ไม้หน้าสามทุบโหดเสี่ยร้านขายที่นอน

 

 

  ร.คาดปมฆ่าชิงทรัพย์ น่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี เร่งไล่ล่าหาฆาตกรแล้ว

วันนี้ (1 พ.ย.) พ.ต.ท.สมปอง เกลียวสัมพันธ์ใจ สวส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งศพคนถูกฆ่าตายที่โกดังเก็บของ เลขที่ 494 ซอยสมาคมจีน  ถนนพระพันวษา ต.ท่าพี่เลี้ยง  เขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เกียงไกร วุฒิพานิช ผกก.พ.ต.ท.สุมนตรี กรรณเลขา รอง ผกก.สส.พ.ต.ต.ศาสตรา คงนาม พ.ต.ต.สรายุทธ ภาตะนันต์ สว.สส.เจ้าหน้าที่ พฐ.ภจ.สุพรรณบุรี กำลังฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช และมูลนิธิเสมอกัน ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพานิชย์ 3 ชั้นครึ่งทำเป็นโกดังเก็บของประเภทเครื่องนอนยี่ห้อต่างๆ ที่ประตูหน้าบ้านชั้นล่างพบศพนายจำรัส สองสุวรรณ อายุ 79 ปีเจ้าของเสียชีวิตนอนตะแคงจมกองเลือดอยู่ซอกที่นอน ที่กลางศีรษะมีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็ง กะโหลกแตก หน้าผากเหนือคิ้วซ้าย มีรอยแตก คาดเสียชีวิต มาแล้วกว่า 4 ชม.ในกระป๋าเสื้อผู้ตายพบเงินสด 100 บาทเครื่องคิดเลข และปากกา 2 ด้ามในที่เกิดเหตุยังพบไม้เหลี่ยมกว้างประมาณ 2 นิ้วยาวประมาณ 50 ซม.ตกอยู่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนางลัดดา  วัฒนวิมาลากูล อายุ 75 ปีภรรยานายจำรัส ให้การว่าตนและสามี ประกอบธุรกิจขายเครื่องนอน ส่วนโกดังแห่งนี้ทำเป็นที่เก็บของ และสามี ก็จะมานอนเฝ้าที่นี่โดยหลังเลิกร้านประมาณ 5 ทุ่ม-เที่ยงคืน เขาจะขี่ จยย.กลับมานอนเฝ้าทุกคืนส่วนตนก็จะนอนเฝ้าอยู่ที่ร้าน เราเคยปรึกษากันว่าอีกไม่นานก็จะเลิกขายแล้วเพราะแก่มากแล้วไม่มีใครช่วย กระทั่งก่อนเกิดเหตุประมาณ 5 ทุ่มกว่าสามีก็ ขี่จยย.กลับมานอนตามปกติจนเที่ยงคืนกว่าตนได้โทรศัพท์มาถามด้วยความเป็นห่วงว่าถึงบ้านหรือยังแต่ไม่สามีไม่รับสาย หลังจากทิ้งระยะห่างประมาณ 1 ชม.ตนจึงโทรหาอีกคราวนี้มีคนรับสายแต่กลับไม่ใช่เสียงสามีตนจึงถามว่าใช่เบอร์โทรของสามีหรือเปล่าแต่ปลายสายไม่ตอบ กระทั่งใกล้สว่างตนจึงโทรหาอีกคราวนี้ปลายสายมีคนรับตนจึงถามอีกว่าใช่เบอร์โทร ของนายจำรัส หรือเปล่าแต่ปลายกลับทำเสียงไม่พอใจและบอกว่าเดี๋ยวก็รู้เองแหละตนจึงบอกว่าขอโทษถ้าโทรผิดเบอร์ กระทั่งสายตนจึงมาดูพบสามีถูกฆ่าเสียชีวิตแล้วจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ  ส่วนสาเหตุนั้นตนไม่ทราบเพราะสามีไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร

