ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
www.becomz.com

  • ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ รามคำแหง

    ซ่อมคอมถึงบ้าน,ซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงบ้าน,ซ่อมคอมนอกสถานที่,ซ่อมคอมพิวเตอร์ นอกสถานที่,วางระบบอินเตอร์เน็ต,วางระบบแลน,ระบบเน็คเวิร์ค,เขียนโปรแกรมเว็บไซด์,ดูแลคอมพิวเตอร์แบบรายเดือน-รายปี,พร้อมบริการด้านไอทีจ่าย. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • หากคุณกำลังมองหาสถานที่ รับซ่อมคอมถึงที่

    ราคือหน่วยรับซ่อมคอมพิวเตอร์ถึงที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน บริษัท ห้าง ร้าน สถานสงเคราะห์ โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ เราจะไปบริการซ่อมให้ในราคาสุดประหยัด ถูกกว่ายกไปซ่อมที่ห้างหรือร้านซ่อมแน่นอน เนื่องจากทางร้านของเราไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ จึงสามารถลดต้นทุนในส่วนนี้ได้. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • www.becomz.com ให้บริการถึงที่

    บริการซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ โดยไม่ต้องยก เครื่องคอมให้เหนื่อย หรือ เสียเวลา การทำงานของคุณ เรา คือ ทางออกสำหรับคุณ ที่จะไป บริการถึงบ้าน ที่บ้าน หรือ อ๊อฟฟิต ( office ) และ คอนโด อาพาทเม้น ทุกสถานที่ พร้อม ทั้ง ให้ บริการซ่อมคอมพิวเตอร์ 24 ชั่วโมง สำหรับ ลูกค้าบางท่านที่สะดวก. สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • ค่าบริการ

    – ซ่อมโปรแกรม แก้ปัญหาด้านโปรแกรมทั่วไป เครื่องละ 500 บาท – เเละลง Driver 300 บาท รวมกับ ซ่อมปกติเป็น 700 บาท – อะไหล่เสีย จะแจ้งราคาอะไหล่ก่อนซ่อม (ลูกค้าสามารถจัดหาอะไหล่เองได้) เพื่อความมั่นใจ ซ่อมเสร็จเรารับประกันซอฟเเวร์ 7วัน พร้อมให้คำแนะนำ และบริการหลังซ่อม ตลอดการรับประกันน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

  • รับซ่อมทุกปัญหา โทรมาคุยกันก่อนได้ครับ

    – บริการอัพเกรดเครื่อง แก้ปัญหาเครื่องช้า รวนบ่อย ค้างบ่อย – บริการติดตั้ง แก้ปัญหา ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบแลน-อินเตอร์เน็ต – บริการลงวินโดว์, ลงโปรแกรม, แก้ไวรัส, แก้ปัญหาต่างๆ – บริการฝากซ่อม-เคลม อะไหล่คอมฯ และสินค้าไอที ทุกชนิด – บริการจัดสเป๊คเครื่อง จัดชุดคอมมือ1-2 พร้อมใช้งาน ติดตั้งให้ถึงที่ .สนใจติดต่อ 095-954-4524

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แจ้งจับครูกระทำอนาจารเด็กชาย


วันนี้(10 ต.ค.) นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ชาวบ้าน  อ. แสวงหา จ. อ่างทอง   พาลูกชาย ด.ช.บี   (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อ่างทอง เข้าร้องทุกข์กับ พ.ต.อ. ชูเดช กองกันภัย รองผบก. ภ.จว. อ่างทอง ว่าถูกครูชายคนหนึ่งในโรงเรียนดังกล่าวทำอนาจาร  โดยมีนายนันทภพ  เคหา รอง ผอ.สพป.อ่างทอง มารับฟังเรื่องร้องทุกข์ด้วย
ด.ช.บี เล่าว่า เมื่อตอนอยู่ ป. 6 ในช่วงพักเที่ยงครูคนดังกล่าวได้เรียกเข้าไปห้องดนตรีและได้จับอวัยวะเพศ กระทำอนาจาร จากนั้นได้ปล่อยออกจากห้อง ทำให้อายไม่ได้บอกกับผู้ปกครอง กระทั่งมีเด็กนักเรียนแจ้งความดำเนินคดีกับครูคนนี้ หลังถูกกระทำคล้ายๆกัน ประกอบกับถูกผู้ปกครองเค้นความจริงจึงบอกว่าถูกกระทำเหมือนกัน ผู้ปกครองจึงได้พามาแจ้งความดำเนินคดี ทั้งนี้ตนเองถือเป็นคนที่สามแล้ว ที่แจ้งดำเนินคดีกับครูคนนี้

