ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ศาลอุทธรณ์สั่งประหารเสธ.เอ้ กับเครือข่ายเกาไช่หลุน

วันที่ 16  ส.คที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก . ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อย. 3363/2551ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.อ.พิสิษฐ์  หรือกฤตนัย หรือภัทระ  หรือธีรวุฒิ อมรวิสัยสรเดช หรือเสธ.เอ้ และ พ.ท.สุรยุต สังข์เทพ  หรือเสธ.หยวก  นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย  เป็นจำเลยที่ 1และ – 2 ตามลำดับ ในความผิดฐาน สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  ตาม พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรค 2  และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
 
โดยอัยการโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อประมาณปี 2540 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับนายประเสริฐ สินบัณฑิต  กับพวกรวม 3  คน ที่ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต และพวกที่ยังหลบหนี ได้สมคบกันมีเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าชนิดผงน้ำหนัก 23,784 กรัม ประมาณ  23.7 กก.เศษ  ราคาประมาณ 40 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์การผลิตยาบ้า รวม 116 รายการ  กระทั่งวันที่ 8 พฤศจิกายน  2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายประเสริฐ กับพวกได้ พร้อมกับยาบ้าและของกลางจำนวนมาก ได้ที่บ้านเลขที่ 316 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.  ดำเนินคดี ต่อมาจำเลยทั้งสองได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน  บช.ปส.  และให้การปฏิเสธโดยตลอด
 
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2552 เห็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง มาตรา 10 ประกอบด้วยพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 65 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ลงโทษฐานร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่าย อันเป็นบทหนักสุด ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ทั้งนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่สองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่สองไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่หนึ่งให้ประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์อ้างว่าถูกซัดทอดกลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษ ขอให้ศาลยกฟ้อง
 
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบครอบแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ รวมทั้งคำซัดทอดของนายเศรษฐ์นันท์ สิริจิระสุข หรือ เกาไช่หลุน จำเลยคดีค้ายาเสพติดที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต เบิกความยืนยันว่า จำเลยทั้งสองร่วมกับตนผลิตยาเสพติด ที่หมู่บ้านกฤษดานคร 19 และ ที่อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทราที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดยาบ้า พร้อมอุปกรณ์จำนวนมาก โดยจำเลยที่ 2 มีหน้าที่หาน้ำยาเคมี ส่วนจำเลยที่ 1 นำรถยนต์ของทางราชการมาขนย้ายยาเสพติด   รวมทั้งนายเศรษฐ์นันท์ก็ให้การรับสารภาพ และศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษแล้ว จึงไม่ได้รับผลประโยชน์จากการซัดทอดนี้ และข้อเท็จจริงที่เบิกความล้วนเกี่ยวข้องกับบุคลที่สามารถอ้างอิงได้ สอดรับกับคำให้การของพยานโจทก์2 ปาก ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1  จึงไม่มีข้อระแวงสงสัยว่า คำเบิกความของนายเศรษฐ์นันท์ และพยานโจทก์เป็นการปรักปรำจำเลยทั้งสอง ให้รับโทษร้ายแรง โดยไม่มีมูลความจริง ที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่า นายเศรษฐ์นันท์ โทรศัพท์ข่มขู่ จำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่า นายเศรษฐ์นันท์ เป็นบุคคลธรรมดา  ไม่สามารถข่มขู่จำเลยที่ 1 ได้  นอกจากนี้จำเลยที่1 ได้นำสืบว่า คนทั่วไปไม่สามารถเข้าห้องทำงาน และใช้รถประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 1 ได้ โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน เห็นว่า การนำสืบไม่อาจบ่งชี้ได้ว่า  ไม่มีเหตุกระทำผิดระเบียบได้  ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 นอกจากจะมีพิรุธ ขัดต่อเหตุและผลหลายอย่างแล้ว ยังมีน้ำหนักน้อย  ไม่อาจรับฟัง หรือหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
 
ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ นายเศรษฐ์นันท์โกรธเคืองจำเลยทีไม่สามารถช่วยเหลือให้เข้ารับราชการทหาร และข่มขู่ว่า หากวันใดถูกจับกุมได้จะซัดทอดว่า จำเลยที่ 1 อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติดเห็นว่า   นายเศรษฐ์นันท์ ถูกจับกุมได้ เนื่องจากกระทำผิดที่ประเทศไต้หวัน ไม่ใช่เหตุจากจำเลยที่ 1  อีกทั้งนายเศรษฐ์นันท์รับสารภาพด้วยตัวเอง อุทธรณ์ข้อนี้ จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนที่จำเลยทั้งสอง อุทธรณ์ว่า ผู้กระทำผิดคือนายประเสริฐ สินบัณฑิต  กับพวกรวม 3  คน เห็นว่า ข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของนายเศรษฐ์นันท์ เชื่อมโยงกับคำเบิกความของพยานโจทก์อีก 2 ปาก ซึ่งเป็นทหาร  พยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีเพียงคำซัดทอดของนายเศรษฐ์นันท์ เพียงอย่างเดียว  ที่จำเลยอ้างว่า พยานโจทก์เบิกความขัดแย้งกันเอง  เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความเป็นลำดับขั้นตอน สมเหตุสมผลน่าเชื่อถือ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสอง กระทำผิดฐาน ร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
อย่างไรก็ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสอง และพวกสมคบกัน กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยตกลงร่วมกันผลิต และจัดหาอุปกรณ์การผลิต แต่ไม่บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสอง กับพวก ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนั้นที่ศาลชั้นต้น วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสอง มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย  ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นชอบด้วย 
 
พิพากษาแก้บางข้อหา ว่า จำเลยทั้งสอง มีความผิดตามพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง  ประกอบด้วยพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 65 วรรคสอง (เดิม),  ส่วนโทษและนอกเหนือจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้นซึ่งให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุกตลอดชีวิต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า    ในวันนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้พนักงานอัยการโจทก์ฟังเท่านั้น ส่วนจำเลยทั้งสอง ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรีและได้ส่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปอ่านให้จำเลยทั้งสองฟังแล้วเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา .
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Disqus Shortname

Comments system

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 095-954-4524

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Post Top Ad

คลังบทความของบล็อก

Author Details

Menu - Pages

Business

Random Posts

Recent

Popular

Blog Archive