ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

  • ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

    ซ่อมคอมถึงบ้าน,ซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงบ้าน,ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์ นอกสถานที่,วางระบบอินเตอร์เน็ต,วางระบบแลน,ระบบเน็คเวิร์ค,เขียนโปรแกรมเว็บไซด์,ดูแลคอมพิวเตอร์แบบรายเดือน-รายปี,พร้อมบริการด้านไอทีจ่าย. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • หากคุณกำลังมองหาสถานที่ รับซ่อมคอมถึงที่

    ราคือหน่วยรับซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน บริษัท ห้าง ร้าน สถานสงเคราะห์ โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ เราจะไปบริการซ่อมให้ในราคาสุดประหยัด ถูกกว่ายกไปซ่อมที่ห้างหรือร้านซ่อมแน่นอน เนื่องจากทางร้านของเราไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ จึงสามารถลดต้นทุนในส่วนนี้ได้. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • www.becomz.com ให้บริการถึงที่

    บริการซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ โดยไม่ต้องยก เครื่องคอมให้เหนื่อย หรือ เสียเวลา การทำงานของคุณ เรา คือ ทางออกสำหรับคุณ ที่จะไป บริการถึงบ้าน ที่บ้าน หรือ อ๊อฟฟิต ( office ) และ คอนโด อาพาทเม้น ทุกสถานที่ พร้อม ทั้ง ให้ บริการซ่อมคอมพิวเตอร์ 24 ชั่วโมง สำหรับ ลูกค้าบางท่านที่สะดวก. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • ค่าบริการ

    – ซ่อมโปรแกรม แก้ปัญหาด้านโปรแกรมทั่วไป เครื่องละ 500 บาท – เเละลง Driver 300 บาท รวมกับ ซ่อมปกติเป็น 700 บาท – อะไหล่เสีย จะแจ้งราคาอะไหล่ก่อนซ่อม (ลูกค้าสามารถจัดหาอะไหล่เองได้) เพื่อความมั่นใจ ซ่อมเสร็จเรารับประกันซอฟเเวร์ 7วัน พร้อมให้คำแนะนำ และบริการหลังซ่อม ตลอดการรับประกันน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • รับซ่อมทุกปัญหา โทรมาคุยกันก่อนได้ครับ

    – บริการอัพเกรดเครื่อง แก้ปัญหาเครื่องช้า รวนบ่อย ค้างบ่อย – บริการติดตั้ง แก้ปัญหา ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบแลน-อินเตอร์เน็ต – บริการลงวินโดว์, ลงโปรแกรม, แก้ไวรัส, แก้ปัญหาต่างๆ – บริการฝากซ่อม-เคลม อะไหล่คอมฯ และสินค้าไอที ทุกชนิด – บริการจัดสเป๊คเครื่อง จัดชุดคอมมือ1-2 พร้อมใช้งาน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

''เวียร์'' ปัดภาพควงสาวเที่ยวผับขอนแก่น


เป็นเพราะรูปร่างดีล่ำกล้ามใหญ่ผิดจากแต่ก่อนอย่างเห็นได้   ชัด เลยทำให้ตอนนี้พระเอกหนุ่ม เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารส กลายเป็นที่ปรึกษาให้กับน้อง ๆ ในวงการไปซะแล้ว วันก่อนเจอเวียร์ที่งาน “สูท ซีเล็ค” ที่เมกะ บางนา เจ้าตัวยอมรับว่ามีน้อง ๆ มาปรึกษาเรื่องนี้เยอะจริง ส่วนเรื่องงานกำลังเร่งถ่ายทำละคร “นักสู้มหากาฬ” อยู่ สำหรับเรื่องหัวใจยังไม่มีใคร ล่าสุดที่มีภาพหลุดกับสาว ๆ ในผับดัง จ.ขอนแก่น เป็นแค่ก๊วนเพื่อน ๆ เท่านั้น

เวียร์ กล่าวว่า “ตอนนี้กำลังถ่ายทำ “นักสู้มหากาฬ” อยู่ เพิ่งจะเริ่มเร่งถ่ายกันอยู่ ต้นปีหน้าน่าจะได้ชม ฉากบู๊ก็มีเข้าบ้างแล้ว เพราะเป็นละครบู๊ทุกวันจะต้องมีฉากบู๊วันละ 4-5 ฉาก มันก็เหนื่อย แต่คนดูชอบก็น่าจะดี” เหมือนตอนนี้ใครอยากจะรูปร่างดีกล้ามใหญ่ต้องปรึกษาเวียร์? “อาจเป็นเพราะเขาเคยเห็นเราตัวเล็ก พอมาเห็นการเปลี่ยนแปลงเราดูตัวใหญ่ขึ้นใส่เสื้อผ้าโอเคขึ้น เขาอาจจะอยากรู้ว่าเราทำยังไง เราก็จะแนะนำให้ไปฟิตเนส”

เห็นภาพลงนิตยสารเล่มหนึ่งเวียร์ไปจีบสาวใน ยู บาร์ ผับดังที่ขอนแก่น? “อ๋อ! ไม่มีอะไรหรอกครับ น่าจะเป็นภาพทั่ว ๆ ไป เวลาเราไปพบปะผู้คนก็มีคนมา    ถ่ายรูป” สาวคนนั้นคือใครเป็นเพื่อนหรือเปล่า? “จริง ๆ แล้วเวลาถ่ายรูปกับใคร แทบจะไม่รู้ว่าถ่ายกับใครบ้างวัน ๆ หนึ่ง ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่” ไม่รู้จักผู้หญิงที่นั่นเลยเหรอ? “ที่นั่นผมรู้จักคนเยอะ มีเพื่อนมีน้องเยอะแยะ อาจจะเป็นใครสักคนที่เรารู้จัก ถ่ายติดมาด้วย ก็ไม่น่าจะมีอะไร” เห็นบอกว่าหลังจากเที่ยวก็มีไปต่อกันด้วย?    “คงไปกับเพื่อน ๆ หาอะไรร้อน ๆ ทานมากกว่า สาว ๆ ก็มี แต่เป็นเพื่อน ๆ น้อง ๆ ครับ” มีเดินหน้าจีบใครบ้างมั้ย? “ไม่ครับ เพราะแค่ละคร 2 เรื่องก็ยุ่งพอสมควร และมารับงานอีเวนต์บ้าง 1 อาทิตย์ก็เต็มแล้วครับ”.
Share:

''จุ๋ย'' โต้หึง ''พอร์ช-มิน'' ตามไปกองแค่เยี่ยม 'ธง'


เพราะโสดเลยมักมีข่าวกับหนุ่ม ๆสำหรับนางเอกสาว จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา แต่หนุ่มที่ว่ากลับเป็นรุ่นน้องทั้งนั้นเลย ล่าสุดมีข่าวเมาท์สาวจุ๋ยแอบหึงหนุ่ม พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์ ที่ไปมีข่าวจีบสาว มิน-พีชญา วัฒนามนตรี ถึงกับตามไปเฝ้าที่กองละคร ร้อนถึงสาวจุ๋ยได้ยินข่าวนี้เลยเคลียร์ด้วยว่าไปกอง “หยกเลือดมังกร” เพื่อเยี่ยมผู้กำกับที่นับถืออย่าง ธงชัย ประสงค์สันติ ต่างหาก

จุ๋ย เผยว่า “ไม่จริงเลย ปกติจุ๋ยกับ     พี่ธงสนิทกันอยู่แล้ว เมื่อก่อนตอนที่พี่ธงยัง  อยู่ที่เวิร์คพ้อยท์จุ๋ยก็จะแวะไปหาที่ออฟฟิศประจำ แต่พอย้ายออฟฟิศก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน พอดีว่าโลเกชั่นที่ถ่ายเรื่อง “หยกเลือดมังกร” จุ๋ยพอจะไปได้ อีกอย่างไปหาพี่ธงที่กองแค่ครั้งเดียวและชั่วโมงเดียว ไปถึงก็คุยกับพี่ธงคุยกับทีมงานมากกว่า ได้เจอพอร์ชบ้าง แต่เขาทำงานไม่ได้ยุ่งอะไร อย่างพอร์ชนี่ไม่ต้องไปหาหรอก เดี๋ยวก็เจอกันตามงาน ไลน์หากันก็ได้ แต่พี่ธงเป็นผู้ใหญ่จุ๋ยก็ต้องเข้าไปหา” ไม่หึงที่พอร์ชมีข่าวกับมิน? “ไม่หึง เขาคบกันด้วยเหรอ ไม่รู้เรื่องจริง ๆ ข่าวนี้ไม่รู้สึกอะไร คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันได้ ด้วยเหตุการณ์อาจทำให้คนคิดเป็นอย่างอื่นได้ ที่ข่าวยังไม่จบคงเพราะยังสนิทกันอยู่มั้ง สื่อก็คงไม่เบื่อด้วยกับเรื่องนี้ เอาเป็นว่า ถ้ามีใครเป็นตัวจริงจุ๋ยบอกอยู่แล้ว ที่ผ่านมาคบใครไม่มีปิดอยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่ใช่ ยังเป็นเพื่อนกันก็คงต้องตอบแบบนี้ ตอนนี้ถามว่าต้องการอะไร จุ๋ยต้อง การแต่งงานแล้วนะ” ถ้าเจอคนต่อไปแสดงว่าอาจจะมองถึงเรื่องอนาคตร่วมกันเลยหรือเปล่า? “ก็อยากมองคนนั้น แต่กะเกณฑ์ไม่ได้หรอกว่าจะใช่คนนั้นหรือเปล่า ไม่รู้ว่าต้องทดลองคบอีกไหม ถ้าเจอคนที่ใช่ก็โชคดีไป แล้วช่วงนี้ไปงานแต่งงานบ่อยเหลือเกินรู้สึกแบบอยากแต่งบ้างแล้ว แล้วความรู้สึกอยากแต่ง งานเนี่ยมันเพิ่งมาเกิดปีนี้นะ เพราะเห็นแต่งกันจัง บิลต์มาก ๆ แต่เข้าใจว่าจังหวะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่มีแฟนมา 2 ปีแล้ว แต่ไม่เหงา เพราะมีครอบครัว งาน และเพื่อนมาเติมเต็มตลอดเวลา แต่ก็อยากมีแฟนค่ะ”

ถามถึงพี่ตั๊กออกมาบอกแล้วว่าลาออกจาก “ชิงร้อยชิงล้าน”? “ไม่เกี่ยวตั้งแต่แรกแล้วค่ะ เพราะจุ๋ยเข้ามาด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเอง อย่างพี่ตั๊กเรารักกันอยู่แล้วเป็นที่รักของทุกคน ดังนั้นเมื่อพี่เขาประกาศจะออกทุกคนก็ใจหาย เราเองตามตั้งแต่เด็ก เราทราบหลังสื่อด้วยซ้ำ ข่าวที่ออกมาครั้งก่อนมันไม่ใช่ จุ๋ยก็ไม่ได้รับการยืนยันจากทางบริษัท จุ๋ยเพิ่งมาเซ็นสัญญา เพิ่งมารับหน้าที่เหตุผลหลายอย่างอิสระทั้งละคร พิธีกร เลยตัดสินใจอย่างนั้น” คนมองว่าเพิ่งเข้ามาแต่มีบทบาทกว่าพี่ตั๊กที่อยู่มานาน? “ไม่จริงหรอก เพราะจุ๋ยได้เจอสื่อบ่อย ข่าวก่อน ๆ โยงมาอยากรู้เราอยู่ที่ไหนมากกว่า ในบริษัทความอาวุโสมาก่อนเลยค่ะ ไม่เกี่ยวว่าจุ๋ยมามีผลงาน” จุ๋ยกำลังขึ้นหม้อเป็นลูกรัก? “มันเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ปรับเปลี่ยนรายการ หลายส่วนผู้ใหญ่จัดการเองมากกว่า”.

Share:

บันเทิงเศร้า"เอ๋ –พัชรา แวงวรรณ"รถคว่ำเสียชีวิตที่สหรัฐฯ(Exclusive)


วันนี้ (12 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่ในวงการเพลงว่า เอ๋ –พัชรา แวงวรรณ อดีตนักร้องนำวงดิโอเวชั่น ได้เสียชีวิตแล้วที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงรีบติดต่อไปยัง นายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ พี่ชายของ เอ๋-พัชรา  ที่บ้านพักใน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดย นายผดุงศักดิ์  พี่ชายวัย 52 ปี เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้(12 ต.ค.) ตอนตี 1 ครึ่ง ทางเจ้าหน้าที่กงสุลโทรฯมาแจ้งว่า เอ๋ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ เสียชีวิตตอนเที่ยง 45 นาทีของวันที่ 10 ต.ค. ที่เมืองริเวอร์ไซด์ ขณะเดินทางไปธุระที่เมืองลอสแองเจลิส จึงทำให้รู้สึกตกใจ และเสียใจมาก ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวอีก เพราะพี่น้องก็เสียชีวิตทางรถยนต์ไปแล้วถึง 2 คน โดยเฉพาะคุณแม่ พอท่านทราบข่าวแล้วตกใจมากถึงกับเป็นลม ทุกวันนี้เอ๋เป็นหลักของครอบครัว เขาส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือนๆละ 2 หมื่นกว่าบาท ส่งเงินตรงเวลาทุกครั้ง เอ๋เป็นคนกตัญญูมาก สร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่อย่างสุขสบายทุกวันนี้
“เอ๋ แม้ห่างจากวงการเพลงไปแต่ก็เทียวไปเทียวมาระหว่างอเมริกากับเมืองไทย ตอนแรกไปเรียนภาษาอังกฤษอยู่พักหนึ่ง พอภาษาแข็งแรง ก็ไปเรียนต่อด้านพยาบาล เหลือเวลาอีก 1 ปี 6 เดือน ก็จะเรียนจบแล้ว  แต่ก็มาจากไปซะก่อน  ไปอยู่ที่อเมริกา 10 กว่าปีแล้ว  ทำงานด้วยเรียนด้วยบางครั้งก็ร้องเพลงไปด้วย แต่ก็ทำงานพิเศษเลี้ยงดูคนชรา , สอนภาษา “เอ๋” ไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทย แต่จะมารับคุณแม่ไปเที่ยว ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะโทรศัพท์มาคุยเดือนละ 2-3 ครั้ง ” นายผดุงศักดิ์  กล่าว
ทางด้าน นายวิเชียร อัศว์ศิวะกุล บอสค่ายนิธิทัศน์โปรโมชั่น อดีตต้นสังกัดของ “เอ๋ –พัชรา” หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของนักร้องสาว ระบุว่า จะเป็นผู้ดำเนินการออกค่าใช้จ่ายและนำศพกลับเมืองไทย
สำหรับ ประวัติของอดีตนักร้องเจ้าของเสียงแหบเสน่ห์ชื่อดังในยุค 80 พัชรา แวงวรรณ หรือ เอ๋ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 (48 ปี) เป็นอดีตนักร้องของ ค่ายนิธิทัศน์ โปรโมชั่น เริ่มเข้าสู่วงการเพลงด้วยการเป็นนักร้องนำของวงดนตรีสตริงคอมโบชื่อดัง “วงโอเวชั่น” มีอัลบั้มมาหลายชุด ได้แก่ “รักและคิดถึง” (2525), “ที่เก่าเวลาเดิม” (2526), “รักเธอเสมอ” (2527), “รักข้ามขอบฟ้า (2528), “รักไม่รู้จบ” (2529)  หลังจากที่ โอเวชั่น ออกอัลบั้มชุดที่ 5 คือ อัลบั้ม “รักไม่รู้จบ” ในปี พ.ศ.2529 ทางต้นสังกัด นิธิทัศน์ฯ ก็แยกเธอออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว และทำอัลบั้มเดี่ยว “เพียงดวงตาและรอยยิ้ม” เมื่อปี พ.ศ.2530 โดยอัลบั้มชุดนั้นมีเพลงโด่งดังเป็นที่รู้จักอยู่หลายเพลง อาทิ “ทุยใจดำ” , “ลืมเสียเถิด” , “เพรียกหารัก” , “หนี้รัก” , “เหลือเพียงฝัน” เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นงานเพลงที่ประสบความสำเร็จสูงสุด จากนั้นก็มีผลงานออกมาต่อมาอีก ชุดที่ 2 “ไม่รักไม่เจ็บ” ในปี พ.ศ.2531 และมีเพลงฮิตๆ อย่าง “ ไม่รักไม่เจ็บ” , “หนาวลมขมรัก” และ “สิ้นเยื่อขาดใย” เป็นต้น
Share:

รัฐบาลลุยจำนำข้าว ปี2 คนไทยบักโกรกแบกหนี้


โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าจะล้มเหลวหรือไม่? หลังจากรัฐบาลยอมทุ่มเงินมหาศาลแลกกับการยกระดับราคาข้าวเปลือก เพื่อรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้กับคะแนนเสียงกว่า 15.7 ล้านเสียง

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดทำรายงานเสนอความเห็นต่อครม.ว่า การจำนำข้าวรอบปีแรก 54/55 ได้ใช้วงเงินเพื่อดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และข้าวเปลือกนาปรัง ไปแล้วกว่า 517,958 ล้านบาท ซึ่งแม้จะไม่ระบุที่มาที่ไปว่าเป็นการใช้วงเงินจากส่วนใดบ้าง แต่ถือว่าเป็นเม็ดเงินสูงที่สุด เมื่อเทียบกับโครงการประชานิยมอื่น ๆ

หากนับรวมโครงการจำนำฤดูกาลใหม่ที่เพิ่งเริ่มขึ้น ถ้ารัฐบาลยังจำนำแบบเต็มที่เหมือนเดิม ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อรับจำนำข้าวเปลือกเพิ่มอีก 26 ล้านตัน วงเงิน 4.05 แสนล้านบาท และเงินจ่ายขาดเพื่อดำเนินการรับจำนำ 11,771.25 ล้านบาท ซึ่งเมื่อนำงบประมาณที่ใช้หมุนเวียนในโครงการจำนำข้าวทั้ง 2 ปีมารวมกัน รัฐต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 9 แสนล้านบาทเลยทีเดียว แม้ระหว่างนั้นรัฐบาลสามารถนำเงินจากการขายข้าวที่ได้รับจำนำมาคืนทุนให้ก็ ตาม

ตัวเลขวงเงินงบประมาณที่สูงขนาดนี้ ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า รัฐบาลกำลังก่อหนี้เกินตัวและกลายเป็นภาระของประเทศของคนไทยทุกคนหรือไม่ เพราะล่าสุดตัวเลขจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนก.ค.55 มีทั้งสิ้น 4.89 ล้านล้านบาท คิดเป็น 44.19% ของจีดีพี หากหารเฉลี่ยแล้วคนไทยทั่วประเทศทั้งเกือบ 66 ล้านคนมีหนี้เฉลี่ยสูงถึง 74,332 บาทต่อคนเลยทีเดียว

ที่น่ากลัวไปกว่านั้น ยังพบว่านับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ได้ใช้เงินทำโครงการประชานิยมจำนวนมาก จนทำให้ภาระหนี้สาธารณะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยเฉพาะเดือนก.ค. 55 มีหนี้เพิ่มขึ้นถึง 1.08 แสนล้านบาท และหากนับตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนก.ค.55 มีหนี้เพิ่มแล้วกว่า 5.3 แสนล้านบาท ที่สำคัญ สบน.ประเมินด้วยว่าหนี้สาธารณะอาจเพิ่มสูงต่อเนื่องไปอีก 5 ปีข้างหน้า จนทะลุจุดอันตรายไปถึง 54-55% ของจีดีพี หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าแผนการกู้เงินเพื่อการลงทุน 2 ล้านล้านบาท

ผลกระทบต่อภาระหนี้สาธารณะ...นับเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะหากมองไปในโลกปัจจุบันแล้ว จะเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้โลกเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น มาจากนโยบายและการใช้งบประมาณผิดพลาดของรัฐบาล จนสร้างหนี้สาธารณะมากเกินไปและพาประเทศล้มละลายแบบประเทศกรีซ

แม้กระทรวงพาณิชย์ออกมาโต้แย้งว่างบประมาณที่ใช้จำนำข้าวหลายแสนล้านบาท ไม่ใช่งบประมาณที่เสียเปล่าไปทั้งหมด เพราะถึงอย่างไรต้องมีเงินจากการขายข้าวที่รับจำนำ มาทยอยจ่ายคืนเงินคงคลังแน่นอน โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายว่ารัฐบาลจะขาดทุนจากการจำนำไม่เกิน 60,000-70,000 ล้านบาทต่อฤดูกาล ต่ำกว่าเงินที่ใช้ในการประกันรายได้ของรัฐบาลชุดที่แล้ว เพราะหากขายข้าวได้ตามแผนจะได้เงินคืนถึง 2.6 แสนล้านบาททีเดียว โดยเริ่มได้เงินก้อนแรกทยอยคืนรัฐได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ 85,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แผนของกระทรวงพาณิชย์เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งอาจจะทำได้ตามแผน หรือทำไม่ได้ตามแผนก็ได้...

หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ระบายข้าวของรัฐบาลในปัจจุบัน ถือว่าเต็มไปด้วยความเสี่ยงว่าจะเกิดปัญหา “ซื้อข้าวมาแล้ว แต่ขายไม่ออก”  เพราะบรรยากาศการเปิดประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่คึกคักนัก มีการเปิดประมูลไป 5 รอบ แต่ขายข้าวได้แค่ 4 รอบ ปริมาณ 4 แสนกว่าตัน ขณะที่การขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) แม้กระทรวงพาณิชย์จะโชว์ตัวเลขมากถึง 7 ล้านตัน แต่เป็นตัวเลขการส่งออกระยะยาวไปจนถึงปีหน้า แถมมีข่าวลือว่าเป็นเพียง “ออร์เดอร์ลม” ยังไม่สามารถส่งออกได้จริง ส่วนตัวเลขการส่งออกข้าวไทย ล่าสุดใน 9 เดือน ทำได้เพียง 5 ล้านตัน มีปริมาณส่งออกติดลบจากปีก่อน 44.56%

ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวที่ผ่านมา ยังปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้าวขาว 5% จากเคยสูงเกิน 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ลดลงเหลือ 580-590 ดอลลาร์ และแนวโน้มหากรัฐบาลเร่งระบายออกไปในสถานการณ์ที่ถูกบังคับให้ระบาย อาจทำให้ราคาข้าวตกลงไปอีก ประกอบกับช่องโหว่ที่รั่วไหลจากการทุจริต จะยิ่งซ้ำเติมให้โครงการจำนำข้าวครั้งนี้มีโอกาสขาดทุนมากขึ้น และผลประโยชน์ตกไม่ถึงมือชาวนาอย่างแท้จริง

มีการประเมินกันว่า หากรัฐบาลขายข้าวขาดทุน 1 แสนล้านบาท จะทำให้ภาระหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ทันที และกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีพุ่งขึ้นอยู่ที่ 44.19% ใกล้แตะระดับอันตราย 50% แล้ว ทำให้โครงการจำนำข้าว ซึ่งถือเป็นโครงการประชานิยมหัวแถว และใช้เงินมากที่สุดต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะหากผิดพลาดขึ้นมา จะกระทบชิ่งหลายทอด ทั้งต่อโครงการประชานิยมอื่น เสถียรภาพของรัฐบาล ตลอดจนการฉุดเศรษฐกิจไทยให้ตกอยู่ในความเสี่ยงทันที

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่รัฐบาลจะหาทางเหยียบเบรก เพื่อชะลอการเพิ่มภาระหนี้แก่ประชาชนไว้ก่อน เพราะไม่สามารถผลักภาระหนี้ไปซุกไว้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อีกเหมือนการจำนำรอบแรก ส่งผลให้การประชุม ครม. ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้ดำเนินการเฉพาะข้าวเปลือกนาปีจำนวน 15 ล้านตัน วงเงิน 240,000 ล้านบาทไปก่อน จากวงเงินที่ขออนุมัติทั้งหมด 4.05 แสนล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้ให้ใช้เงินกู้จาก ธ.ก.ส. เพื่อดำเนินโครงการ เพียง 150,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเพดานการกู้เงินที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ และส่วนที่เหลือให้ใช้เงินที่รับจากการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ 85,000 ล้านบาท

ส่วนผลผลิตข้าวเปลือกนาปรัง 55 ที่เหลืออยู่ จะรอใช้เงินที่ได้จากการระบายข้าวสต๊อกรัฐมาดำเนินการไปก่อน นอกจากนี้ ครม.ยังไม่เห็นชอบการพิจารณาเรื่องข้าวเปลือกนาปรังปี 55 รอบพิเศษ อีก 3.3 ล้านตัน วงเงิน 49,5000 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของสศช. ที่เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณารายละเอียดวงเงินงบประมาณให้ ชัดเจนโดยคำนึงถึงรายได้ที่จะได้จากการระบายข้าวเพื่อลดยอดวงเงินกู้ ส่วนข้าวนาปรังควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทบทวนเป้าหมายใหม่เพราะมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ

ภาพเหล่านี้สะท้อนว่ารัฐบาลยังกังวลว่า การจำนำข้าวจะล้มเหลวจริงหรือไม่ เพราะกุนซือใหญ่ของรัฐบาล ’วีรพงษ์ รามางกูร“ ยังออกโรงเตือน หากจำนำข้าวกันแบบนี้ต่อไป อาจทำให้รัฐบาลล้มครืนได้ ซึ่งยังไม่นับรวมกลุ่มคนอีกหลายฝ่ายที่ต้องการล้มโครงการจำนำข้าว ทั้งฝ่ายค้านที่ค้านเพื่อหวังผลทางการเมือง พ่อค้าข้าวที่ต้องการทุบราคารอซื้อข้าวถูก รวมถึงนักวิชาการที่ยอมเป็นข่าวเพื่อสร้างชื่อเสียง

ปมปัญหาจำนำข้าวยังต้องติดตามกันต่อไปแบบชนิดที่เรียกว่าห้ามกะพริบตากันที เดียว โดยเฉพาะในโครงการจำนำข้าวนาปรังปี 56 ที่ต้องรอลุ้นว่ารัฐบาลจะหาเงินมารับจำนำได้ทันการหรือไม่ เพราะครม.ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่ให้เงินเพิ่ม แต่ให้ใช้เงินหมุนเวียนจากการขายข้าวแทน ดังนั้นในช่วง 4-5 เดือนนับจากนี้ จึงนับเป็นจุดสำคัญของโครงการรับจำนำอย่างแท้จริง หากรัฐขายข้าวได้น้อยกว่าแผนที่ตั้งไว้ รัฐจะไม่มีเงินจำนำต่อ แต่หากขายได้ตามแผนถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ถ้ายอมขายปริมาณมากแต่ราคาถูกก็เสี่ยงขาดทุนในระยะยาว

ในเมื่อรัฐบาลยังยืนยันเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่ออีกเป็นปีที่ 2 เพื่อรักษาสัญญาของตัวเอง แต่หากยังเดินหน้าตามแนวทางเดิม...ก็รังแต่จะสร้างปัญหาสร้างความสงสัยให้ กับสังคมโดยเฉพาะเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะนั่นหมายความว่า...เงินทุกบาททุกสตางค์ที่รัฐบาลขาดทุนย่อมทำให้คนไทย ทั้งประเทศต้องแบกหนี้เพิ่มขึ้น.
ย้ำขายข้าวได้กว่า 2.6แสนล้านแน่

“บุญทรง เตริยาภิรมย์”  รมว.พาณิชย์ บอกว่า โครงการจำนำข้าวที่หลายฝ่ายโจมตีว่าไม่โปร่งใส และทำให้รัฐบาลขาดทุนเป็นแสนล้าน ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ขาดทุนมากอย่างที่ถูกกล่าวหา และมั่นใจว่า ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จนถึงไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า กระทรวงพาณิชย์จะสามารถขายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล  ที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 54/55 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55 ได้ไม่ต่ำกว่า 260,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายปีนี้ 85,000 ล้านบาท ไตรมาสแรกปีหน้า 40,000 ล้านบาท ไตรมาสสอง 30,007 ล้านบาท ไตรมาสสาม 50,000 ล้านบาท และไตรมาสสี่ 55,800 ล้านบาท  จากงบประมาณที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง 2 ฤดูกาลประมาณ 280,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ในปีนี้ยังยืนยันว่า ไทยยังรักษาแชมป์ผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกไว้ได้แน่นอน โดยคาดว่า ปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 8.5 ล้านตัน แบ่งเป็นการส่งออก
ของเอกชน 6.5 ล้านตัน ที่เหลือเป็นการส่งออกแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากสัญญาที่รัฐบาลได้ทำการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับรัฐบาลจีน บังกลาเทศ โกตดิวัวร์ อินโดนีเซีย รวม 6 สัญญา ปริมาณ 7.328 ล้านตัน  ซึ่งทั้งหมดเป็นสัญญาที่เปิดแอลซีแล้ว ไม่ใช่แค่เอ็มโอยู และเริ่มทยอยส่งมอบได้ในปีนี้ 2 ล้านตัน ส่วนที่เหลือจะส่งออกได้ครบในปีหน้า ดังนั้นยืนยันว่าการขายข้าวจีทูจีจึงเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ออร์เดอร์ลม ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ยังได้เปิดให้ผู้ส่งออกประมูลซื้อข้าวรัฐอีกด้วย

ส่วนการจำนำข้าวปีนี้ รัฐบาลไม่ทบทวนลดเพดานราคารับจำนำข้าวเปลือกลงจากข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิ 20,000 บาท ตามที่นักวิชาการเสนอ และได้รับการยืนยันจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่าไม่ได้ขาดสภาพคล่องและพร้อมจะเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวให้กับเกษตรกร ต่อไป

“ยืนยันว่า การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องการรับจำนำข้าว และการระบายข้าว ทำอย่างระมัดระวัง การขายแต่ละครั้งมองถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงความรับผิดชอบต่องบประมาณ เราพยายามไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบการค้าและราคา ที่สำคัญได้เปิดให้เอกชนเข้าร่วมการประมูล เพราะเราไม่ต้องการขายได้ราคาต่ำ ๆ ถูก ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราทำไปแล้วให้ประโยชน์ตกอยู่ในมือประเทศอื่น หรือทำแล้วชาวนายังยากจนข้นแค้นอยู่ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผลักดันให้ระบบการค้าข้าวไทยก้าวหน้า เพื่อให้โลกรับรู้ว่าไทยขายข้าวคุณภาพดี ราคาสูง”.
ทีมเศรษฐกิจ
Share:

ชง คม.อนุมัติแผนลงทุน รสก.ปี 56 กว่าล้าน


วันนี้ ( 7 ต.ค.) มีรายงานว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) จะเสนอให้ครม.วันที่ 9 ต.ค.นี้พิจารณาเห็นชอบกรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ  2556 โดยคาดว่าในส่วนของงบทำการจะมีผลกำไรสุทธิ ประมาณ 79,782 ล้านบาท   เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ร้อยละ 13.5 โดยสามารถจัดหาเงินสดเพื่อใช้ลงทุนได้ประมาณ 215,249 ล้านบาท ส่วนการดำเนินงานช่วงปี 2557-2559 ของรัฐวิสาหกิจ. คาดว่า ผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิรวม 222,322 ล้านบาท  หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 74,107 ล้านบาท  และการเบิกจ่ายลงทุนรวม 2,305,426 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณปีละ 768,475 ล้านบาท
สำหรับกรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2556 มีวงเงินดำเนินการจำนวน 1,046,533 ล้านบาท  และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 637,111 ล้านบาท ประกอบด้วยการลงทุนโครงการต่อเนื่องที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการแล้วและงาน ตามภารกิจปกติ วงเงินดำเนินการ จำนวน 946,533 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 557,111 ล้านบาท ส่วนการลงทุนที่ขอเพิ่มเติมโดยมี วงเงินดำเนินการ จำนวน 100,000 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 80,000 ล้านบาท  
​​
 ทั้งนี้ ให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนตามเป้าหมายร้อยละ 95 ของวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุนและมอบหมาย​ให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อ เสนอแนะเชิงนโยบายระดับกระทรวงและระดับองค์กรไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการเบิกจ่ายลงทุนในปีงบ ประมาณ 2556 ให้ สศช. ทราบภายในทุกวันที่ 5 ของเดือนอย่างเคร่งครัด และให้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะข้างต้นและความก้าวหน้าการดำเนิน โครงการลงทุนทุกไตรมาส  ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ได้อย่างต่อเนื่อง.
Share:

อกชนไทยแห่ลงทุนเวียดนาม ประเดิมความพร้อมรับ เออีซี


เหลือเวลาอีก 2 ปีเศษที่ 10 ประเทศอาเซียนต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งระหว่างกันด้วยการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทุกฝ่ายทุกสาขาอาชีพ จึงเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงสื่อมวลชนที่มีส่วนสำคัญที่จะสื่อสารให้ประชาชนรับความรู้ความเข้าใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง หลักสูตรเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นำสื่อมวลชนเดินทางไปพิสูจน์การเตรียมพร้อมของภาคเอกชนไทยที่ ’เวียดนาม”

ถ้าพูดถึงประเทศอาเซียน ที่กำลังเนื้อหอม  กลายเป็นทั้งคู่แข่ง และคู่ค้าสำคัญของไทย คงหนีไม่พ้น “เวียดนาม”  ด้วยความที่เป็นประเทศเพิ่งตั้งตัวได้จากสงคราม ยังมีพื้นที่การลงทุนมาก  และมีทรัพยากรมนุษย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความขยัน และค่าแรงถูก ตกวันละ 100 บาท จึงทำให้หลายประเทศต่างหันหัวมุ่งหน้าแห่ไปลงทุนในเวียดนาม เริ่มตั้งแต่ “ธนาคารกรุงเทพ” ที่กลายเป็นที่พึ่งนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในเวียดนาม  ในฐานะที่เข้าไปชิมลางเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2504 จึงทำให้มีข้อมูลแน่นปึ้ก แต่ได้หยุดให้บริการไปหลังจากเวียดนามเกิดสงครามไซง่อน และหลังจากสงครามสิ้นสุดลง จึงกลับมาให้บริการอีกครั้งถึง 2 สาขา คือ สาขา “โฮจิมินห์ซิตี” ในปี 35 และสาขา “ฮานอย” ในปี 37 ซึ่งถือเป็นธนาคารต่างประเทศแห่งแรกที่กลับมาเปิดให้บริการได้ หลังสงครามสิ้นสุดลง และล่าสุดธนาคารกรุงเทพในเวียดนาม ยังได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารถึง 99 ปี  หรือถึงปี 2654  หลังจากใบอนุญาตเดิมจะหมดลงในสิ้นปีนี้

งานนี้ “ธาราบดี ซึ้งอดิชัยวิทย์” ผู้จัดการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ สาขาเวียดนาม ได้ให้คำแนะนำนักลงทุนที่อยากเข้าไปลงทุนเวียดนามว่า ควรเข้าไปลงทุนแบบถือหุ้น 100% จะได้ประโยชน์มากกว่าการร่วมทุนกับบริษัทสัญชาติเวียดนามที่เปิดโอกาสให้ทำ ได้ แต่ต้องยอมรับว่าในช่วง 3 ปีแรกอาจขาดทุน จากนั้นจึงเริ่มมีกำไรและเป็นกำไรแบบคุ้มทุนแน่นอน เห็นได้จากนักลงทุนไทยในเวียดนามที่ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับ อาหาร  สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเวียดนามชื่นชอบสินค้าไทยมาก อะไรที่เป็น เมด อิน ไทยแลนด์ ชาวเวียดนามถือว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าเมดอินไชน่า และการเข้าสู่เออีซีเชื่อว่าจะเป็นผลดีกับเวียดนาม เพราะปัจจัยบวกต่าง ๆ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเลือกเวียดนาม เพื่อสร้างฐานการผลิตป้อนตลาดโลก และตลาดภายในเวียดนาม เพราะปริมาณประชากรในเวียดนามสูงถึง 90 ล้านคน ค่าแรงงานต่ำเฉลี่ยต่อคน 7,000–8,000 บาทเท่านัั้น

อีกธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในเวียด นาม คือ “เครือซี.พี.”  ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้ของ บริษัท ซี.พี. เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ขยายตัวเฉลี่ย 29% โดย “สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์” รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท ซี.พี. เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ในเครือ ซี.พี. เล่าให้ฟังว่า ซี.พี.เวียดนาม ทำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรสัตว์บกและสัตว์น้ำ มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์และธุรกิจต่อเนื่อง 8 โรงงาน และการทำตลาดที่สำคัญคือยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่ยังขายบริการและความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วย

รองซีอีโอ ซี.พี.เวียดนามฯ เปรียบเทียบการลงทุนเวียดนามและพม่าว่า การลงทุนในเวียดนามน่าสนใจกว่าพม่า เพราะขยายตลาดไปลาว กัมพูชา และจีนตอนใต้ ที่มีชายแดนติดเวียดนาม เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจไม่ใช่แค่ประชากรเวียดนามมากเท่านั้น แต่เศรษฐกิจในเวียดนามผันผวน และมีปัญหาเปลี่ยนกฎหมายบ่อยบางครั้งยังย้อนหลังอีกต่างหากซึ่งเป็นอุปสรรค การลงทุนมาก
    
เช่นเดียวกับธุรกิจใน เครือเอสซีจี ที่ “โฉลกพร ผลชีวิน” กรรมการผู้จัดการบริษัท วีนาคราฟท์ เปเปอร์ ในเครือเอสซีจี เล่าว่า มองเห็นความต้องการใช้กระดาษลูกฟูกจำนวนมาก จึงตัดสินใจลงทุน และธุรกิจกระดาษถือเป็นธุรกิจใหญ่ที่สุดของเอสซีจีที่เข้ามาลงทุน จากที่ได้เข้ามาลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจ คือ กระดาษ, ปิโตรเคมี, ซีเมนต์ เป็นต้น ส่วนแนวการทำตลาดและธุรกิจในเวียดนามของเอสซีจี จะใช้รูปแบบการขยายการลงทุนธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป

ด้านธุรกิจในเครือ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ ก็ไม่ยอมตกขบวน โดย “มงคล บัณฑรรุ่งโรจน์” รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยคอร์ป อินเตอร์เนชั่นแนล เวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โดยบริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ (บีเจซี) ถือหุ้นสัดส่วน 75% และมงคลกรุ๊ป ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้า (โลจิสติกส์)  ถือหุ้น 25% โดยเป็นผู้ทำตลาด และกระจายสินค้าจากไทยเป็นหลัก เช่น กระทิงแดง (เรดบูล) ปลากระป๋องตราสามแม่ครัว ล่าสุดเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า 

นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนสร้างห้างค้าปลีกในเวียดนาม ที่เตรียมขายสินค้าไทย 70% เพื่อเป็นช่องทางทำให้แบรนด์ไทยเข้มแข็งขึ้น และส่งเสริมให้เอสเอ็มอีมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเหมือนห้างอิเซตันไทย ที่เน้นขายสินค้าจากญี่ปุ่นเป็นหลัก เพราะชาวเวียดนามชื่นชอบสินค้าไทยอยู่แล้ว และหัวใจของการทำธุรกิจที่ผ่านมา คือ ค้าแบบเงินสด  และให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ที่ทำให้ชนะใจผู้บริโภคได้ในที่สุด รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อมีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วย

การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ครั้งนี้  แม้หลายคนมองว่าเป็นวิกฤติที่อาจทำลายธุรกิจไทย แต่อีกหลายคนเห็นเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึง ’ต้องรู้เขา รู้เรา” ที่สำคัญต้องรู้จัก ’พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส” ให้ได้อีกด้วย.
ทีมเศรษฐกิจ
Share:

"เบอร์ทรานด์"ไม่เข็ดทวีตด่าเอฟเออีกคน


ไรอัน เบอร์ทรานด์ แบ๊กซ้ายดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษของ "สิงห์สำอาง" เชลซี กลายเป็นนักเตะคนล่าสุด ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่าง "ทวิตเตอร์" เป็นกระบอกเสียงโจมตีสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) หลังไม่พอใจที่ถูกบีบให้ถอนตัวออกจากเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก กับ ซาน มารีโน ในวันศุกร์ที่ 12 ต.ค.
เอฟเอ แถลงยืนยันว่า เบอร์ทรานด์ ต้องถอนตัวจากเกมกับ ซาน มารีโน เพราะมีอาการเจ็บคอ แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง เจ้าตัวก็ออกมาทวีตด้วยข้อความรุนแรงทันทีว่า ไม่เคยต้องการถอนตัวออกจากทีม และไม่คิดว่าอาการเจ็บคอจะทำให้นักเตะคนใดต้องถอนตัวจากการรับใช้ชาติ ซึ่งเป็นความฝันของนักเตะทุกคน

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้สติกลับคืนมา เบอร์ทรานด์ วัย 23 ปี ได้ลบข้อความ และทวีตขอโทษทันที แต่คาดว่าเขาจะถูก เอฟเอ ตักเตือนแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ แอชลีย์ โคล แบ๊กซ้ายรุ่นพี่ ก็เคยใช้ทวิตเตอร์โจมตี เอฟเอ จนถูกตั้งข้อหามาแล้ว
Share:

หนุ่มสุรินทร์ซิวชัยตะกร้อด.2



  การแข่งขันเซปักตะกร้ออาชีพดิวิชั่น 2 และประเภททีมหญิง ที่ยิมเนเซียม รร.กีฬาเทศบาลนครนครปฐม จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 12 ต.ค. มีผลดังนี้ ทีมชาย แข่งแบบพบกันหมด สุรินทร์ ชนะ ขอนแก่น 3-0 ทีม (ทีม ก 15-11, 15-9, ข 15-11, 15-12, ค 16-14, 15-9), พิษณุโลก ชนะ สมุทรสงคราม 2-1 ทีม (ทีม ก 6-15, 15-8, 7-15, ข 12-15, 12-15, ค 16-14, 6-15, 15-12), ทีมหญิง แข่งแบบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม D ศรีสะเกษ ชนะ หนองคาย 2-1 ทีม (ทีม ก 14-16, 13-15, ข 12-15, 15-13, 15-11, ค 15-11, 10-15, 15-9), ร้อยเอ็ด ชนะ สุพรรณบุรี 3-0 ทีม (ทีม ก 11-15, 15-9, 15-11, ข 15-5, 15-5, ค 15-13, 15-12).
Share:

