วันนี้( 3 พ.ย.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมแถลงข่าวผลงานฝ่ายสืบสวนจับกุม นางนุตรา พุฒรุ่ง อายุ 32 ปี ชาวจ.ชุมพร ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ พร้อมของกลางเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุ 1 ชุด จับกุมได้ภายในห้องเช่า อมรอพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 107 ซอยพุทธบูชา 39 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ
พล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา มีรายการโทรทัศน์รายการดังช่องหนึ่งแพร่ภาพกล้องวงจรปิดเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยติดตามหาตัวหญิงสาวคนร้ายพร้อมลูกสาว วัย 5 ปี ก่อเหตุลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือไอโฟน ของผู้เสียหายในร้านขายของกิ๊ฟชอป ย่านสำเพ็ง โดยภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นบันทึกใบหน้าเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ต่อมาเวลา 20.00 น.คืนวันที่ 2 ต.ค. มีพลเมืองดีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งความกับ พ.ต.อ.มานพ ผกก. สน.ราษฎร์บูรณะ ว่า พบหญิงต้องสงสัยใบหน้าคล้ายบุคคลตามที่ออกรายการโทรทัศน์ เกิดไหวตัวทันกำลังขนข้าวของย้ายหนีออกจากห้องเช่าในอมรอพาร์ทเม้นท์ ซอยพุทธบูชา 39 จึงรีบสั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฐจักร จันลา และ พ.ต.ต.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ สว.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ นำกำลังไปตรวจสอบติดตามกระทั่งสอบถามแล้ว นางนุตรา ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนสั่งสอนให้ลูกสาวไปขโมยโทรศัพท์มือถือไอโฟน ของผู้เสียหายมาหลายรายจริงแต่นำไปขายให้ร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 2 หมดแล้ว หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบแจ้งให้ผู้เสียหายทราบเพื่อเดินทางมาดูตัวที่ สน.ราษฎร์บูรณะ
จากการสอบสวน นางนุตรา รับสารภาพทั้งน้ำตาว่า ปัจจุบันไม่ได้ทำงานอะไรมีลูกที่ติดจากสามีเก่าและสามีใหม่ซึ่งขับขี่รถสามล้อรับจ้าง รวม 4 คน ส่วนเด็กที่พาไปก่อเหตุด้วยนั้นเป็นลูกสาวคนเล็ก ก่อนเกิดเหตุขัดสนอย่างหนักไม่มีเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ และครอบครัว จึงวางแผนพาลูกสาวคนเล็กไปเดินเล่นในตลาดสำเพ็ง แล้วสอดส่องหาร้านที่พนักงานเผลอเรอวางโทรศัพท์หรือชาร์จแบตโทรศัพท์เอาไว้ จากนั้นจะอาศัยช่วงที่ลูกค้าในร้านกำลังชุลมุลวุ่นวายแล้วสะกิดบอกให้ลูกสาวเดินไปหยิบมาให้ก่อนนำไปขายให้ร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองบนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 2 ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ตนเสี้ยมสอนให้ลูกสาวทำผิดมาแล้ว 3 ครั้ง และจะซื้อขนมให้เป็นรางวัลเมื่อทำเร็จรู้สึกเสียใจมากเหมือนกันแต่ไม่มีทางหาเงินทางอื่นจึงอยากกราบขอโทษผู้เสียหายทุกรายที่ตนกับลูกเคยสร้างความเดือดร้อนให้ด้วย
ด้าน น.ส.สุนิษา หรืออาย เพ็งส้ม อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.2 โรงเรียนบุศยรัตน์พาณิชยการ ซึ่งตกเป็น 1 ในผู้เสียหายเดินทางมาชี้ตัว เปิดเผยว่า เป็นลูกจ้างร้านมิสแอนด์ซี ขายเครื่องประดับในตลาดสำเพ็ง มานาน 3 ปีแล้ว วันเกิดเหตุช่วงเที่ยงวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมากำลังรับรองลูกค้าขาประจำของร้าน เเล้วลืมวางเอาโทรศัพท์มือถือไอโฟน รุ่น 4 เอส เอาไว้ในตู้โชว์สินค้า จากนั้นเห็น นางนุตรา จูงลูกเข้ามาเดินป้วนเปี้ยนทำทีสอบถามราคาต่างหูนำเข้าจากเกาหลี ตนบอกราคาไปแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะพอถามแล้วก็จูงลูกเดินเลี่ยงไปดูของอย่างอื่น จากนั้นช่วงบ่ายนึกขึ้นได้ว่าลืมวางโทรศัพท์เอาไว้พอเดินไปดูก็พบว่าหายไปแล้ว เลยขออนุญาตเถ้าแก่เปิดกล้องวงจรปิดย้อนหลังดูเห็นภาพ นางนุตรา ส่งสัญญาณให้ลูกสาวเดินไปหยิบโทรศัพท์มาใส่กระเป๋าตัวเองก่อนพากันหนีไป
ขณะที่ พ.ต.อ.มานพ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ติดตามตัว น.ส.พรทิพย์ ล้ำอนันต์ทรัพย์ อายุ 31 ปี เจ้าของร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 2 มาสอบสวนแล้ว ทราบว่า นางนุตรา เคยนำไอโฟนไปขาย 3 เครื่องจริง โดย นางนุตรา อ้างตัวว่า เปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือเหมือนกันแต่เป็นร้านเล็กๆ อยู่โซนด้างล่าง มีความจำเป็นต้องใช้เงินเลยนำเอาไอโฟนมาขายให้ร้านใหญ่ๆ เพื่อนำเงินไปไปหมุนเวียนในธุรกิจ อย่างไรก็ตามทุกครั้งจะมีการขอสำเนาบัตรประชาชนเอาไว้ ซึ่ง นางนุตรา ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทำให้ผู้รับซื้อไม่เอะใจไม่คิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์แก่ นางนุตรา เพื่อดำเนินคดีก่อนประสานให้ผู้เสียหายทุกรายเดินทางมาชี้ตัว ส่วนลูกสาว นั้นตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินคดีได้เพราะอายุไม่ถึง 7 ปี จึงติดต่อให้ญาติพี่น้องมารับตัวไปอุปการะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น