ด้าน พ.ต.ท.สุมนตรี กล่าวว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใครส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เนื่องจากสอบถามภรรยาผู้ตายทราบว่าเงินสดในตัวผู้ตายซึ่งมีอยู่ประมาณ 3,000-4,000 บาทได้หายไปส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้นยังไม่ทราบจำนวน น่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนออกหาเบาะแสของคนร้ายเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายและจะได้สอบสวนสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

Read More

น้องอาจารย์หนู กันภัย โร่แจ้งจับพระเทียนชัย

 

 

เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ เชียงใหม่ หลังหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงผ่านเว็บไซต์ ยันพระได้รับเงินไปแล้ว 1 ล้านบาท มีภาพถ่ายเป็นหลักฐาน

วันนี้ (1 พ.ย.) นายสมฤกษ์ กันภัย หรืออาจารย์นิด น้องชายอาจารย์หนูกันภัย อายุ 47 ปี พร้อมด้วย นายธนาพนธ์ ชูชยานนท์ ทนายความ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.โอสถ ผ่าโผน พงส. (สบ1) สน.โคกคราม  เพื่อดำเนินคดีกับ พระใบฏีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวันแม่ตะไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาหมิ่นประมาททำให้ได้รับความเสียหาย ทำให้ดูหมิ่นเกลียดชัง โดยทนายความของ อ.นิด นำเอกสารซึ่งเป็นหลังฐานที่พระใบฏีกาเทียนชัย ได้เขียนข้อความหมิ่นประมาท อ.นิด ในหน้ากระดานเว็บพลังจิต.คอม(http://board.palungjot.com) เมื่อเวลา16.03น. วันที่28 ก.ค ที่ผ่านมท

ด้าน นายสมฤกษ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนได้เข้ามาพร้อมทนายเพื่อแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาท และความผิดเกี่ยวกับ พรบ.คอมพิวเตอร์ปี2550 และได้นำหลักฐานเข้ามาชี้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ และตนจะดำเนินคดีต่อพระใบฏีกาเทียนชัย ให้ถึงที่สุด เนื่องจากทำให้ชื่อเสียงของสำนักสักได้รับความเสียหายอย่างมาก จึงได้รีบเข้าแจ้งความเพื่อปกป้องสำนักของตนและอาจารย์หนู

นอกจากนี้นายสมฤกษ์ ยังได้นำหลักฐานมาชี้แจ้งในเรื่องของการจัดสร้างหลวงปู่ทวด โดยตนได้นำหลักฐานการจ่ายเงินจากโรงหล่อพระ เป็นจำนวนเงิน 18.5 ล้านบาท ซึ่งอาจารย์หนูเป็นผู้จัดการทั้งหมด ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่ได้บริจาคให้วัดนั้น ทุกครั้งจะมีใบอนุโมธนาบัตรจากวัดแม่คะไคร้ทุกครั้ง เป็นจำนวนเงินทั้งหมดประมาณ 70 ล้านบาท ในส่วนของเรื่องที่อาจารย์หนูถูกหมิ่นประมาณจากพระใบฏีกาเทียนชัย ทางอาจารย์หนู ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่แล้ว เมื่อวันที่19 ต.ค ที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่พระเทียนชัยอ้างว่าไม่เคยได้รับเงินบริจาคของสำนักสักยันต์ตนมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย ว่าพระเทียนชัยได้เคยมารับเงินบริจาคจำนวน 1 ล้านบาทที่สำนักสักยันต์จริง เพื่อซื้อที่ดินถวายวัด

ด้าน ร.ต.อ.โอสถ กล่าวว่า เบื้องต้นจะทำการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆเพื่อดูข้อเท็จจริงว่าเป็นการหมิ่นประมาทตามข้อกล่าวหาหรือไม่ พร้อมทั้งจะการเรียกอ.หนู กันภัย มาสอบปากคำเพิ่มเติมในกรณีเงินบริจาค ว่ามีการบริจาคจริงหรือไม่ มีข้อตกลงอย่างไร และมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมจะประสานไปทางกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อขอข้อมูลในเรื่องดังกล่าวมาประกอบในการพิจารณา ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

