโอกาสที่พนักงานธนาคารอยู่น้อยและลูกค้าก็มีน้อย เพราะเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง รปภ.ไปรับประทานข้าว ทำที่มายืนโทรศัพท์ดูลาดเลาแล้วลงมือก่อเหตุอย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาเพียง 25 วินาที นอกจากนี้จากการตรวจสอบธนาคารที่เกิดเหตุนี้เพิ่งเปิดทำการเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบบการรักษาความปลอดภัยยังไม่เข้าที่ ซึ่งการสืบสวนจับกุมคนร้ายคงจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุที่จับภาพคนร้ายไว้ได้ แล้วตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง และเส้นทางการหลบหนี เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป