ความคืบหน้าคดีของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ หลังพบโครงกระดูก 3 โครงในไร่ที่ จ.เพชรบุรี ต่อมามีการตรวจสอบดีเอ็นเอจนทราบว่า 1ใน3 นั้นเป็นแรงงานชาวพม่าในไร่ของหมอชื่อนายต้า และ นพ.สุพัฒน์ยังถูกโยงให้เกี่ยวข้องกับนายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยาที่หายไปและไปพบรถยนต์ที่บ้าน นพ.สุพัฒน์ โดยทางญาติผู้ตายปักใจเชื่อว่า หมอสุพัฒน์ อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนั้น
วันนี้(27 ต.ค.) พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี กล่าวว่าขณะนี้ศาลจังหวัดเพชรบุรี มีคำสั่งอนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ ในข้อหาฆ่าคนโดยเจตตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมรายละเอียดหลักฐานและผลการสอบปากคำพยาน ส่งให้ศาลพิจารณาไปก่อนหน้านี้ ส่วนการเข้าไปแจ้งข้อหากับ น.พ.สุพัฒน์นั้น ขอประชุมคณะพนักงานสอบสวนอีกครั้งว่าจะเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติม และสอบปากคำ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เพิ่มเติมในเรือนจำเมื่อใด เนื่องจากตอนนี้ทางตำรวจต้องเร่งการสรุปสำนวนความเห็นในคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว ลักทรัพย์ รับของโจรให้อัยการพิจารณาความเห็นสั่งฟ้องในสัปดาห์หน้าก่อนเพราะคดีใกล้ครบกำหนดแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่าการอนุมัติหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการขุดพบโครงกระดูกภายในไร่ของหมอสุพัฒน์ ซึ่งเป็นแรงงานชาวพม่า ทราบชื่อต่อมาคือนายต้า ก่อนจะมีการสืบสวนสอบสวนคนงานพม่าทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและบางคนที่กลับประเทศพม่าไปแล้วรวมถึงพยานบุคคลอีกหลายปากซึ่งเป็นเพื่อนแรงงานชาวพม่าที่เข้ามาทำงานอยู่ด้วยกันในขณะนั้น ประกอบกับพยานแวดล้อมรายอื่น วัตถุพยาน ผลตรวจดีเอ็นเอ และปืนที่ตรวจยึดได้ภายในบ้านของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ทั้งที่จังหวัดเพชรบุรี และ จ.นนทบุรี นำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับในที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.พีระชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี กล่าวถึงกรณีที่ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการชี้แจงหลักฐานการได้รับอนุญาตและครอบครองอาวุธปืนของหมอสุพัฒน์ที่มีอาวุธปืนบางส่วนเพิ่มขึ้นซึ่งยังไม่มีหลักฐาน และอ้างว่าไม่รู้ว่ามีอาวุธปืนเพิ่มขึ้นมาได้อย่างไร ว่าในการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจเรามีหลายหน่วยงานและยังมีชาวบ้านมามุงดูด้วยความสนใจ รวมถึงสื่อมวลชนเอง เรายืนยันว่าทุกขั้นตอนตำรวจทำด้วยความโปร่งใสที่สุด และตำรวจไม่ได้ทำงานตามลำพังมีพยานเข้าร่วมตรวจค้นตลอด จึงไม่มีทางที่จะมีอาวุธปืนเพิ่มขึ้นมา เพียงแต่ทนายและลูกชายของหมออาจจะไม่รู้ ดังนั้นต้องถาม นพ.สุพัฒน์เอง บางครั้งคนที่ชอบสะสมก็จะซื้อเก็บไปเรื่อย ๆจนบางครั้งก็ลืม ต้องค่อย ๆลำดับเรื่องราว ตรงนี้ตำรวจให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายแน่นอน
พล.ต.ต.พีระชาติ กล่าวต่อไปอีกว่าในการทำคดีนี้แรก ๆ คณะพนักงานสอบสวนมีความกดดันมาก แต่พอมีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยทั้ง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ทั้งตำรวจกองปราบ และมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงเข้ามาร่วมหลายนาย ทุกคนก็อุ่นใจ ทำโดยมีผู้ใหญ่มารับรู้ เพราะถ้าบางคนเขาทำด้วยตัวเองตามลำพังคนก็จะมองว่าจริงไหม โกหกไหม กลั่นแกล้งกันหรือเปล่า และที่สำคัญสื่อมวลชนติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด การกลั่นแกล้งใครยิ่งทำได้ยาก.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น