วันนี้ ( 25 พ.ย.) ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้อภิปรายคนแรกโดยได้อภิปรายถึงการบริหารราชการของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมกันนี้ได้นำคลิปเสียงคล้ายการพูดคุยระหว่าง พล.อ.อ.สุกำพล และ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่มาเปิดหลายช่วง รวม 15 คลิป เพื่อชี้ให้เห็นว่ามีการแทรกแซงของ พล.อ.อ.สุกำพล โดยคลิปบางตอนมีเสียงว่า “ไม่ต้องให้ใครเข้ามา ขอคุยเรื่องโยกย้ายนิดนึง ผมอยากเสนอทนงศักดิ์” “ถ้าเรื่องนี้ถ้าเฉพาะหน่วยเสนอมาแล้วให้รับทราบ ก็ไม่ต้องมีรัฐมนตรีหรอก ก็จบไป” “ให้เห็นชอบทั้งหมดก็ไม่ต้องเซ็น แ..ง” “ถ้าเถียรเสนอชาตรีมา พี่ก็ต้องแก้เป็นทนงศักดิ์” “อยากให้เรื่องนี้อยู่แค่นี้ไม่ต้องมีหนังสือ เรา 5 คน ลูกผู้ชาย” “ผมขออนุญาตตัดสินใจเอาทนงศักดิ์ ต้องเข้าใจไม่เช่นนั้นมันจบไม่ได้” นี่คือการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของรัฐมนตรี ไม่พอใจก็เอาออก เอาคนที่สั่งขวาหัน ซ้ายหันได้อย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่เจตนารมณ์กฎหมายป้องกันไม่ให้นักการเมืองล้วงลูก
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า พล.อ.เสถียรทำถึงนายกฯ เพื่อขอเข้าพบพร้อมเจ้ากรมเสมียนตรา เพื่อรายงานเรื่องการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม และการถูกสั่งย้ายโดยไม่เป็นธรรม แต่นายกฯในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดที่ต้องบริหารทุกกระทรวง ต้องรับรู้รับทราบกลับเพิกเฉย ที่สำคัญ พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร2476 มาตรา 29 ระบุให้นายกฯต้องรีบดำเนินการไต่สวนหลังได้รับเรื่องร้องทุกข์ จึงอาจเข้าข่ายการละเลยและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และท่านไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่รับรู้รับทราบได้ เพราะมีใบตอบรับแล้ว ฉะนั้นกรณีนี้จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการสมรู้ร่วมคิดกับการใช้อำนาจหน้าที่ของรมว.กลาโหม ที่ไปก้าวก่ายแทรกแซงฝ่ายข้าราชการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 266 268 269 และ280 ถ้าไม่มีธรรมมาภิบาล ไม่มีนิติรัฐ นิติธรรมบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ กองทัพก็จะกลายเป็นกองโจร ถ้ากองทัพเป็นกองทัพ ท่านก็คือหัวหน้ากองทัพ แต่ถ้ากองทัพเป็นกองโจร ท่านก็คือหัวหน้ากองโจร จึงไม่สามารถไว้วางใจนายกฯและรมว.กลาโหมได้
พล.อ.อ.สุกำพล ชี้แจงว่า การแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมจะต้องผ่านคณะกรรมการชุดเล็ก และคณะกรรมการชุดใหญ่ที่ตัวเองเป็นประธาน โดยคณะกรรมการชุดใหญ่มีทั้งหมด 6 คน และหนึ่งเสียงมีสิทธิ์เท่ากันและบังคับใครไม่ได้ สำหรับคลิปเสียงที่ออกมาในวันที่ 17 ส.ค. 55 ยอมรับเป็นเสียงตน ซึ่งเป็นคลิปที่ไม่สมบูรณ์ นำมาเปิดเผยไม่ครบ และรู้ว่าใครอัดเสียง แต่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องถือผิดวินัยร้ายแรงที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในกระทรวงกลาโหมมาก่อน และได้ตั้งกรรมการตรวจสอบ สำหรับขั้นตอนแต่งตั้งปลัด จะพิจารณาในชุดใหญ่ก่อนก็ได้ แม้ เมื่อกรรมการชุดเล็กมีการเสนอชื่อ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหมขณะนั้นขึ้นมา แต่ชุดใหญ่ได้เลือก พล.อ.ทนงศักดิ์ ดังนั้น หากพล.อ.เสถียรเสนอชื่อพล.อ.ชาตรีขึ้นมา ตัวเองก็บอกว่าจะเปลี่ยนรายชื่อเพราะไม่สามารถขัดต่อมติที่ประชุมชุดใหญ่ได้
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวอีกว่า ส่วนระบุเรื่องความอาวุโส ที่ผ่านมาพล.อ.พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม มีอาวุโส แต่สุดท้ายก็มีการเรียกพล.อ.เสถียรมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมในครั้ง พล.อ.วิทวัส เป็นลูกผู้ชาย ก็ยอมรับในการตัดสิน สำหรับการโยกย้ายนายทหารทั้ง 3 คน เนื่องจากมีพฤติกรรมไปยื่นหนังสือต่อประธานองคมนตรี และไปพบองคมนตรีบางคน ถือเป็นการดำเนินการผิดวินัยร้ายแรงที่นำความลับที่ยังไม่เสร็จสิ้นไปเผยแพร่ต่อบุคคลภายนอก และบุคคลที่ไปเผยแพร่เป็น 1 คนที่อยู่ในระดับจอมพล ตนจึงได้โยกย้ายไปช่วยราชการในสำนักรัฐมนตรีกลาโหม และตนก็ยืนยันว่าตัวเองมีอำนาจทำได้ และ 1ใน 3 คน ก็ได้ขอโทษตนในภายหลังและยอมรับว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตามสำหรับการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมจะต้องยึดหลักอาวุโส ประวัติการทำงาน และ ความรู้ความสามารถมาประกอบกัน มิใช่นำเรื่องอาวุโสมาพิจารณาอย่างเดียว
น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหารมีระเบียบชัดเจน นายกฯไม่สามารถข้ามขั้นตอนไปแทรกแซงได้ เพราะการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นอำนาจของคณะกรรมการที่มีรมว.กลาโหมเป็นประธาน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก พล.อ.เสถียร ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สำนักเลขาธิการสำนักนายกฯ ทำหนังสือถึงพล.อ.อ.สุกำพล ให้ดำเนินการให้ถูกต้องและแจ้งให้ พล.อ.เสถียรทราบแล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น