วันนี้ (30 พ.ย.) ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานกิจการพิเศษ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วม ประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดงานวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม หรือ "วันพ่อแห่งชาติ”
พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่ใช้เป็นเส้นทางในการเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ที่จะเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราช จะผ่านพื้นที่ 3 บก. คือสน.บางกอกน้อย บก.น.7 และบก.น.6 และพื้นที่สน.ดุสิต บก.น.1 โดยในส่วนของทหารรักษาพระองค์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบจากเดิมกองทัพภาคที่ 1 ได้จัดเตรียมกำลังทหารรักษาพระองค์ จาก 3 เหล่าทัพ 12 กองพัน รวม 2,162 นาย เพื่อเดินสวนสนามที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ก็ปรับแผนโดยจะย้ายทหารทั้งหมดเข้าไปอยู่ภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อเปิดพื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าทั้งหมดให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมี
พล.ต.ต.สำเริง กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดการจราจรของผู้ที่จะเข้ามาร่วมงานทั้งหมดจะจัดให้หมุนรถมาส่งและทยอยมารับคน จะให้การจราจรบริเวณรอบลานพระบรมรูปทรงม้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการวางแผนไว้แล้ว คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานประมาณ 2 แสน คน มีการวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน จัดกำลังจากบช.น. และยังมีกำลังของบก.สส. บก.จร. รวมกำลังที่ใช้ 16 กองร้อย สำหรับเส้นทางที่จะมีการปิดถนน หลังจากที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ก็อาจมีการปรับแผนจากเดิมเล็กน้อยจากเดิมจะมีการปิดถนนให้เร็วขึ้นเพื่อเตรียมงาน แต่เนื่องจากวันที่ 4 พ.ย. ไม่ใช่วันหยุด เป็นวันที่ประชาชนยังต้องเดินทางไปทำงาน จึงลงความเห็นกันว่าจะปิดถนนบริเวณโดยรอบลานพระบรมรูปทรงม้า ในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 4 และห้ามไม่ให้นำรถมาจอด
“กรณีที่ประชาชนมาเป็นกลุ่มคณะและเช่ารถบัสมาด้วยกัน จะมีเจ้าหน้าที่บก.จร.จัดคิวรถในแต่ละด้าน และได้ประสานกับผู้ที่จะเดินทางมาร่วมงานแล้ว มีจราจรนำทางเข้ามาสู่พื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และเมื่อส่งประชาชนเรียบร้อยแล้วตำรวจจราจรก็จะนำทางไปยังจุดที่ให้จอดรถ จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นพิธีก็จะให้ทยอยกันวนมารับ ไม่ให้สวนทางกัน ไม่เช่นนั้นจะทำให้การจราจรติดขัด การดูแลเรื่องจราจรมีบทเรียนมาหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อปี 2549 เราจึงนำมาปรับแก้ไข ส่วนกรณีที่ไม่เดินทางมาเป็นกลุ่มคณะแต่นำรถมาก็อย่านำไปจอดบริเวณใกล้เคียง ให้นั่งรถโดยสารสาธารณะมาลงจุดที่ใกล้กับลานพระบรมรูปทรงม้าหรือจุดที่มีการจัดงาน ประชาชนที่มาทางเรือก็ให้ขึ้นที่ท่าเรือเทเวศน์ แล้วนั่งรถโดยสารสาธารณะเข้าถนนราชดำเนินและมาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า” รองผบช.น. กล่าว
รองผบช.น. กล่าวด้วยว่า สำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือบุคคลสำคัญ ก็จะจัดการจราจรอีกแบบ มีที่จอดรถเป็นสัดส่วนโดยมีบัตรจอดรถแจกให้ เพื่อจะได้รู้ว่ารถของตัวเองควรจะจอดที่จุดใด ซึ่งทั้งหมดบริหารจัดการโดยสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ก็วางแผนและดำเนินการร่วมกัน โดยผู้ที่แจกบัตรเชิญให้กับบุคคลวีไอพี จะมีการแนบบัตรจอดรถไปด้วย นอกจากนี้สำนักนายกรัฐมนตรียังได้จัดทีมงานประจำตามจุดที่เปิดให้ประชาชนเดินทางเข้ามา เพื่อแจกธงชาติไทยและธงภปร.ที่จัดเตรียมไว้ ทั้งนี้เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินกลับ แขกวีไอพีก็จะหมุนรถเข้ามารับออกจากบริเวณงาน ประชาชนทั่วไปก็เช่นเดียวกัน แต่การปิดการจราจรพยายามจะเร่งระบายรถไม่ให้ติดขัด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลางขับนำมารับและพาวนออกไปให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ผู้แทนองค์กรหน่วยงานต่างๆ ถวายพานพุ่มสักการะตามลำดับ ส่วนลานพระราชวังดุสิตทหารรักษาพระองค์ และราษฎร์ทุกหมู่เหล่า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ สมาชิกราชสกุล และสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยืนเฝ้าฯ ที่แท่นหน้าสีหบัญชร พร้อมแล้ว เจ้าพนักงานรัวกรับเปิดพระวิสูตร จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ชาวพนักงานกระทั่งแตรมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์จบ เสด็จพระราราชดำเนินไปเฝ้าฯ ณ ห้องพระโรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพแล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหารพลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนสมาชิกรัฐสภา นายไพโรจน์ วายุภาพประธานศาลฎีกา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนข้าราชการตุลาการ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กราบบังคมทูลพระกรุณาและกล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณจบ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคม ถวายความเคารพพร้อมกัน
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอบจบแล้ว ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคมทั้งหมดถวายความเคารพ ชาวพระพนักงานกระทั่งมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อเจ้าพนักงานรัวกรับและปิดพระวิสูตร ทหารดองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระยางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ ต่อมาเวลา 14.30น. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามต่อไป
ส่วนพิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 15.50 น. พสนิกรทุกหมู่เหล่ารวมพลบริเวณท้องสนามหลวงและศาลฎีกาเข้าประจำที่ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แขกผู้มีเกียรติ คณะกรรมการจัดงานพร้อมกันที่บริเวณพิธี จนกระทั่ง เวลา 18.30 น. ภายหลังจากที่ริ้วขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะเข้ารวมพลตามจุดนัดหมายที่กำหนดผู้แทนจากองค์กรหน่วยงานต่างๆ ถวายพานพุ่มสักการะ จากนั้น 19.19 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฐานะประธานในพิธีเดินทางมาถึงและเข้าประจำแท่นเกียรติยศในพิธี แล้วเวลา 19.29 น. ประธานพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายเครื่องราชสักการะและถวายความเคารพ และเริ่มจุดเทียนชัยเพื่อประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคล โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นนายกรัฐมนตรีรับมอบโคมเทียนแล้วนำร้องเพลงสดุดีมหาราช 2 จบ พร้อมกับผู้เข้าร่วมพิธี และประชาชนทั้งในบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงและทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร กระทั่งจบเพลงมีการจุดพลุและดอกไม้ไฟเริ่มการแสดงมหรสพต่างๆ และในเวลา 23.49 พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคมเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิ 5 ธันวามหาราชฝ่ายสงฆ์เป็นประธานในพิธีดับเทียนชัย แล้วทุกเวทีการแสดงมหรสพต่างๆ บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วดร.จรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช กล่าวปิดงานเป็นอันเสร็จสิ้นงานทั้งหมด
มีรายงานระบุด้วยว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)ได้จัดกำลังการรักษาความปลอดภัยในการเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทั้งหมด 16 กองร้อย โดยได้จัดกำลังหน่วยต่างๆ สนับสนุนเพื่อถวายการรักษาความปลอดภัยงานเสด็จออกมหาสมาคมในวันที่ 5 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยจัดกำลังจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) และกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)2 กองร้อย ดูแลพื้นที่ภายในลานพระราชวังดุสิต ส่วนกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) และกำลังตชด. 2 กองร้อย ซึ่งเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินตั้งแต่พระที่นั่งอนันตสมาคม ถ.อู่ทองใน– แยกราชวิถี-ถ.พระราม 5 จุด 1 ใช้กำลังกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) 1 กองร้อย และจุด 1 จากถ.พระราม 5 แยกวัดเบญจมบพิตร แยกพาณิชย์ ถึงแยกนางเลิ้ง ใช้กำลังกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) 1 กองร้อย รวมถึงตั้งแต่บริเวณแยกนางเลิ้ง ถ.นครสวรรค์ ถึงแยกผ่านฟ้า ใช้กำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) 1 กองร้อย จากนั้น บริเวณแยกผ่านฟ้า ถ.พระราชดำเนินกลาง ถึงสะพานพระปิ่นเกล้า ใช้กำลังจากองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) 1 กองร้อย และสะพานปิ่นเกล้า ถึงรพ.ศิริราช ใช้กำลังเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (บก.น.7) ดูแลพื้นที่จนกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจ รวม 9 กองร้อย กำลังจากชุดสืบสวนลงพื้นที่อีก 270 นาย และชุดรักษาการณ์บริการประชาชน 22 ชุด 220 นาย
ส่วนการจัดกำลังเพื่อหน่วยต่างๆ เพื่อสนับสนุนการรักษาความปลอดพื้นที่สนามหลวง เริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. บริเวณเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินและภายในสนามหลวงใช้กำลังจากบก.น.1จำนวน 1 กองร้อย และเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปพระบรมมหาราชวังใช้กำลังจากบก.น.4 -9 รวม 5 กองร้อย โดยในพื้นที่รักษาความปลอดภัยบริเวณพิธีการจุดเทียนชัยถวายพระพรภายในสนามหลวงนั้น ใช้กำลังจากบก.อคฝ. 1 กองร้อย รวมใช้กำลังดูแลความปลอดภัยช่วงเวลาดังกล่าว 7 กองร้อย
พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่ใช้เป็นเส้นทางในการเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ที่จะเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราช จะผ่านพื้นที่ 3 บก. คือสน.บางกอกน้อย บก.น.7 และบก.น.6 และพื้นที่สน.ดุสิต บก.น.1 โดยในส่วนของทหารรักษาพระองค์ ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบจากเดิมกองทัพภาคที่ 1 ได้จัดเตรียมกำลังทหารรักษาพระองค์ จาก 3 เหล่าทัพ 12 กองพัน รวม 2,162 นาย เพื่อเดินสวนสนามที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ก็ปรับแผนโดยจะย้ายทหารทั้งหมดเข้าไปอยู่ภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อเปิดพื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าทั้งหมดให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมี
พล.ต.ต.สำเริง กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดการจราจรของผู้ที่จะเข้ามาร่วมงานทั้งหมดจะจัดให้หมุนรถมาส่งและทยอยมารับคน จะให้การจราจรบริเวณรอบลานพระบรมรูปทรงม้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการวางแผนไว้แล้ว คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานประมาณ 2 แสน คน มีการวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน จัดกำลังจากบช.น. และยังมีกำลังของบก.สส. บก.จร. รวมกำลังที่ใช้ 16 กองร้อย สำหรับเส้นทางที่จะมีการปิดถนน หลังจากที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ก็อาจมีการปรับแผนจากเดิมเล็กน้อยจากเดิมจะมีการปิดถนนให้เร็วขึ้นเพื่อเตรียมงาน แต่เนื่องจากวันที่ 4 พ.ย. ไม่ใช่วันหยุด เป็นวันที่ประชาชนยังต้องเดินทางไปทำงาน จึงลงความเห็นกันว่าจะปิดถนนบริเวณโดยรอบลานพระบรมรูปทรงม้า ในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 4 และห้ามไม่ให้นำรถมาจอด
“กรณีที่ประชาชนมาเป็นกลุ่มคณะและเช่ารถบัสมาด้วยกัน จะมีเจ้าหน้าที่บก.จร.จัดคิวรถในแต่ละด้าน และได้ประสานกับผู้ที่จะเดินทางมาร่วมงานแล้ว มีจราจรนำทางเข้ามาสู่พื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และเมื่อส่งประชาชนเรียบร้อยแล้วตำรวจจราจรก็จะนำทางไปยังจุดที่ให้จอดรถ จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นพิธีก็จะให้ทยอยกันวนมารับ ไม่ให้สวนทางกัน ไม่เช่นนั้นจะทำให้การจราจรติดขัด การดูแลเรื่องจราจรมีบทเรียนมาหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อปี 2549 เราจึงนำมาปรับแก้ไข ส่วนกรณีที่ไม่เดินทางมาเป็นกลุ่มคณะแต่นำรถมาก็อย่านำไปจอดบริเวณใกล้เคียง ให้นั่งรถโดยสารสาธารณะมาลงจุดที่ใกล้กับลานพระบรมรูปทรงม้าหรือจุดที่มีการจัดงาน ประชาชนที่มาทางเรือก็ให้ขึ้นที่ท่าเรือเทเวศน์ แล้วนั่งรถโดยสารสาธารณะเข้าถนนราชดำเนินและมาที่ลานพระบรมรูปทรงม้า” รองผบช.น. กล่าว
รองผบช.น. กล่าวด้วยว่า สำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือบุคคลสำคัญ ก็จะจัดการจราจรอีกแบบ มีที่จอดรถเป็นสัดส่วนโดยมีบัตรจอดรถแจกให้ เพื่อจะได้รู้ว่ารถของตัวเองควรจะจอดที่จุดใด ซึ่งทั้งหมดบริหารจัดการโดยสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ก็วางแผนและดำเนินการร่วมกัน โดยผู้ที่แจกบัตรเชิญให้กับบุคคลวีไอพี จะมีการแนบบัตรจอดรถไปด้วย นอกจากนี้สำนักนายกรัฐมนตรียังได้จัดทีมงานประจำตามจุดที่เปิดให้ประชาชนเดินทางเข้ามา เพื่อแจกธงชาติไทยและธงภปร.ที่จัดเตรียมไว้ ทั้งนี้เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินกลับ แขกวีไอพีก็จะหมุนรถเข้ามารับออกจากบริเวณงาน ประชาชนทั่วไปก็เช่นเดียวกัน แต่การปิดการจราจรพยายามจะเร่งระบายรถไม่ให้ติดขัด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลางขับนำมารับและพาวนออกไปให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายกำหนดการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ผู้แทนองค์กรหน่วยงานต่างๆ ถวายพานพุ่มสักการะตามลำดับ ส่วนลานพระราชวังดุสิตทหารรักษาพระองค์ และราษฎร์ทุกหมู่เหล่า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นเวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ สมาชิกราชสกุล และสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยืนเฝ้าฯ ที่แท่นหน้าสีหบัญชร พร้อมแล้ว เจ้าพนักงานรัวกรับเปิดพระวิสูตร จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ชาวพนักงานกระทั่งแตรมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์จบ เสด็จพระราราชดำเนินไปเฝ้าฯ ณ ห้องพระโรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพแล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหารพลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนสมาชิกรัฐสภา นายไพโรจน์ วายุภาพประธานศาลฎีกา เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนข้าราชการตุลาการ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กราบบังคมทูลพระกรุณาและกล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณจบ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคม ถวายความเคารพพร้อมกัน
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอบจบแล้ว ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคมทั้งหมดถวายความเคารพ ชาวพระพนักงานกระทั่งมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อเจ้าพนักงานรัวกรับและปิดพระวิสูตร ทหารดองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระยางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ ต่อมาเวลา 14.30น. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามต่อไป
