ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้(29 มี.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีปล้นทรัพย์บ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม หมายเลขดำ อ.347/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนายสุพจน์ ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่น นายเสาร์แก้ว นามวงค์ นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา นายประพันธ์ เรียงเครือ นายชยธัช หรือ เอก จันนะชัย และ น.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ เป็นจำเลยที่ 1 - 9 ตามลำดับ ในความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพฯ ร่วมรับของโจร และร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง
โดยอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 9 ก.พ.55 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 12 ก.พ. - 23 พ.ย. 2554 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ในซอยลาดพร้าว 62 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. แล้วลักเงินสดกว่า18ล้านบาทไป โดยข่มขู่และทำร้ายนางจันทรา สังเกิด และน.ส. สาวิตตรี บุญอุ้ม ลูกจ้างของนายสุพจน์จนปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์ดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. รวมทั้งในพื้นที่จ.กาญจนบุรี และ จ.เชียงราย
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่าจำเลยที่1-3กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษา ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ และใช้ยานพาหนะ อันเป็นบทหนักสุดจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 18 ปี ปรับ 90 บาท จำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 12 ปี ปรับ 60 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้คนละ 9 ปี ปรับ 45 บาท ส่วนจำเลยที่ 4,5 , 6 และ 9 มีความผิดฐานร่วมกันรับของโจร จำคุกคนละ 5 ปี แต่จำเลยที่ 4 และ 6 รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ขณะที่ จำเลยที่ 5 และ 9 ให้การเป็นประโยชน์บ้างลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้คนละ 3 ปี 4 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 8 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการปล้นทรัพย์ จำคุก 12 ปี คำให้การเป็นประโยชน์บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 8 ไว้ 8 ปี ขณะที่จำเลยที่ 7 พยานโจทก์ยังมีข้อพิรุธสงสัย ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ และให้คืนเงินของกลางแก่เจ้าของ
โดยอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 9 ก.พ.55 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 12 ก.พ. - 23 พ.ย. 2554 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ในซอยลาดพร้าว 62 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. แล้วลักเงินสดกว่า18ล้านบาทไป โดยข่มขู่และทำร้ายนางจันทรา สังเกิด และน.ส. สาวิตตรี บุญอุ้ม ลูกจ้างของนายสุพจน์จนปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์ดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. รวมทั้งในพื้นที่จ.กาญจนบุรี และ จ.เชียงราย
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่าจำเลยที่1-3กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษา ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ และใช้ยานพาหนะ อันเป็นบทหนักสุดจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 18 ปี ปรับ 90 บาท จำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 12 ปี ปรับ 60 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้คนละ 9 ปี ปรับ 45 บาท ส่วนจำเลยที่ 4,5 , 6 และ 9 มีความผิดฐานร่วมกันรับของโจร จำคุกคนละ 5 ปี แต่จำเลยที่ 4 และ 6 รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ขณะที่ จำเลยที่ 5 และ 9 ให้การเป็นประโยชน์บ้างลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้คนละ 3 ปี 4 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 8 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการปล้นทรัพย์ จำคุก 12 ปี คำให้การเป็นประโยชน์บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 8 ไว้ 8 ปี ขณะที่จำเลยที่ 7 พยานโจทก์ยังมีข้อพิรุธสงสัย ทั้งจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ และให้คืนเงินของกลางแก่เจ้าของ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น