วันนี้(10 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
ศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์ คดีหมายเลขดำ อ.4177/2552 ที่นาย อภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย
ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ,
328 , 332
โดยวันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เบิกความสรุปว่า ที่จำเลยประกาศชัยชนะหลังจากบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรีนั้น ได้รับมอบหมายจากนายจักรภพ เพ็ญแข ตามแผนการที่วางไว้ เพื่อทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาในวันที่ 12 เม.ย.52 กลุ่มนปช.ได้บุกยึดพื้นที่ตามแยกต่างๆในกทม. เผารถแท็กซี่ เผารถประจำทาง ทำให้สถานการณ์วุ่นวาย และยังปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย ทุบกระจกรถที่นายอภิสิทธิ์นั่งอยู่ด้วย ส่วนการแก้ปัญหาก่อจลาจลในพื้นที่กทม.นั้น ตนกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง และไม่ใช้อาวุธต่อประชาชน อนุญาตให้ใช้แค่โล่กับกระบอง ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชนตามมาตรฐานสากลเท่านั้น
สำหรับกรณีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประชุมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารไปฆ่า ประชาชน ตามที่มีคนเอาคลิปเสียงมาแสดงเผยแพร่นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีการประชุมดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่มีการสั่งฆ่าประชาชนจากโจทก์แต่อย่าง ใด นอกจากนี้หลังจากส่งคลิปเสียงให้หน่วยงานทั้งของรัฐบาลและเอกชนตรวจสอบแล้ว ผลออกมาตรงกัน คือ เกิดจากการตัดต่อตกแต่ง ส่วนข้อกล่าวหาว่าโจทก์และรัฐบาลของโจทก์ กู้เงินมาโกงนั้น ก็เป็นเท็จ ความจริงคือรัฐบาลโจทก์กู้เงินมาเพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น สร้างโรงพยาบาล , ถนน สำหรับ การร้องเรียนว่าในโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งเริ่มจากรัฐบาลชุดก่อน มีการทุจริต โจทก์ ได้สั่งให้มีการสอบสวน จนยุติโครงการในสมัยโจทก์เป็นนายกฯไปแล้ว
สำหรับข้อกล่าวหาที่จำเลยใส่ร้ายว่า โจทก์ปล้นอำนาจจากประชนนั้น ขอยืนยันว่า จำเลยพูดไม่เป็นความจริง เพราะโจทก์เป็นนายกฯที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากสภา ตามวิถีทางประชาธิปไตย เช่นเดียวกับนาย สมัคร สุนทรเวช และนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกทั้งการปราศรัยของจำเลย ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่ มีเจตนาใส่ร้ายให้ประชาชน เข้าใจผิด และเพื่อปลุกระดมให้ลุกมาต่อต้านรัฐบาลของโจทก์ พยานเบิกความเรื่องอื่น ๆ แล้วเสร็จ ศาลจึงนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 16 -18 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
โดยวันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เบิกความสรุปว่า ที่จำเลยประกาศชัยชนะหลังจากบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรีนั้น ได้รับมอบหมายจากนายจักรภพ เพ็ญแข ตามแผนการที่วางไว้ เพื่อทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาในวันที่ 12 เม.ย.52 กลุ่มนปช.ได้บุกยึดพื้นที่ตามแยกต่างๆในกทม. เผารถแท็กซี่ เผารถประจำทาง ทำให้สถานการณ์วุ่นวาย และยังปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย ทุบกระจกรถที่นายอภิสิทธิ์นั่งอยู่ด้วย ส่วนการแก้ปัญหาก่อจลาจลในพื้นที่กทม.นั้น ตนกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง และไม่ใช้อาวุธต่อประชาชน อนุญาตให้ใช้แค่โล่กับกระบอง ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชนตามมาตรฐานสากลเท่านั้น
สำหรับกรณีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประชุมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารไปฆ่า ประชาชน ตามที่มีคนเอาคลิปเสียงมาแสดงเผยแพร่นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีการประชุมดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่มีการสั่งฆ่าประชาชนจากโจทก์แต่อย่าง ใด นอกจากนี้หลังจากส่งคลิปเสียงให้หน่วยงานทั้งของรัฐบาลและเอกชนตรวจสอบแล้ว ผลออกมาตรงกัน คือ เกิดจากการตัดต่อตกแต่ง ส่วนข้อกล่าวหาว่าโจทก์และรัฐบาลของโจทก์ กู้เงินมาโกงนั้น ก็เป็นเท็จ ความจริงคือรัฐบาลโจทก์กู้เงินมาเพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น สร้างโรงพยาบาล , ถนน สำหรับ การร้องเรียนว่าในโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งเริ่มจากรัฐบาลชุดก่อน มีการทุจริต โจทก์ ได้สั่งให้มีการสอบสวน จนยุติโครงการในสมัยโจทก์เป็นนายกฯไปแล้ว
สำหรับข้อกล่าวหาที่จำเลยใส่ร้ายว่า โจทก์ปล้นอำนาจจากประชนนั้น ขอยืนยันว่า จำเลยพูดไม่เป็นความจริง เพราะโจทก์เป็นนายกฯที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากสภา ตามวิถีทางประชาธิปไตย เช่นเดียวกับนาย สมัคร สุนทรเวช และนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกทั้งการปราศรัยของจำเลย ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่ มีเจตนาใส่ร้ายให้ประชาชน เข้าใจผิด และเพื่อปลุกระดมให้ลุกมาต่อต้านรัฐบาลของโจทก์ พยานเบิกความเรื่องอื่น ๆ แล้วเสร็จ ศาลจึงนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 16 -18 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น