ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

  • ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

    ซ่อมคอมถึงบ้าน,ซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงบ้าน,ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์ นอกสถานที่,วางระบบอินเตอร์เน็ต,วางระบบแลน,ระบบเน็คเวิร์ค,เขียนโปรแกรมเว็บไซด์,ดูแลคอมพิวเตอร์แบบรายเดือน-รายปี,พร้อมบริการด้านไอทีจ่าย. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • หากคุณกำลังมองหาสถานที่ รับซ่อมคอมถึงที่

    ราคือหน่วยรับซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน บริษัท ห้าง ร้าน สถานสงเคราะห์ โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ เราจะไปบริการซ่อมให้ในราคาสุดประหยัด ถูกกว่ายกไปซ่อมที่ห้างหรือร้านซ่อมแน่นอน เนื่องจากทางร้านของเราไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ จึงสามารถลดต้นทุนในส่วนนี้ได้. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • www.becomz.com ให้บริการถึงที่

    บริการซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ โดยไม่ต้องยก เครื่องคอมให้เหนื่อย หรือ เสียเวลา การทำงานของคุณ เรา คือ ทางออกสำหรับคุณ ที่จะไป บริการถึงบ้าน ที่บ้าน หรือ อ๊อฟฟิต ( office ) และ คอนโด อาพาทเม้น ทุกสถานที่ พร้อม ทั้ง ให้ บริการซ่อมคอมพิวเตอร์ 24 ชั่วโมง สำหรับ ลูกค้าบางท่านที่สะดวก. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • ค่าบริการ

    – ซ่อมโปรแกรม แก้ปัญหาด้านโปรแกรมทั่วไป เครื่องละ 500 บาท – เเละลง Driver 300 บาท รวมกับ ซ่อมปกติเป็น 700 บาท – อะไหล่เสีย จะแจ้งราคาอะไหล่ก่อนซ่อม (ลูกค้าสามารถจัดหาอะไหล่เองได้) เพื่อความมั่นใจ ซ่อมเสร็จเรารับประกันซอฟเเวร์ 7วัน พร้อมให้คำแนะนำ และบริการหลังซ่อม ตลอดการรับประกันน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • รับซ่อมทุกปัญหา โทรมาคุยกันก่อนได้ครับ

    – บริการอัพเกรดเครื่อง แก้ปัญหาเครื่องช้า รวนบ่อย ค้างบ่อย – บริการติดตั้ง แก้ปัญหา ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบแลน-อินเตอร์เน็ต – บริการลงวินโดว์, ลงโปรแกรม, แก้ไวรัส, แก้ปัญหาต่างๆ – บริการฝากซ่อม-เคลม อะไหล่คอมฯ และสินค้าไอที ทุกชนิด – บริการจัดสเป๊คเครื่อง จัดชุดคอมมือ1-2 พร้อมใช้งาน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