Read More

ร้องกองปราบเอาผิดบริษัทขายไก่ติดเชื้อ ทำเจ๊งกว่าล้าน

เร่งนำซากไก่ส่งคณะสัตวแพทย์ ม.เกษตรฯ ผ่าพิสูจน์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าไก่ติดเชื้อมาก่อนหรือหลังจากที่บริษัทนำไก่มาส่ง

วันนี้ ( 1 พ.ย.)  ที่ กองปราบปราม  นางนาตยา พึ่งเดชะ อายุ 55 ปี เจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่ อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ที่ 13 ต.ป่าซะ อ.บ้านนา จ.นครนายก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สิงห์ สิงห์เดช พนักงานสอบสวน( สบ 3) กก 2 บก.ป. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ไก่ในฟาร์มของตนได้ตายลงจำนวนมาก พร้อมกับนำหลักฐานซีดี และเทปคำให้สัมภาษณ์ของสัตวแพทย์ ต.ยางโขน อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ใบเคลื่อนย้ายสัตว์ เอกสารสัญญาที่ทำกับบริษัทคู่กรณี อีกจำนวนหนึ่งมามอบให้เป็นหลักฐาน
นางนาตยา กล่าวว่า ยึดอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ มาตั้งแต่ปี 2544 เรื่อยมาจนกระทั่งปี 2553  ได้มีตัวแทนบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์และอาหารสัตว์รายใหญ่แห่งหนึ่งมาติดต่อให้ร่วมลงทุนด้วยการให้ซื้อไก่ของบริษัท ในราคาตัวละ 130 บาท จึงตกลงซื้อไว้จำนวน 16,900 ตัว  ราคา 2.8  ล้านบาท  ซึ่งเมื่อครบ 14 สัปดาห์ ทาง บริษัทก็มารับซื้อกลับไปขายให้โรงเชือด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อวันที่ 6 -8 ส.ค.ที่ผ่านมา ตัวแทนบริษัทได้นำไก่รุ่นรุ่นใหม่มาส่งให้  มีใบตรวจโรคของกรมปศุสัตว์หนองม่วง ระบุว่า ไก่อยู่ในสภาพปกติไม่มีติดเชื้อ แต่ปรากฏว่า พอตกกลางคืนไก่ได้ตายไป 4 ตัว โดยไม่ทราบสาเหตุ
นางนาตยา กล่าวต่อว่า จากนั้นลูกสาวที่เพิ่งจบสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำซากไก่ทั้ง 4 ตัวมาผ่าพิสูจน์หาสาเหตุ พบว่าที่กระเพาะไก่มีจุดดำ เป็นลักษณะของโรคนิวคาสเซิล ซึ่งโรคนี้จะไปทำลายรังไข่ทำให้ไก่ไม่สามารถออกไข่ได้ ส่วนอีก 3 ตัวไม่สามารถระบุเชื้อโรคได้ จึงแจ้งกับสัตวแพทย์ของตัวแทนบริษัทว่า จะขอส่งไก่ทั้งหมดคืน เนื่องจากไก่ติดเชื้อ แต่ทางสัตว์แพทย์ของบริษัทบอกว่าไม่เป็นไร จะนำยารักษาโรคมาให้ในภายหลัง แต่เวลาผ่านไปจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครเอายามาให้แต่อย่างใด  ปล่อยให้ทางฟาร์มรักษากันเอง จนถึงวันนี้ไก่ได้ล้มตายไปประมาณพันกว่าตัวแล้ว บางส่วนก็พิการไม่สามารถออกไข่ได้
"ตอนนี้ฉันต้องเป็นหนี้กับทางบริษัทประมาณ 2 ล้านกว่าบาทและยังเป็นหนี้ธนาคารอีก 4 ล้านบาทเพราะต่อเติมขยายฟาร์มไก่  นอกจากนี้ทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก ที่ถูกบริษัทรายนี้นำไก่ติดโรคมาให้เลี้ยง" นางนาตยา กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.สิงห์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้และจะได้สอบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งจะเดินทางไปนำซากไก่จากฟาร์มของ นางนาตยามาให้คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่าพิสูจน์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าไก่ติดเชื้อมาก่อนหรือหลังที่บริษัทนำไก่มาให้ฟาร์มเลี้ยง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