นวกานต์แชมป์หวดเยาวชน14ปี



  การแข่งขันเทนนิสเยาวชนนานาชาติ อายุไม่เกิน 14 ปี "เอเชี่ยน ยู 14 ซีรี่ส์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2012" ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 12 ต.ค. รอบชิงชนะเลิศ มีผลดังนี้ ประเภทชายเดี่ยว นวกานต์ ขุนจันทร์ ชนะ วรชน รักษ์ปวงชน 6-3, 6-3 โดยผู้ชนะเลิศ ได้รับถ้วยรางวัลพร้อมคะแนนสะสม 300 คะแนน ส่วนรองชนะเลิศ รับถ้วยรางวัลพร้อมคะแนนสะสม 200 คะแนน, ประเภทชายคู่ อาเมด โมฮาเมด (บาร์เรน)-ไซเอส โนฟิล กาลีม (ปากีสถาน) ชนะ ภวินทร์ จิรภูมิเดช-โกกิ มัสซุดะ (ญี่ปุ่น) 6-3, 6-2 สำหรับผู้ชนะเลิศ ได้รับถ้วยรางวัลพร้อมคะแนนสะสม 50 คะแนน และรองชนะเลิศ รับถ้วยรางวัลพร้อมคะแนนสะสม 30 คะแนน.
Share:

พูลิสสับเละซัวเรซพุ่งล้มหวังลูกโทษ



โทนี พูลิส กุนซือ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี จวกแหลก หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าฟันยื่นของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เจตนาพุ่งล้มอย่างน่าอับอายเพื่อเอาจุดโทษ ในเกมที่ทั้งคู่เสมอกันไป 0-0 ทำให้ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ยังคงไม่ชนะใครในบ้านต่อไป

ในนาที 75 ซัวเรซ เลี้ยงบอลเลื้อยเข้าไปในเขตโทษโดยมี มาร์ค วิลสัน และ ดีน ไวท์เฮด เข้ามาพัวพัน โดยล้มหัวคะมำในจังหวะแรกและกระตุกร่างล้มลงเป็นครั้งที่ 2 โดยไม่ได้ถูกแข้งสโต๊คสัมผัสโดนแต่อย่างใด ทำให้ พูลิส โมโหเป็นฟืนเป็นไฟและร้องให้ลงโทษย้อนหลัง

"ซัวเรซ ควรโดนลงโทษ ผมไม่รู้เขาไม่โดนใบเหลืองจากการเจตนาพุ่งล้มได้อย่างไร มันน่าผิดหวังมากจริงๆ"

ขณะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล แก้ต่างแทนลูกทีมว่า "ผมมองไม่เห็น ดังนั้นไม่สามารถให้ความเห็นได้จริงๆ แต่ไม่ว่าอะไรที่ หลุยส์ ทำดูเหมือนจะเป็นปัญหาอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาเล่นได้ดีมาก"
Share:

ไทยไฟต์ยันถือสิทธิจัดการชกของบัวขาว


นายนพรัตน์ พุทธรัตนมณี รองประธานจัดการแข่งขันขันมวยไทยไฟต์ เปิดเผยว่า ทางบริษัท สปอร์ต อาร์ต จำกัด ผู้จัดศึกไทยไฟต์ ได้ถือสิทธิในการจัดการชกของ บัวขาว ป.ประมุข ในปีนี้ จนถึง 31 ธ.ค. ปีนี้ และมีการต่อสัญญาออกไปเรียบร้อยแล้วด้วย จึงเป็นผู้จัดการชกของ บัวขาว และให้คำปรึกษา บัวขาว ในการชกมวยไทย  หรือการแข่งขันมวยไทย   บัวขาว จะไปชกที่ไหนต้องผ่านทาง สปอร์ต อาร์ตก่อน โดยนโยบายสำคัญที่วางไว้ให้ บัวขาว ชกมวยไทยนั้น ก็คือการเป็นผู้เผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทย ให้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะชื่อเสียงของ บัวขาว เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกแล้ว ดังนั้น ได้พูดคุยกับ บัวขาว แล้วว่า บัวขาว จะไม่ชกกับนักมวยไทยด้วยกันเอง แต่จะชกมวยไทยกับต่างชาติเท่านั้น ดังนั้นกรณีที่ สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก วัย 39 ปี ออกข่าวว่า อยากจะชกมวยไทยกับ บัวขาว นั้น จึงเป็นไปไม่ได้ และทางไทยไฟต์ก็เห็นว่าไม่สมควรด้วยประการทั้งปวง เพราะว่าไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ ภาพที่ออกมาก็ไม่ดีสำหรับ บัวขาว
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า บัวขาว จะไปชกมวยสากลนัดพิเศษ กับ แมนนี่ ปาเกียว นักชกชื่อดังของโลก ชาวฟิลิปปินส์ ในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ ที่เมืองไทย นั้น รองประธานไทยไฟต์ กล่าวว่า ทางสปอร์ต อาร์ต ที่ถือสิทธิการจัดการชกของ บัวขาว อยู่ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย นอกจากทางสื่อเท่านั้น และตนก็เห็นว่า โอกาสเป็นไปได้น้อย เนื่องจาก ปาเกียว จะชกทำศึกล้างตากับ มาเกวซ ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ขณะที่ บัวขาว มีสิทธิต้องชกรอบชิงไทยไฟต์ 2012 ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ พักไม่ถึง 15 วัน ผิดพ.ร.บ.มวยชัดเจน ไปชกไม่ได้อยู่แล้ว
นอกจากนั้น รองประธานไทยไฟต์ กล่าวว่า ศึกมวยรอบ "ไทยไฟต์ 2012" จะชก รอบแรก ในวันที่ 23 ต.ค.นี้ ที่ "ชาญชัย อเคเดี้ยม" มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ส่วนรอบสอง จะมีขึ้นวันที่ 25 พ.ย. ที่สนามกีฬาโคราช และ รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 16 ธ.ค. ที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ โดยใน วันที่ 23 ต.ค. นี้ จะเป็นรอบ 8  คนสุดท้าย 2 รุ่น รวม 8 คู่ด้วยกัน คือรุ่น 67 กก. ที่มี สิงห์มณี แก้วสัมฤทธิ์ เป็นตัวแทนนักชกไทย และรุ่น 70 กก. ที่มี บัวขาว เป็นตัวแทนนักมวยไทย ถ่ายทอดสดเวลา 13.20 น.เป็นต้นไป ทางช่อง 3 มีคู่ก่อนเวลาที่จัด เพชรทนง บัญชาเมฆ ศิษย์เอกของ บัวขาว  ที่เพิ่งไปคว้าแชมป์โลกมวยไทยของ WBC  ซึ่ง บัวขาว จะปั้นให้เป็นทายาท “บัวขาว 2 “ สานต่อการเป็นฮีโร่มวยไทย มาโชว์ฝีมือกับนักชกต่างชาติด้วย และศึกมวยไทยไฟต์ 2013 ปีหน้า จะทำเป็น"มวยไทย เรียลลิตี้โชว์" ออกทีวี โดยนำนักชกไทยและต่างชาติ มาใช้ชีวิตร่วมกันก่อนชก ตามแบบวิถีไทย เพื่อเผยแพร่ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม และประเพณีไทยที่ดีงามไปทั่วโลกอีกด้วย.
Share:

แซมบ้าอุ่นดุถล่มอิรักครึ่งโหล


     ศึก ฟุตบอลกระชับมิตร ที่สนาม สเวดแบงค์ สตาดิโอน เมืองมัลโม ประเทศสวีเดน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย และเจ้าภาพ เวิลด์ คัพ 2014 โชว์ฟอร์มสมราคา หลังจัดการไล่ถล่ม อิรัก ภายใต้การนำทัพของ ซิโก ตำนานดาวยิงแดนแซมบ้า ชนิดไม่ไว้หน้า 6-0 โดย ออสการ์ มิดฟิลด์จากเชลซี เหมาคนเดียว 2 ประตูนาทีที่ 22 กับ 27 ส่วนอีก 4 ลูกที่เหลือเป็นผลงานของ ริคาร์โด กากา นาทีที่ 48, ฮัลค์ นาทีที่ 56, เนย์มาร์ นาทีที่ 75 และลูคัส มูรา นาทีที่ 80
Share:

ยิงถล่มฐานทหารธารโตปะทะเดือดไม่เจ็บไม่ตาย



วันนี้ ( 12 ต.ค.) เวลา 00.15 น. นายก้องสกุล จันทราช นายอำเภอธารโต จ.ยะลาได้รับแจ้งจาก ฉก.ยะลา16 ว่า มีคนร้ายกลุ่มก่อความไม่สงบมาน้อยกว่า 10 คน พร้อมอาวุธครบมือ ทั้ง เอ็ม 16 อาก้า และลูกซอง บุกเข้าประชิดฐาน ร้อย ร.ม.1 สังกัด ฉก.16 ตั้งอยู่ในโรงเรียนบ้านบัวทอง หมู่ที่ 2 ต.บ้านแหร อ.ธารโต ยิงถล่มฐานที่ตั้งหลายสิบชุด เจ้าหน้าที่ที่ตั้งรับอยู่ในฐาน ได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ออกไป
ขณะเดียวกัน กำลังทหาร ส่วนหนึ่ง ที่แอบซุ่มอยู่นอกฐาน ได้เปิดฉากยิงเข้าใส่กลุ่มคนร้าย จนเกิดปะทะกันดุเดือดกว่า 5 นาที  คนร้ายได้อาศัยความมืดล่าถอยขึ้นเขาไป
พ.ท.ทศพล ผ่องศรีสุข ผบ.ฉก.ยะลา 16 เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยลูกน้อง ได้เฝ้าสังเกตว่าอาจมีการลอบเข้าตีฐานในเวลากลางคืน จึงได้นำกำลังออกไปซุ่มอยู่นอกฐาน เมื่อเวลาเกิดเหตุมีคนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่ที่เป็นป่าเขาสวนยางและความ มืด ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ก่อน
พ.ท.ทศพล กล่าวอีกว่า ตนจึงได้สั่งการให้ลูกน้องยิงตอบโต้ จนเกิดปะทะกันดังกล่าว จากการตรวจสอบกำลังพลภายในที่ตั้งทุกคนปลอดภัย หลังเกิดเหตุในตอนเช้าตนได้สั่งการให้จัดกำลัง ชุด ปฏิบัติการ ออกไล่ล่ากลุ่มคนร้าย ซึ่งคาดว่าจะยังคงหลบหนีในพื้นที่  และเชื่อว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ธารโตและอ.บันนังสตา
Share:

แมน'' ผันตัวเองออกแบบตัวเลข ลุยงานหนักหวนกินเจเพื่อสุขภาพ


'

ห่างหายจากงานวงการบันเทิงไปพักใหญ่ เพราะช่วงนี้นักแสดงหนุ่ม แมน-การิน ศตายุส์ เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับธุรกิจคลินิกบิวตี้ วีว่า และที่กำลังเป็นงานหลักนั่นคือ การออกแบบตัวเลข หรือเบอร์โทรศัพท์ ที่เรียกว่า “แมธเธโลจี” ที่กำลังฮิตในหมู่มวลนักแสดง นักธุรกิจ และนักการเมือง  โดยใช้ชื่อใหม่ว่า “แมน แมธเธโลจี” ซึ่งทำงานหนักแบบนี้หนุ่มแมนก็เลยต้องดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี โดยการกินมังสวิรัติเป็นประจำ ยิ่งช่วงกินเจอย่างนี้ยิ่งพลาดไม่ได้

แมน เปิดเผยว่า “ตอนนี้ผมทำคลินิกบิวตี้ วีว่า ที่เปิดกับ แพท-ณปภา และ เกล-วรันลักษณ์ และงานแมธเธโลจี ที่ตอนนี้เป็นที่โด่งดัง เป็นศาสตร์แห่งตัวเลข เป็นการออกแบบตัวเลข และผมก็ยังมีงานอีเวนต์ รายการ ส่วนงานละครก็ยังไม่ทิ้งครับ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องดูจังหวะที่เหมาะสม เพราะตอนนี้แค่งานออกแบบตัวเลขก็ดึงเวลาไปเยอะเหมือนกัน นอกจากงานสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ การดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินต้องดีและมีประโยชน์ โดยปกติผมจะกินเจ และ        กินมังสวิรัติ 1 วันต่อสัปดาห์ ช่วงนี้กำลังจะเข้าเทศกาลเจ ผมก็กินเจเหมือนกันครับ จริง ๆ ก็กินมานานร่วม 5-6 ปีแล้ว ผมว่าทุกวันนี้หลายคนให้ความสำคัญกับการกินเจมาก เพื่อความมีจิตเมตตาละเว้นจากการกินเลือดเนื้อของสัตว์ ด้วยความที่ผมทานเจมาหลายปี ก็ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากในการหาอาหารรับประทาน ยิ่งเทศกาลยิ่งสะดวกมีขายแทบทุกร้าน ซึ่งร้านประจำของผมก็จะเป็นที่เอสแอนด์พี ชอบสเต๊กเต้าหู้ซอสพริกไทยดำ ผักโขม และข้าวกล้องงอกมาก คืออยากจะบอกว่าต่อให้เราหาเงินได้เยอะ แต่ถ้าสุขภาพไม่ดี ก็ไม่มีประโยชน์ อยากให้ทุกคนหันมารักษาสุขภาพด้วยการกินเจด้วยครับ”.
Share:

พายุฝนถล่มบังกลาเทศ ตายแล้ว 24 ศพ


วันนี้ ( 12 ต.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศว่า เกิดพายุฝนตกกระหน่ำต่อเนื่องบริเวณพื้นที่ตามแนวชายฝั่งอ่าวเบงกอล ของบังกลาเทศ ตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี คร่าชีวิตประชาชนแล้วอย่างน้อย 24 ศพ และมีชาวประมงสูญหายอีกนับสิบราย
เจ้าหน้าที่หน่วยเรือยามชายฝั่ง และชาวประมงในบริเวณใกล้เคียง ออกเรือร่วมกันค้นหาผู้สูญหายอย่างสุดความสามารถ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตได้อีก 7 ศพในเมืองโบลา, ฮาเตีย และจิตตะกอง ทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิต ณ เวลานี้ อยู่ที่ 24 ศพ
นอกจากอิทธิพลของพายุฝน และลมกระโชกแรงจะสร้างความเสียหายให้กับที่อยู่อาศัยของประชาชนหลายพัน หลังคาเรือนแล้ว ยังส่งผลให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด เนื่องจากมีต้นไม้หักโค่นลงมาทับเสาไฟฟ้า และกีดขวางตามท้องถนน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังขนย้ายออกเป็นการด่วน โดยพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดอยู่ทางตอนใต้ของกรุงธากา ซึ่งมีรายงานพบผู้บาดเจ็บกว่า 100 ราย
ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเร่งออกแจกจ่ายอาหารแห้ง น้ำดื่ม และอุปกรณ์ยังชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว.
Share:

คลิปฮา เมื่อเด็กหิวและง่วงพร้อมกันอะไรจะเกิดขึ้น?!?!


คลิปต่อไปนี้รับรองว่าเมื่อได้ชมแล้ว ท่านจะต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ให้กับความน่ารักของเด็กทั้งสองเป็นแน่

ใครว่าเป็นเด็กแล้วสบาย สองหนูน้อยฝาแฝดจากในคลิปคงไม่เห็นด้วย เพราะเมื่อความหิวกับความง่วงเกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งคู่ก็เลยลำบากลำบนอย่างที่เห็น

หลังจากภารกิจช่วงเช้าอันแสนเหน็ดเหนื่อย ทั้งเล่นน้ำ, ก่อปราสาททราย หนูน้อย "เอ็มเจ" และ "เอเจ" ฝาแฝดเพศชายวัยเกือบ 2 ขวบ ของคุณแม่ "Johanne Stetka" ก็รู้สึกหิว คุณแม่จึงพามานั่งกินสปาเก็ตตี้ที่ร้านอาหาร แต่เพราะความเมื่อยล้าส่งผลให้ความง่วงมาเยือนทั้งๆ ที่ยังกินอยู่ ทั้งคู่ก็เลยเป็นแบบที่เห็น คือนั่งสัปหงก โงนเงนไปมา แต่มือก็ยังหยิบเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก แล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ทั้งๆ ที่ตาแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว ทำให้มือและปากเลอะเทอะไปหมด จนสุดท้ายความง่วงก็เป็นฝ่ายชนะ ฝาแฝดเลยหลับคาจานอาหารซะอย่างนั้น

เรื่องนี้พิสูจน์ข้อสงสัยหนึ่งได้เป็นอย่างดีว่า หากเราหิวและง่วงพร้อมกันแล้ว ความรู้สึกใดจะเป็นฝ่ายชนะ!! รับชมความฮาแต่น่ารักของเด็กทั้งคู่กันได้เลย.
Share:

พบปลาหมอสี มีลายคล้ายเลขไทย ชาวบ้านแห่ตีเลขเด็ด


วันนี้ (12 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่ร้านขนมจีนบุญนาค ตั้งอยู่ซอยข้างธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาพิษณุโลก เลขที่ 811/25 ถนนพิชัยสงคราม ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ได้เลี้ยงปลาหมอสี มีลายเป็นเลขไทยข้างตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ชาวบ้านทราบข่าวเชื่อว่าเป็นปลานำโชค แห่ขอเลขเด็ดกันเป็นจำนวนมาก จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบว่าหน้าร้านเปิดเป็นร้านขายขนมจีนน้ำเงี้ยว มี นายยู โฉมแดง อายุ 60 ปี  อดีตข้าราชการป่าไม้ที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของร้านขนมจีน กำลังยุ่งกับการ ขายของอยู่หน้าร้านก่อนจะพาผู้สื่อข่าวไปชมปลาหมอสีตัวดังกล่าวซึ่งเลี้ยง ไว้ในตู้ปลาชั้น 2 ของตัวอาคาร
โดย นายยู เปิดเผยว่า ได้ปลาดังกล่าว มาจากเพื่อนรุ่นน้องเมื่อประมาณ 1 ปี  ใส่ตู้เลี้ยงไว้ตามปกติ จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้นำปลาออกมาจากตู้เพื่อจะล้างตู้ปลาและสังเกตว่าปลายที่ข้างตัวปลาหมอสี ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับเลขไทย "๕0" และเลขไทย "0๔" จากนั้นตนได้บอกเพื่อนๆต่างแห่กันมาดูมากกมายเชื่อว่าปลาตัวดังกล่าวน่าจะมา ให้โชคลาภกับครอบครัวตนเอง
เมื่อสอบถามว่า หากมีคนมาขอซื้อแล้วให้ราคาที่สูงจะขายหรือไม่ นายยู กล่าวทันทีว่า ไม่ขายเด็ดขาด เพราะเลี้ยงดูมาตลอดปีกว่า รู้สึกผูกผันไม่อยากขายสิ่งที่ตนเองรัก อย่างไรก็ตามหลังจากชาวบ้านที่ทราบข่าวว่าปลาหมอสี ของตนเอง มีเลขติดที่ลำตัว ต่างมาขอดูกันเป็นจำนวนมาก.
Share:

ทลายเครือข่ายยาบ้าจากเรือนจำบางขวาง


วันนี้ (12 ต.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูวดิท ชนะคชภัทร์ รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา , พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา , พ.ต.ต.พิภพ นาพุทรา สว.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และ ชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายนฤนาท หรือไก่ มัชมณฑล อายุ 29 ปี , น.ส.นิภาพร หรือเมย์ อิ่มพงศ์ อายุ24 ปี  , นายสมควร หรือไก่ รื่นเพียร อายุ 29 ปี , นายอนุสรณ์ หรือเอ เกียรตินิยกฤต อายุ 27 ปี , นายนภดล หรือโจ้ วารีร้อย  อายุ 29 ปี และ นายสุทัศน์ หรือทัศน์ สุขสวัสดิ์ อายุ31 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า10,092 เม็ด ยาไอซ์439.34  กรัม และ ยังยึดทรัพย์ ตามพรบ.มาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสติด เป็นรถยนต์เก๋งจำนวน 3 คัน รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน รวมทรัพย์สินมูลค่า 3 ล้านบาท
พล.ต.ต.กรเอก กล่าวว่าผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเครือข่ายยาเสพติดที่มีการสั่งซื้อยาบ้าและยา ไอซ์มาจากเรือนจำ โดยมีนายธีระกร หรือเอก ให้การรับสารภาพว่ามีหน้าที่เก็บรักษาและจำหน่ายยาบ้ายาไอซ์ให้กับ ลูกค้า โดยยาเสพติดทั้งหมดเป็นของนักโทษชายชื่อเต้ ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ในเรือนจำบางขวาง ซึ่งจะรับคำสั่งจากนายเต้ ทางโทรศัพท์ในการไปรับยาบ้ามาจำหน่าย และโอนเงินเงินค่ายาบ้าเข้าบัญชีเงินที่นายเต้ ให้ไว้  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติดของ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา  ได้แกะรอยเครื่อข่ายยาเสพติดนี้มาระยะหนึ่งแล้ว จึงทำการวางแผนจับกุมเครื่อข่ายดังกล่าวได้ทั้งหมด ส่วนตัวผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่อยู่ในเรือนจำจะดำเนินการขยายผลต่อ ไป
Share:

ตำรวจเมืองกาญจน์รวบตัว"แก๊งหมวกกันน็อค"ปล่อยเงินกู้เก็บดอกโหด


วันนี้ (12 ต.ค.) พล.ต.ต.กมลสันต์ กลั่นบุศย์  ผบก.ตร.ภ.จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านผู้ได้รับความเดือดร้อนว่า มีแก๊งค์หมวกกันน๊อคปล่อยเงินกู้รายวัน และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นแก๊งหมวกกันน็อคจาก จ.อุทัยธานี พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชัยพฤกษ์ หมู่ที่ 8 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.กสส.ภ.จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.เวช พิสูตร รอง ผกก.ฯ และ  พ.ต.ต.กาจภณ ปฐมัง สว.ก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ดำเนินการสืบสวนจับกุมตัวมาดำเนินคดี  โดยขอหมายศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าทำการตรวจค้น จับกุมกลุ่มผู้ต้องหา จนภายหลังสามารถจับกุมตัว นายเจษฎา รจนากิจ อายุ 30 ปี พร้อมกับพวกรวม 11 คน พร้อมของกลางเป็นสมุดบัญชีรายชื่อลูกค้า และสมุดหมายเลขโทรศัพท์ลูกค้า 

โดย พ.ต.ต.กาจภณ ปฐมัง สว.กสส.ภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งหมด 11 คนให้การรับสารภาพว่า  ส่วนใหญ่เป็นคนจ.อุทัยธานี  และรวมตัวมาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ได้ประมาณ 2 ปีเศษ ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้รายวันในเขต อำเภอเมือง ,พนมทวน,กาญจนบุรี, เพราะเห็นว่าจังหวัดกาญจนบุรี มีคนเดือดร้อนเรื่องเงินกู้มาก เลยตามกันมาโดยจะเก็บอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาท ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยปล่อยให้กู้ลูกค้าคนละ 1,000 บาท และเก็บดอกเบี้ยเป็นรายวันวันละ 50 บาท เป็นเวลา 24 วัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,200 บาท เท่ากับคิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาทต่อเดือน บางครั้งก็มีการข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก จึงจับกุมตัวมาดำเนินคดี  พร้อมนำส่ง พนักงานสอบสวน  สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีในข้อหา เรียกเก็บดอกเบี้ยเกิดกว่าที่กฎหมายกำหนด.
Share:

เมือง"สองแคว"คึกคักรับเทศกาลกินเจไม่หวั่นราคาผักแพง


วันนี้ (12 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานเทศกาลถือศีลกินเจของจ.พิษณุโลก ว่า ตามตัวเมืองพิษณุโลกเริ่มประดับธง และป้ายเชิญชวนประชาชนรับประทานอาหารเจ ไปทั่วท้องถนน สำหรับเทศกาลกินเจปีนี้แม้ดูบรรยากาศจะคึกคัก แต่เมื่อสอบถามทางโรงเจพบว่า ปีนี้ จะทำอาหารเจ ให้บริการเท่าเดิม แม้เศรษฐกิจที่ซบเซา และราคาผักที่แพงขึ้น
โดย เจ้าหน้าที่มูลนิธิประสาทบุญสถาน กล่าวว่า ทุกปีทางโรงเจมูลนิธิประสาทบุญสถานพิษณุโลก จะจัดงานกินเจเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลด ละ เลิก บริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์เพื่อสุขภาพ และสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวช่วงประเพณีกินเจ เป็นการสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีกินเจของชาวไทยเชื้อสายจีน และส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย พร้อมทั้งเปิดบริการให้ประชาชนมารับประทานอาหารเจที่มูลนิธิอีกด้วย แต่ในปีนี้แม้ราคาผักที่แพงก็ยังทำอาหารเจในปริมาณเท่าเดิม และอาจเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ต้องดูปริมาณประชาชนที่มารับประทาน
ในส่วนของร้านอาหารเจต่างๆ ก็เริ่มมีการเตรียมหาซื้ออาหาร ผัก และเครื่องปรุง อาหารแห้ง ที่ใช้ในการทำอาหารเจ มาเตรียมไว้จำหน่าย  โดยปีนี้จะทำอาหารหลากหลายชนิดเหมือนเดิม แต่ราคาผักที่แพงขึ้นอาจมีการปรับจำนวนน้อยลงบ้าง แต่ก็ยังจะขายในราคาเท่าเดิม
สำหรับราคาคาผักสดที่วางขายในตลาดร่วมใจ ตลาดสดเทศบาล 6 อ.เมือง จ.พิษณุโลก พบว่า มีผักสดหลายชนิด ได้ปรับราคาสูงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับช่วงปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อาทิ ผักคื่นช่าย จำหน่ายราคากก.ละ 220 บาท จากเดิมจำหน่ายกก.ละ 180 บาท ต้นหอม กก.ละ80 บาท จากเดิมราคากก.ละ 50-60 บาท ส่วนบางตัวได้ปรับราคาขึ้นสูงและขยับราคาลงแล้ว ได้แก่ ผักคะน้า กก.ละ 50 บาท จากเดิมกก.ละ 60 บาท ผักชี ราคากก.ละ 120 บาท จากเดิมราคา กก.ละ 150 บาท แม่ค้าผักสดในตลาดร่วมใจ เปิดเผยว่า ราคาผักที่ปรับขึ้นลงไม่เกี่ยวกับเทศกาลกินเจที่กำลังจะมาถึง
สาเหตุเนื่องจากการผลิตผักออกสู่ตลาดน้อยลง ในช่วงปลายฤดูฝนที่ฝนลงหนัก ผักจากแหล่งผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง เป็นวัฏจักรของราคาผักสดที่เป็นประจำทุกปี หลังจากนี้เมื่อฝนทิ้งช่วงแล้ว ผักจากแหล่งผลิตจะออกสู่ตลาดมากขึ้น และราคาก็จะปรับตัวลดลงต่อไป
Share:

หนุ่มใหญ่เมืองเบียร์สุดดีใจ-พบภรรยายอมเซ็นให้ลูกไปอยู่ด้วย


จากกรณี นายสเตฟาน วาร์กเนอร์ อายุ 42 ปี หนุ่มใหญ่ชาวเยอรมัน อุ้มลูกวัย 1 ขวบคือ ด.ช.อันตอน วาร์คเนอร์ ออกตามหาภรรยา เพื่อให้เซ็นชื่ออนุญาตให้นำลูกชายกลับไปอยู่ต่างประเทศด้วย จนระหกระเหินไปอยู่ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จนตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยทราบข่าวได้เดินทางไปประสานงานกับ สถานทูตเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งนายสเตฟานและลูกกลับไปยังประเทศ เยอรมัน ขณะเดียวกันก็ได้ติดต่อกับภรรยาของนายสเตฟานได้ โดยยินดีที่จะไปเซ็นชื่อให้ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า วันนี้ (12 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจท่องเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ฉัตรามนตรี มหาพชราอรุณใหม่ สว.ทท.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย ร.ต.ต.เอกณกร ธารารมย์ รองสว. และจนท.ตำรวจ ได้รับตัวนายสเตฟาน และลูกชายกลับมาจากสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย โดยได้มีการนำข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงนายสเตฟานและลูก ขณะเดียวกันยังมีพระครูเกษมจันทวิมล หรืออาจารย์แดง เจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา มาทำการปะพรมน้ำมนต์ให้ด้วย  

ร.ต.ต.เอกณกร เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้พานายสเตฟานและลูกไปยังสถานทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เพื่อทำเรื่องกลับประเทศ โดยมีภรรยาของนายสเตฟานที่ได้รับการประสานงานจากตำรวจท่องเที่ยว ไปรอเซ็นชื่อมอบลูกให้นายสเตฟาน โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ แต่ทางสถานทูตแจ้งว่ายังไม่สามารถที่จะนำเด็กกลับไปด้วยได้ เนื่องจากต้องรอให้ศาลมีคำสั่งก่อน ซึ่งระหว่างรอนั้นนายชัช ตลาดไท เจ้าของตลาดนัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับเป็นผู้ดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยเอง นอกจากนี้ตำรวจท่องเที่ยวได้ประสานไปยัง ร.ร.สอนภาษาที่ พัทยา เพื่อขอรับหนังสือเดินทาง ซึ่งก่อนหน้านี้นายสเตฟานอยากที่จะสื่อสารภาษาไทย เพื่อตามหาภรรยา จึงได้ไปเรียนภาษา โดยต้องเสียเงิน 24,000 บาท แต่เงินไม่พอได้นำหนังสือเดินทางไปค้ำเอาไว้ และเอาเงินไปให้ไว้ 10,000 บาท ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวประสานไปแล้ว เพื่อที่จะนำเงินไปจ่ายขอรับหนังสือเดินทางมาให้นายสเตฟาน ซึ่งเป็นเรื่องโชคดีที่ทาง ร.ร.สอนภาษา ได้ยอมที่จะคืนหนังสือเดินทางให้ และไม่คิดเงินที่เหลือ จากนี้ไปก็จะต้องหารือว่าหากศาลมีคำสั่งเรื่องลูกของนายสเตฟานแล้ว จะหาค่าเครื่องบินจากไหนให้กับนายสเตฟานได้กลับประเทศ

ด้านนายสเตฟาน กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่คนไทยมีน้ำใจ โดยเฉพาะตำรวจท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่ช่วยเหลือเต็มที่หากกลับไปแล้ว ก็จะไม่ลืมประเทศไทยและตำรวจไทยเลย นายสเตฟานเปิดเผยถึงชีวิตที่ไม่คาดฝันว่า เดินทางเข้ามาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อปี 2549 เพื่อเยี่ยมคุณตาที่ไม่สบายนอนอยู่ที่รพ.กรุงเทพพัทยา และได้พบกับสาวไทยอายุ 18 ปีแม่ของด.ช.อันตอน และคบหากัน จนกระทั่งคุณตาของตนเสียชีวิต ได้มอบเงินที่เป็นมรดกให้ 11 ล้านบาท ตนจึงนำไปปลูกบ้านให้กับแม่ของภรรยา 2 ล้าน ซื้อรถยนต์ 1.5 ล้านบาท และใช้จ่ายอยู่ในพัทยา จนกระทั่งไปอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี กับภรรยา เมื่อภรรยาคลอดลูกได้ 4 เดือนก็หายไป เงินที่มีอยู่ก็หมดลง จึงถูกแม่ยายไล่ออกจากบ้านพร้อมลูก แล้วไปตามหาภรรยาที่พัทยา จนมาอยู่ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วมาได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว ตอนนี้อยากที่จะกลับบ้านที่เยอรมัน เพื่อพบญาติๆและหาเงินเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดต่อไป
Share:

ม็อบมันมั่นใจศาลรธน.รับคำร้องชะลอโครงการรับจำนำ


วันที่  (12 ต.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้ยกคำร้องกรณีที่อาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ยื่นเรื่องขอให้พิจารณาระงับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลก่อน โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า อยู่นอกเหนืออำนาจศาลและผู้ร้องยังมิใช่เป็นบุคคลซึ่งถูกถูกละเมิดสิทธิ เสรีภาพ อันสืบเนื่องมาจากบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ มาตรา 212
ในส่วนของการเคลื่อนไหวของสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้มีการยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 4 ต.ค. เพื่อให้มีการพิจารณาระงับโครงการรับจำนำมันสำปะหลังของรัฐบาลออกไปก่อนเช่น เดียวกันนั้น นายธีรชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แสดงความมั่นใจว่าในส่วนของการยื่นเรื่องยับยั้งโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ของรัฐบาลนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่วินิจฉัยซ้ำรอยการยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวอย่างแน่นอน เนื่องจากกลุ่มผู้ร้องนั้นเป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อโครงการดัง กล่าว ซึ่งเชื่อว่าในกรณีของโครงการรับจำนำมันสำปะหลังจะต้องมีการพิจารณาให้ชะลอ หรือยับยั้งโครงการจนกว่าโครงการรับจำนำมันสำปะหลังจะมีข้อสรุปที่เกิด ประโยชน์เป็นที่พอใจของเกษตรกรอย่างแน่นอน

นายธีรชาติ เสยกระโทก เลขาธิการสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังยังให้แกนนำเดินหน้าลงพื้นที่ชี้แจงทำ ความเข้าใจกับทางเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั้งทั่วประเทศให้ได้รู้ถึงผล เสียของโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูกาลผลิต ปี 2555/2556 ที่กำลังจะมีการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทางสมาคมเห็นว่าราคารับจำนำมันสำปะหลัง ที่ทางคณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์เตรียมนำเสนอ ครม.นั้นต่ำกว่าราคาท้องตลาด ซึ่งหากมีการเริ่มโครงการรับจำนำแล้วอาจจะเป็นทำให้ผู้ประกอบการโรงแป้งลาน มันถือโอกาสกดราคามันสำปะหลังให้ต่ำลงกว่าที่เป็นอยู่ซึ่งจะส่งผลเสียกับ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง รวมถึงหลักเกณฑ์การจ่ายราคารับจำนำนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายส่วน ซึ่งมองแล้วเป็นการพยายามเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการมากกว่าเกษตรกร

โดยเฉพาะการเพิ่มราคาค่าแปรสภาพมันสำปะหลังให้กับโรงแป้ง แต่กลับปรับลดราคารับจำนำมันสำปะหลังจากโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูกาล ผลิต ปี 2554/2555 ราคารับจำนำเริ่มต้นที่ 2.75 บาทต่อกิโลกรัมและเพิ่มขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ แต่ปีนี้ให้เริ่มต้นที่ 2.5 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่ในปีนี้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรปรับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ดังนั้นทางสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงไม่เห็นด้วยต่อ หลักเกณฑ์การรับจำนำดังกล่าว และยืนยันว่าจะต้องได้ราคารับจำนำเริ่มต้นที่ 2.75 บาท เช่นเดิมเหมือนปีที่ผ่านมาและปรับราคาขึ้นเดือนละ 5 สตางค์ เนื่องจากราคาตลาดปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.80 บาท ต่อกิโลกรัม แต่หากไม่ได้ตามข้อเรียกร้องก็จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยพิจารณาบังคับให้ รัฐบาลชะลอหรือยกเลิกโครงการรับจำนำในปีนี้ไปเสีย แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกคำร้องทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั่ว ประเทศก็จะรวมตัวใช้มวลชนเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป
Share:

ม็อบโรงเหล้าบุกสรรพสามิตภาค3 เหตุไม่จำหน่ายอากร


วันนี้ (12 ต.ค.) ที่ สำนักงานกรมสรรพสามิตภาคที่ 3 เขตเทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อ.เมือง นครราชสีมา นางกรรณลิกา  เชยพุดซา อายุ 38 ปี แกนนำเครือข่ายผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชนตำบลพุดซา อ.เมือง นครราชสีมา พร้อมผู้ประกอบการ ฯ และตัวแทนคนงานโรงงานผลิตสุรา จำนวนกว่า 150 คน รวมตัวกันประท้วง กรณีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตในพื้นที่ ไม่จำหน่ายอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยอ้างว่าต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพน้ำสุราจากเจ้าหน้าที่เสียก่อน ตามนโยบายของผู้อำนวยการสรรพสามิตภาคที่ 3 ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับความเดือดร้อน ทำให้ผลิตภัณฑ์สุรา ที่ผลิตในวันนี้ จำนวนกว่า 1 แสนขวด ไม่สามารถนำส่งจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

โดยกลุ่มผู้ชุมนุม รวมกลุ่มกันยืนถือป้ายข้อความ โจมตีกรมสรรพสามิต นอกจากนี้มีบรรดาแนวร่วมเครือข่าย ฯ ส่วนหนึ่งพยายามปีนป่ายข้ามรั้วประตูเหล็กบริเวณทางเข้าด้านหน้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสำนักงาน ฯ ได้ปิดไว้  ตลอดเวลา ต่อมานางนันทรา  อินเงิน ผู้อำนวยการ สนง.กรมสรรพสามิตภาคที่ ได้เชิญตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวน 10 คน เข้าประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขปัญหา

ด้าน นางกรรณลิกา  เชยพุดซา แกนนำเครือข่ายผู้ประกอบการ ฯ เปิดเผยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ว่า แรกเริ่มรัฐบาลได้มีนโยบายให้เปิดเสรีสุราชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้ ปัจจุบัน ในพื้นที่ตำบลพุดซา อ.เมือง นครราชสีมา มีผู้ประกอบการผลิตสุราขาว 40 ดีกรี จำนวน 50 ราย แต่ละรายมีการจ้างแรงงานไม่ต่ำกว่า 10 คน ดำเนินกิจการมานานกว่า 10 ปี กำลังผลิตเฉลี่ยวันละ 1 แสนขวดต่อวัน ที่ผ่านมามีการสุ่มตรวจคุณภาพจากกรมสรรพสามิตมาโดยตลอด  จนกระทั่งวันนี้บรรดาผู้ประกอบการ ไม่สามารถซื้ออากรแสตมป์ได้ตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า ต้องผ่านการตรวจมาตรฐานเครื่องตรวจวัดคุณภาพน้ำสุราของกรม ทั้งที่ได้มีการผลิตสุรามาก่อนหน้าแล้ว และ ก่อนหน้าก็มีการสุ่มตรวจอยู่เป็นระยะ จึงทำให้ไม่สามารถนำสุราออกจำหน่ายได้ และเกิดความเดือดร้อนขึ้นจะรวมตัวประท้วงดังกล่าว

ด้านนางนันทา อินเงิน  ผอ.สนง.สรรพสามิตภาคที่ 3 กล่าวชี้แจงว่า สาเหตุเกิดจาก เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจในการรับมอบนโยบายเกี่ยวกับเรื่องเงื่อนไขการจัด จำหน่ายอากรแสตมป์ คลาดเคลื่อน ซึ่งขณะนี้ได้ชี้แจงให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันแล้ว และให้ขายอากรแสตมป์ให้ผู้ประกอบการไปก่อน
อย่างไรก็ตามจากการสำรวจโรงงานกลั่นสุรากว่า 100 แห่ง ใน จ.นครราชสีมา พบว่าในพื้นที่ ต.พุดซา อ.เมือง นครราชสีมา ซึ่งเป็นแหล่งโรงงานกลั่นสุราชุมชนที่ใหญ่ที่สุด ยังมีโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานคุณภาพตามที่กำหนด จำนวน 10 แห่ง ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งให้ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามระเบียบ

ต่อจากนี้ไปจะมีการกวดขันตรวจสอบคุณภาพน้ำสุราของผู้ประกอบการ ให้ได้มาตรฐาน หากไม่ได้มาตรฐาน จะไม่มีการจำหน่ายอากรแสตมป์อย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของสรรพสามิตภาคที่ 3 นั้นได้กำหนดเงื่อนไข มาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมผู้ประกอบการมีการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้บริโภคด้วย มิได้จ้องแสวงหาข้อผิดพลาดจากผู้ประกอบการ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องแต่อย่างใด เบื้องต้นได้บรรเทาปัญหาโดยเปิดจำหน่ายอากรแสตมป์ให้ผู้ประกอบการตามปกติ  เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับทราบข้อมูล และผลการประชุม ก็ต่างพึงพอใจ และพากันแยกย้ายเดินทางกลับด้วยความเรียบร้อย ไม่มีความรุนแรง หรือความวุ่นวายแต่อย่างใด
Share:

นายกสมาคมภริยาทหารเรือรับมอบ"อีเอ็มบอล"ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย


วันนี้ (12 ต.ค. 55) ที่ทำการสมาคมภริยาทหารเรือ กรุงเทพ ฯ นางพรจิตต์ หรุ่นเริงรมย์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ รับมอบ EM Balls และ น้ำหมักชีวภาพ จำนวน 750 ชุด จากพลเรือตรี นพดล สุภากร ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
ภายหลัง พลเรือตรี นภดล สุภากร ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ กล่าวว่า ประเทศไทยมีภาวะฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ในเดือน ก.ย.55 ที่ผ่านมานั้น ทำให้หลายพื้นที่ของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน เกิดฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เนื่องจากการระบายน้ำในหลายพื้นที่มีปัญหา ประชาชนเกิดความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง กลายเป็นน้ำเน่าเสียเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มีผลจากภาวะน้ำเน่าเสีย นางพรจิตต์ หรุ่นเริงรมย์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้ทราบความเดือดร้อนของครอบครัวกำลังพลของกองทัพเรือ ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ขอรับการสนับสนุน EM Balls และน้ำหมักชีวภาพ จากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ ต.บ้านพลับ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างเร่งด่วน
Share:

Disqus Shortname

Comments system

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 095-954-4524

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Post Top Ad

คลังบทความของบล็อก

Author Details

Menu - Pages

Business

Random Posts

Recent

Popular

Blog Archive