พี่เป้า-สายัณห์”วิกฤติไข้พุ่ง 40 องศา อดขึ้นเวทีคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย

หมอแจงมะเร็งกระจายทำให้คนไข้ซึม ด้านเมียนิมนต์พระสงฆ์ให้อดีตราชาลูกทุ่งคนดังทำบุญถึงขอบเตียง

บรรดาแฟนเพลงยังคงเฝ้าติดตามอาการป่วยของอดีตราชาเพลงลูกทุ่งชื่อดัง “เป้า-สายัณห์ สัญญา” หลังมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายกำเริบหนัก จนญาติต้องรีบหามส่ง รพ.ธนบุรี โดยแพทย์แถลงว่าต้องรักษาแบบประคับประคอง และหันกลับไปให้เคมีบำบัดเท่านั้น ทั้งยังไม่อนุญาตให้ไปขึ้นคอนเสิร์ตที่ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่ห้อง 1310 ชั้น 3 อาคาร 2 รพ.ธนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตราชาเพลงลูกทุ่งชื่อดังยังคงนอนให้สารอาหารด้วยความอ่อนเพลีย แต่แววตายังเปี่ยมไปด้วยความหวังที่ต้องการจะเดินทางไปร่วมคอนเสิร์ตอำลาแฟนเพลง โดยมีลูกสาวนั่งเฝ้าไม่ห่าง และที่ประตูหน้าห้องมีป้ายระบุบว่างดเยี่ยม

นายมานิตย์ อังกินันทน์ ผู้จัดการส่วนตัว เปิดเผยว่า ช่วงเช้าพี่เป้าไข้ขึ้น และมีอาการตัวสั่น จึงไม่อยากให้ไปไหน แต่ถ้าเจ้าตัวดื้อคงต้องให้ญาติเซ็นยินยอมเพราะทาง รพ.จะไม่รับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้น แต่หากต้องไปจริงคงขอให้เป็นการโชว์ตัวเท่านั้น เพราะเจ้าตัวคงไม่สามารถร้องเพลงได้แน่
ระหว่างนั้นนางวรรณพร สัมฤทธิ์ ภรรยาคู่ทุกข์ได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าจะนิมนต์พระภิกษุมาให้สามีทำบุญถวายอาหาร พร้อมเปิดใจว่าส่วนตัวไม่อยากพี่เป้าไปขึ้นคอนเสิร์ต

ต่อมาเวลา 11.30 น. นายมานิตย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า วันนี้พี่เป้าคงเดินทางไปไหนไม่ได้แน่ เพราะไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ไม่ลดเลย ร่างกายมีอาการตอบสนองน้อยลง พูดได้ว่าอาการอยู่ในขั้นวิกฤต จึงเกรงว่าอาจช็อกได้หากห่างมือหมอ อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยังพยายามฝืนยิ้มสู้ตลอด

ด้าน นพ.วชิรบุณย์ ศาสตรารุจิ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.ธนบุรี แถลงว่า จากการตรวจอย่างละเอียดพบว่ามีส่วนของเนื้องอกที่ตับอ่อนกระจายตัวไปยังตับและม้าม ทำให้สภาพการทำงานของตับบกพร่อง จึงให้ยาปฏิชีวนะ ตอนนี้แพทย์กังวลมาก ป่วยไม่น่าจะซึมขนาดนี้ คงต้องพิจารณาเรื่องสมองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังห่วงเรื่องเรื่องอาการของโรคเบาหวาน และแร่ธาตุที่ผิดปกติในร่างกาย จึงพยายามควบคุมให้สารอาหารให้พอเพียง และอาจจะต้องนำเข้าเครื่องตรวจสแกนระบบประสาทในช่วงเย็น

“การทำงานต่าง ๆ ในร่างกายไม่ค่อยดีแล้ว โดยเฉพาะการทำงานของตับ ยิ่งมีเรื่องเบาหวานอีก ในฐานะแพทย์จึงต้องพยายามควบคุมรักษาระบบต่าง ๆ ไว้ให้ได้ เพื่อทำให้การแข็งตัวของเลือดดีขึ้น ส่วนมะเร็งคงไม่สามารถฉายแสงได้ สำหรับการทำเคมีบำบัดคงต้องรอให้คนไข้แข็งแรงกว่านี้ก่อน” นพ.วชิรบุณย์ กล่าว.