Read More

สืบมีนบุรีรวบขี้ยาเพิ่งพ้นคุกฉกมิเตอร์น้ำ

สืบฯ สน.มีนบุรี รวบตัวหนุ่มขี้ยาเพิ่งพ้นคุก ร่อน จยย.ขโมยมิเตอร์น้ำประปาตามบ้าน

วันนี้ (1 พ.ย.) ที่ สน.มีนบุรี พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.มีนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี ได่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายสิริภัทธ หรือวาน บุตรน้ำเพชร์ อายุ 28 ปี  ผู้ต้องหาตระเวนขโมยมิเตอร์น้ำประปาทองเหลือง ตามบ้านเรือนประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นหัวมิเตอร์น้ำประปาทองเหลือง แบบพร้อมใช้งาน จำนวน 2 ตัว กรวยท้ายมิเตอร์น้ำ แบบทองเหลือง จำนวน 70 ชิ้น ฝาครอบมิเตอร์ แบบทองเหลือง จำนวน  68 ชิ้น มาตรวัดน้ำ 48 ชิ้น และข้อต่อท่อประปาเหล็ก จำนวน 92 ชิ้น รวมทั้งหมด 280 ชิ้น สามารถจับกุมได้ที่ บริเวณเพิงพักไม้ไผ่ ไม่มีเลขที่ บริเวณใกล้เคลียง ด่านทับช้าง ถ.วงแหวนกาจณาภิเษก(มอเตอร์เวย์) แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม.การจับกุมครั้งนี้่สืบเนื่องจากมีคนร้ายก่อเหตุลักมิเตอร์น้ำตามบ้านพัก อพาร์ทเมนท์ แมนชั่น ในย่านมีนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมข้อมูลหาคนร้ายจากกล้องวงจรปิด สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาและพาไปตรวจยึดของกลางทั้งหมดที่เพิงพักดังกล่าว

 พ.ต.อ.วัฒนา ได้เผยว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้ เคยถูกต้องโทษคดียาเสพติดในพื้นที่ สน.บางชันเมื่อปี2553 พอหลังพ้นโทษออกมา จึงได้มาตระเวนขโมยมิเตอร์น้ำประปาตามหมู่บ้านจัดสรรใน บก.น.3 โดยจะเลือกบ้านหลังที่ไม่มีคนพักอาศัยในเวลากลางวัน หลังจากก่อเหตุได้นำมิเตอร์น้ำพร้อมอุปกรณ์ที่ลักขโมยไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่าในราคา 200 บาท หลังจากนั้นนำเงินที่ได้มา ไปซื้อยาบ้ามาเสพ และเที่ยวไตร่เตร่ ซึ่งแนวทางการสอบสวนได้หลักฐานมาจากกล้องวงจรปิด จากบ้านใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ พบว่าผู้ต้องหามีลักษณะและพฤติกรรมเดียวกัน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อเตรียมการเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหา จนกระทั้งสามารถแกะรอยคนร้ายดังกล่าวได้ ซึ่งก็ขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่ามองลักษณะการก่อเหตุนี้เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ ควรที่จะมีการป้องกันการถูกขโมยมิเตอร์น้ำอย่างเช่น การโบกปูนทับไว้ที่ตัวมิเตอร์น้ำ หรือติดตั้งไฟส่องแสงสว่างเพิ่มในจุดที่ติดตั้งมิเตอร์น้ำ ก็จะสามารถป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่ง สำหรับผู้เสียหายที่เคยที่ถูกลักทรัพย์มิเตอร์น้ำ ในย่านมีนบุรี สะพานสูง คลองสามวา สามารถเข้ามาติดต่อดูแลว่าเป็นมิเตอร์น้ำของที่สูญหายไปหรือไม่ พร้อมกับนำเอกสารติดต่อขอรับมิเตอร์น้ำคืนได้ที่ ห้องฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี  ในวันและเวลาราชการ.

Read More