อดีตนางแบบดังตกอับ เร่ร่อนข้างถนนไร้ที่ซุกหัวนอน

จากกรณีที่มีผู้พบเห็นอดีตซูเปอร์โมเดลระดับโลก ''ยุ้ย'' รจนา เพชรกัณหา เจ้าของตำแหน่งชนะเลิศจากการประกวดซูเปอร์โมเดล ออฟ ไทยแลนด์ 1994 เมื่อ พ.ศ. 2537 โดยขณะนั้นมีอายุเพียง 18 ปี ล่าสุดพบว่าชีวิตตกอับกลายมาเป็นคนเร่ร่อนไร้บ้าน หนำซ้ำพบว่ามีอาการหลอน ๆ เบลอ ๆ อีกทั้งยังติดสุราอย่างหนัก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ส.ค. พ.ต.ท.จุมพล กาญจนเสถียร สวป.สน.ภาษีเจริญ เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา สายตรวจได้รับแจ้งมีผู้ก่อความเดือดร้อนรำคาญ อยู่บริเวณหน้าร้านกาแฟ ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ปากซอยเพชรเกษม 50 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จากการตรวจสอบพบว่าเป็น ยุ้ย-รจนา เพชรกัณหา อายุ 37 ปี อดีตนางแบบระดับโลกชื่อดัง แต่ไม่พบว่าเจ้าตัวจะก่อกวนหรือก่อความรำคาญต่อประชาชนแต่อย่างใด จึงเรียกตัวมาเพื่อสอบถามและตักเตือนเบื้องต้น ก่อนจะปล่อยตัวไป
ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 30.ส.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนแจ้งเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก ภายในบริเวณปากซอยเพชรเกษม 42  จึงไปตรวจสอบพบนางแบบคนดังอีกครั้ง สภาพการแต่งกายชุดเดิมใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน ส่วมรองเท้าแตะสีเขียว เดินลากถุงขนาดใหญ่ 1 ใบ โดยมักจะดมยาดมอยู่ตลอดเวลา จากนั้นอดีตนางแบบคนดังได้เล่าเรื่องราวหนหลังให้ฟังว่า หลังจากไปเป็นนางแบบอยู่ที่เมืองนอกในอายุเพียง 18 ปี ได้หันไปใช่ยาเสพติดเมื่ออายุ 20 ปี ก่อนจะติดยาอย่างหนักโดยใช้ชีวิตเที่ยวเตร่จนอายุ 24-25 ปี ติดสุราอย่างหนักทำให้เสียงานเสียการ สุดท้ายต้นสังกัดได้ยกเลิกสัญญา เลยเดินทางกลับเมืองไทยเมื่อปี 45  พร้อมกับจบชีวิตนางแบบระดับโลกโดยใช้เวลาเพียง 8 ปี  ต่อมาก็ได้ทำอีกหลายอาชีพทั้ง สาวโรงงาน เดินแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จนกระทั่งไม่มีงานเข้ามา เนื่องจากตนเมื่อครั้งกลับมาไทยยังมีอาการติดสุราอย่างหนัก แต่ได้ทำการบำบัดยาเสพติดควบคู่กันไปซึ่งยังคงมีอาการหลอน ๆ อยู่ตลอดเวลา
 
อดีตนางแบบคนดังเล่าต่ออีกว่า หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทยได้กลับไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ จ.อุบลราชธานี โดยพักอาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง จากนั้นจึงมีปากเสียงทะเลาะกัน ตนเลยหนีออกจากบ้านเข้าในกรุงเทพโดยไปพักอยู่กับพี่ชาย จากนั้นเดินเร่ร่อนอยู่บนถนนเพชรเกษม และได้โทรเรียกรถแท็กซี่ที่รู้จักกันให้มารับ เพื่อไปส่งที่ถนนเพชรเกษม โดยมีเพียงถุงหูหิ้วขนาดใหญ่ ภายในมีเสื้อผ้าเก่า มีเศษอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
 
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ จึงได้ติดต่อไปตามเบอร์โทรศัพท์ ในมือถือของยุ้ยจนพบเบอร์ของพ่อ ก่อนจะพูดคุยได้ใจความกันว่า หลังจากที่ลูกสาวได้หนีออกจากบ้านไป ตอนนี้ทางบ้านไม่รู้จะทำอย่างไร ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการได้เลย เพราะทางบ้านไม่สามารถที่จะดูแลเลี้ยงดูได้แล้ว  โดยบอกเพียงว่านางแบบคนดังเคยมีประวัติเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา 
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา พบว่า อดีตนางแบบชื่อดังได้เข้ามาทำการรักษาจริงเมื่อช่วงสายของวันที่  30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยในตอนนี้รักษาอยู่ที่อาคารพวกชมพู มีแพทย์และพยาบาลดูแลกันอย่างใกล้ชิด โดยไม่อนุญาตให้เข้าพบเยี่ยมโดยคนไข้พูดเพียงว่าให้ เพียงคนชื่อโจ อดีตเพื่อนเก่าเข้าพบเท่านั้น  แต่ตั้งแต่คนไข้เข้ามาทำการรักษา ยังไม่มีทางญาติหรือเพื่อน เข้ามาติดต่อทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด
 