ส่วนพิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 15.50 น. พสนิกรทุกหมู่เหล่ารวมพลบริเวณท้องสนามหลวงและศาลฎีกาเข้าประจำที่ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แขกผู้มีเกียรติ คณะกรรมการจัดงานพร้อมกันที่บริเวณพิธี จนกระทั่ง เวลา 18.30 น. ภายหลังจากที่ริ้วขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะเข้ารวมพลตามจุดนัดหมายที่กำหนดผู้แทนจากองค์กรหน่วยงานต่างๆ ถวายพานพุ่มสักการะ จากนั้น 19.19 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฐานะประธานในพิธีเดินทางมาถึงและเข้าประจำแท่นเกียรติยศในพิธี แล้วเวลา 19.29 น. ประธานพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายเครื่องราชสักการะและถวายความเคารพ และเริ่มจุดเทียนชัยเพื่อประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคล โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นนายกรัฐมนตรีรับมอบโคมเทียนแล้วนำร้องเพลงสดุดีมหาราช 2 จบ พร้อมกับผู้เข้าร่วมพิธี และประชาชนทั้งในบริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงและทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร กระทั่งจบเพลงมีการจุดพลุและดอกไม้ไฟเริ่มการแสดงมหรสพต่างๆ และในเวลา 23.49 พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคมเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิ 5 ธันวามหาราชฝ่ายสงฆ์เป็นประธานในพิธีดับเทียนชัย แล้วทุกเวทีการแสดงมหรสพต่างๆ บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วดร.จรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช กล่าวปิดงานเป็นอันเสร็จสิ้นงานทั้งหมด
มีรายงานระบุด้วยว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)ได้จัดกำลังการรักษาความปลอดภัยในการเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทั้งหมด 16 กองร้อย โดยได้จัดกำลังหน่วยต่างๆ สนับสนุนเพื่อถวายการรักษาความปลอดภัยงานเสด็จออกมหาสมาคมในวันที่ 5 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยจัดกำลังจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) และกำลังตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)2 กองร้อย ดูแลพื้นที่ภายในลานพระราชวังดุสิต ส่วนกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) และกำลังตชด. 2 กองร้อย ซึ่งเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินตั้งแต่พระที่นั่งอนันตสมาคม ถ.อู่ทองใน– แยกราชวิถี-ถ.พระราม 5 จุด 1 ใช้กำลังกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) 1 กองร้อย และจุด 1 จากถ.พระราม 5 แยกวัดเบญจมบพิตร แยกพาณิชย์ ถึงแยกนางเลิ้ง ใช้กำลังกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) 1 กองร้อย รวมถึงตั้งแต่บริเวณแยกนางเลิ้ง ถ.นครสวรรค์ ถึงแยกผ่านฟ้า ใช้กำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) 1 กองร้อย จากนั้น บริเวณแยกผ่านฟ้า ถ.พระราชดำเนินกลาง ถึงสะพานพระปิ่นเกล้า ใช้กำลังจากองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) 1 กองร้อย และสะพานปิ่นเกล้า ถึงรพ.ศิริราช ใช้กำลังเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (บก.น.7) ดูแลพื้นที่จนกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจ รวม 9 กองร้อย กำลังจากชุดสืบสวนลงพื้นที่อีก 270 นาย และชุดรักษาการณ์บริการประชาชน 22 ชุด 220 นาย
ส่วนการจัดกำลังเพื่อหน่วยต่างๆ เพื่อสนับสนุนการรักษาความปลอดพื้นที่สนามหลวง เริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. บริเวณเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินและภายในสนามหลวงใช้กำลังจากบก.น.1จำนวน 1 กองร้อย และเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปพระบรมมหาราชวังใช้กำลังจากบก.น.4 -9 รวม 5 กองร้อย โดยในพื้นที่รักษาความปลอดภัยบริเวณพิธีการจุดเทียนชัยถวายพระพรภายในสนามหลวงนั้น ใช้กำลังจากบก.อคฝ. 1 กองร้อย รวมใช้กำลังดูแลความปลอดภัยช่วงเวลาดังกล่าว 7 กองร้อย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น