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 30 ภายในซอยอ่อนนุช 74 แขวงและเขตประเวศ ซึ่งเป็นบ้านที่ยุ้ย-รจนาได้ซื้อไว้ให้มารดาอยู่ โดยจากการสอบถามน.ส.วิภาพร สุราฤทธิ์ อายุ 36 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า แม่ของนางแบบสาวได้ขายบ้านหลังดังกล่าวไปหลายปีแล้ว แต่เมื่อ 6 เดือนก่อนยุ้ยได้แวะเวียนมาหาตนที่บ้าน โดยบอกว่าได้หนีออกจากบ้านที่จังหวัดอุบลราชธานีมา ตนรู้สึกสงสารจึงได้ให้อยู่อาศัยด้วยเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนที่จะหนีออกไป แต่ระหว่างที่มาอาศัยกับตนไม่มีคนในครอบครัวติดต่อมาเลย
 
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า นางแบบสาวมีอาการทางจิตหรือไม่ น.ส.วิภาพร กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่ายุ้ยเคยเข้ารับการรักษาที่รพ.สมเด็จเจ้าพระยา อย่างไรก็ตามโดยปกติหากยุ้ยได้ทานยาเข้าไปจะไม่มีอาการให้เห็น แต่บ้างครั้งอย่างตอนที่มาอยู่กับตนมีอารมณ์รุนแรง ตาแข็ง พูดน้ำเสียงดุดัน อาละวาดทำลายข้าวของเศษกระจกเต็มบ้าน หรือแม้กระทั่งในเวลากลางคืนจะไม่ยอมนอน บางครั้งทำให้คนในละแวกนี้หวาดกลัวก็มี แต่ถ้าในเวลาปกติเป็นคนดีมาก คอยช่วยเหลือคนอื่น
 
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 28/204 หมู่บ้านปรีชา10 ซ.รามคำแหง 188 ซึ่งเป็นบ้านของนางสุดใจ เพชรกัณหา ป้าของนางแบบสาวได้รับการเปิดเผยว่า ไม่ได้ติดต่อหรือได้ข่าวคราวกับยุ้ยมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว  แต่เมื่อช่วงบ่ายวันนี้พ่อของยุ้ยได้โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า ตำรวจโทรศัพท์มาบอกว่าเจอยุ้ยอยู่แถวเพชรเกษมมีอาการหลงลืม เลยบอกไปว่าให้พาไปรักษารพ.สมเด็จเจ้าพระยา
          
Share:

ป่วน!ลอบยิงการ์ดม็อบสวนยางตาย1โคม่า1

เมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 1 ก.ย. พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผาชู ผกก.สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งว่ามีคนร้ายลอบยิงเข้าใส่กลุ่มชุมนุมชาวสาวนยางและปาล์มที่รวมตัวอยู่บริเวณแยกควนเงิน-บ่อล้อ ต.บ้านตูล อ.ชะอวด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบไปตรวจสอบ แต่เมื่อใกล้จุดเกิดเหตุกลับถูกกลุ่มการ์ดและผู้ชุมนุมขัดขวางไม่ให้เข้าพื้นที่ เพราะยังอยู่ในอาการโกรธแค้นและบางส่วนยังพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วย จึงรีบประสานนายอำเภอชะอวดให้ช่วยเจรจา
โดยทราบว่าผู้บาดเจ็บมี 2 ราย มีผู้นำส่ง รพ.ชะอวด ก่อนส่งต่อไปยัง รพ.มหาราช จากการตรวจสอบทราบชื่อนายศิริชัย บุญวงศ์ อายุ 29 ปี มีแผลถูกยิงเข้าที่ศรีษะและหน้าอกอย่างละนัดอาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา อีกรายชื่อนายสิทธิศักดิ์ ใจงาม อายุ 28 ปี มีแผลถูกยิงที่ลำคอทะลุปากและหน้าอก ได้รับบาดเจ็บสาหัสอาการเป็นตายเท่ากัน
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายและผู้บาดเจ็บทำหน้าเป็นการ์ดดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่เข้าเวรดูแลความเรียบร้อยบริเวณจุดตัดทางรถไฟ ปรากฎมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนซึ่งแอบซุ่มอยู่ในพงหญ้าข้างทางสาดกระสุนใส่ 5 นัด คมกระสุนเจาะร่างทั้งคู่จนล้มลง ก่อนมือปืนจะอาศัยความมืดหลบหนีไปได้ เบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นฝีมือผู้ต้องการสร้างความวุ่นวายหรือผู้ที่ไม่พอใจกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาเบาะแสเพื่อติดตามจับกุมมือปืนรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วต่อไป.
Share:

สืบบางเขนฟิตตามรวบยกแก๊งทวงหนี้โหด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ก.ย. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ฐิติราช  หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.สมศักดิ์ โปสัยะคุปต์ รอง ผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย สว.สส.สน.บางเขน พ.ต.ต.พงศ์สุรวัฒน์ วงษ์สารัมย์ สว.สส.สน.บางเขน และชุดสืบสวนร่วมแถลงข่าวจับนายกรีน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1510/2556 ลงวันที่ 31 ส.ค.2556 นายอนันต์ บุญหล้า หรือมิตร อายุ 21 ปี นายปภพ กล่ำผ่องศรี หรือโกโก้ อายุ 21 ปี
นายธนพล มาทา หรือโก้ อายุ 21 ปี นายมาโนชญ์ เจิมขุนทด หรือม้ง อายุ 20 ปี นายศรันย์ สนใจ หรืออั้น อายุ 25 ปี นายกว้าง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นายสมปอง จันทร์มา หรืออาท อายุ 22 ปี นายวีรยุทธ์ โพธิ์สังข์ หรือเฟก อายุ 25ปี และนายสมยศ ชมหมี หรือมอส อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาแก๊งทวงหนี้โหด พร้อมของกลางรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ทะเบียน ผบ 1515 นครราชสีมา จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค ทะเบียน สพจ 636 กรุงเทพมหานคร ท่อนไม้และขวดโซดา

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงดึกวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหาที่นำโดยนายกรีน หัวหน้าแก๊ง ได้ร่วมกันเข้าไปทำร้ายร่างกายและข้าวของอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายภายในบ้านของนางปารีฉัตร สายเกิด อายุ 50 ปี แม่ค้าขนมหวาน ซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบของนายกรีน ส่งผลให้นายฉัตรชัย คารีวงศ์ และนายสมชาย เกิดสาย ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไป จนนางปารีฉัตร จนผู้บริหารของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องออกมาให้การช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจรีบหาเบาะแสจนทราบว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ต้องหา จึงพยายามกดดันจนกลุ่มผู้ต้องหายอมออกมามอบตัวในที่สุด

ด้านนายกรีน รับสารภาพว่า เป็นเจ้าของเงินทุนที่นำมาปล่อยกู้ เพราะเคยรับจ้างทวงหนี้เงินกู้นอกระบบมาแล้วตอนอยู่ที่ จ.ระยอง โดยพยายามจดจำวิธีการทำมาจากลูกพี่เก่า จากนั้นเมื่อเก็บเงินได้ประมาณ 80,000 บาท จึงแยกตัวมาปล่อยเงินกู้เอง คิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ซึ่งที่ผ่านมาเพิ่งปล่อยไปได้ประมาณ 4 เดือน แต่กลับถูกลูกหนี้เบี้ยวจ่ายดอก จึงเกิดความโมโห ก่อนเกิดเหตุตั้งวงกินเหล้ากับกลุ่มเพื่อน เมื่อเมาได้ที่จึงโทรศัพท์ไปทวงหนี้กับผู้เสียหาย เมื่อถูกปฏิเสธจึงพาพรรคพวกไปก่อเหตุดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า ตามแนวทางการสืบสวนในเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ เคยเป็นอดีตลูกน้องของนายโรจน์ นายทุนแก๊งเงินกู้รายใหญ่ย่านเมืองนนทบุรี แต่ได้แยกตัวออกมาทำเอง ซึ่งขณะนี้ทราบว่ายังมีผู้ต้องหาหลบหนีอยู่อีกประมาณ 5 คน คงต้องมีการขยายผลออกหมายจับเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายสมชาย เกิดสาย ซึ่งถูกกลุ่มผู้ต้องหาทำร้ายที่แขนซ้าย ได้เกิดความโมโห และเดินเข้ามาชี้ตัวคนที่ทำร้ายตนเอง จากนั้นได้ใช้หลังมือขวาตบเข้าที่หลังศีรษะไป 1 ครั้ง จนเจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวออกไปจากการแถลงข่าวทันที
ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการ ปปส. เดินทางมาร่วมแถลงข่าวพร้อมกับนำอุกรณ์การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาด้วย จากนั้นได้มีการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ต้องหา พร้อมแสดงความห่วงใย เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายกรีน ประกอบด้วย ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนผู้ต้องหารายอื่นถูกแจ้งข้อหาร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ คุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.
Share:

"ปวีณา"สั่งติดกล้องวงจรปิดบ้านเด็กทั่วไทยป้องกันหื่นกามเด็ก

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ก.ย.นางปวีณา หงสกุล รมว.ทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) พร้อมนายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เดินทางไปที่รพ.ตำรวจ อาคารเฉลิมพระเกียรติราชินีเพื่อเยี่ยมอาการเด็กหญิงบี (นามสมมุติ) วัย 4 ขวบ ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายข่มขืน กระทำชำเราภายในบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชลบุรี
นางปวีณา กล่าวว่า ในวันนี้สภาพจิตใจของน้องบีดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งทางแพทย์ผู้รักษาแจ้งว่าอาการของเด็กดีขึ้นตามลำดับ และดูสดชื่น อาการไอและเป็นหวัดรวมถึงมีไข้สูงได้ลดลง สภาพจิตใจดีขึ้นอาจจะเป็นเพราะได้กลับมาอยู่กับแม่ อย่างไรก็ตามทางพ.ต.อ.ณรัชต์ ได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับทางนางหน่อย มารดา เด็กหญิงบี  30,000 บาท รวมทั้งกระเช้าของขวัญด้วย ทั้งนี้รู้สึกสะเทือนใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิดหัวหน้าบ้านพักฯและรวมถึงผู้เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป โดยหลังเกิดเหตุนายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พส.) ได้ลงนามในคำสั่งย้ายนางสุดา สุหลง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชลบุรีเข้ามาประจำส่วนกลางแล้ว
คาดว่าจะใช้เวลาในการสอบข้อเท็จจริงประมาณ 1 สัปดาห์ และในวันที่ 2 ก.ย.จะเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการ พม.ทั้งหมด มาร่วมหารือถึงระบบการทำงานของบ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 77 จังหวัด และสถานสงเคราะห์สังกัดพม.ทุกแห่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดยเฉพาะกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ชายว่าสมควรที่จะดูแลหรือไม่  ซึ่งแนวทางเบื้องต้นมอบหมายให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) เข้ามาควบคุมการทำงานบ้านพักเด็กฯ ทั้งหมด และจะให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด
อีกทั้งวันที่ 2 ก.ย. นี้ ทางตำรวจจะนำผลการสอบสวนมาสรุปในที่ประชุมว่ามีใครเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้จากหลักฐานที่มีพบว่ามีเพียงนายน้อย คำศรี อายุ 57 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ยศ ส.ต.ท.เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ได้ควบคุมตัวนายน้อยไปฝากขังไว้ที่ศาลจังหวัดพัทยาและคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่ร้ายแรง อย่างไรก็ตามหากพบผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินการเด็ดขาด 
พ.ต.อ.นพ.พงศธร สุโฆสิต นพ.สบ.5 หัวหน้ากลุ่มงานผู้ป่วยนอก กล่าวว่า ตอนแรกเด็กมาด้วยอาการมีไข้ ศีรษะฟกซ้ำ มีอาการบวม ได้รักษาตามขั้นตอนโดยการให้ยาฆ่าเชื้อ เด็กก็มีอาการดีขึ้น ขณะเดียวกันอาการหวาดกลัวผู้คนก็ลดลงจากเดิม อย่างไรก็ตามจะประสานนักจิตวิทยาเพื่อมาประเมินสภาพอาการของเด็กเป็นระยะๆ คาดว่าไม่เกิน 3 วันสามารถกลับบ้านได้
ผู้สื่อข่าวสอบถามถามว่ามีร่องรอยการข่มขืนหรือไม่ นพ.สบ.5 กล่าวสั้นๆว่า ไม่สามารถตอบได้ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็เป็นไปตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้
 
Share:

Disqus Shortname

Comments system

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 095-954-4524

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Post Top Ad

คลังบทความของบล็อก

Author Details

Menu - Pages

Business

Random Posts

Recent

Popular

Blog Archive