ด้าน นางเอ  กล่าวว่า ลูกชายเป็นคนไม่ค่อยพูดจึงไม่รู้เรื่องอะไร ซึ่งตนเองได้รู้ข่าวจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนอื่นว่า ลูกชายถูกครูกระทำอนาจารและเข้าแจ้งความดำเนินคดี จึงได้มาเค้นกับลูกชาย กระทั่งยอมเล่าเรื่องให้ฟัง ก่อนพาเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี เพื่อจะได้ไม่ไปทำกับเด็กนักเรียนอีก 
       
ขณะที่ นายนันทภพ  รอง ผอ.สพป.อ่างทอง กล่าวว่า เดินทางมาเพื่อรับฟังเรื่องกล่าวหาเพิ่มเติมที่เด็กนักเรียนมาแจ้งความ ดำเนินคดีกับครูคนนี้เป็นรายที่ 3แล้ว  ซึ่งทาง สพป.อ่างทอง ได้มีคำสั่งให้ครูคนที่ถูกแจ้งความไปช่วยราชการที่ สพป.อ่างทอง ตั้งนานแล้ว และได้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับครูด้วย เนื่องจากเด็กนักเรียนหลายคนที่ถูกกระทำ โดยทาง สพป. อ่างทอง  คาดว่าผลการสอบวินัยร้ายแรงก็จะรู้ในสัปดาห์หน้า
        
ส่วน พ.ต.อ. ชูเดช กล่าวว่า  เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. สีบัวทอง รับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ผู้เสียหายเยาวชน จึงต้องเรียกสอบภายหลังเพราะต้องเชิญ อัยการและอีกหลายหน่วยงานมาสอบพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง กรณีนี้มีเด็กนักเรียนที่ถูกกระทำหลายคนและได้ทยอยมาแจ้งความซึ่งรายนี้เป็น รายที่ 3 ที่เข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนรายแรกได้เข้าแจ้งความตั้งแต่ วันที่ 13 มิ.ย. แล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพยานไปหลายปาก พร้อมแจ้งข้อหากับครูไปแล้วว่า กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งครูคนดังกล่าวได้เข้ามอบตัวแล้วประกันตัวออกไปโดยปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา
   
Share:

หนุ่มพม่าลักทรัพย์หาเงินเลี้ยงลูก



วันนี้ ( 11 ต.ค.)  พ.ต.ท.พิพัฒน์ นาระเดช สว.สส.สภ.ช้างเผือก พร้อมกับพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัว นาย สาย  อายุ 20 ปี สัญชาติพม่า พร้อมด้วยของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง พร้อมด้วยเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บริเวณสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
 โดยการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ทางเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าได้มีกลุ่มมิจฉาชีพ มาแฝงตัวเพื่อก่อเหตุลักทรัพย์ โดยการงัดเบาะรถเพื่อเอาทรัพย์สินของผู้ที่มาออกกำลังกายที่สนามกีฬาเทศบาล นครเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าติดตามจนพบว่า ผู้ต้องหาคือนายสาย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังติดตามตัวนายสายจนทราบว่า ในช่วงเช้า จะทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไป แต่ช่วงเย็นจะคอยตระเวนตามเขตสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่เพื่อคอยดูจังหวะ เมื่อสบโอกาสจะตรงเข้าไปลักทรัพย์สินที่ผู้มาออกกำลังกายได้ซ่อนไว้ใต้เบาะ รถ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุมตัวเพื่อนำตัวมาสอบสวนยัง สภ.ช้างเผือก

จากการสอบสวน นายสายได้ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยจะนำทรัพย์สินที่ได้ ไปขายยังร้านขายมือถือย่าน ตำบลสันกำแพง เพื่อนำเงินไปเลี้ยงลูกน้อย วัย 6 เดือน ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง ส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Share:

ทึ่ง!สาวตายแล้วฟื้น 2 ครั้งซ้อนก่อนหลับไหลถาวร


วันนี้(10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่าที่บริเวณมัสยิด หมู่ที่ 1 ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทอง มีคนตายแล้วฟื้นขณะกำลังจะทำพิธีฝังศพ หลังรับแจ้งรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านกำลังยืนดูศพนางฟาติม๊ะ  เดชพงษ์ อายุ 48 ปี ชาว จ.สิงห์บุรี บ้างก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางส่วนก็ทำพิธีอาบน้ำทำความสะอาดศพก่อนจะทำพิธีฝัง       
สอบถามนางลิดา   เดชพงษ์  อายุ 66 ปี พี่แฟนของผู้ตาย  กล่าวว่า ผู้ตายป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลลพบุรีมานานเนื่องจากป่วยเป็นโรคเบา หวาน  ความดัน  หัวใจ คืนที่ผ่านมา ประมาณ 04.00 น. ทางแพทย์โรงพยาบาลลพบุรีได้แจ้งว่านางฟาติม๊ะ  ได้หมดลมหายใจแล้ว ทางญาติจึงให้ทางโรงพยาบาลทำการถอดสายออกซิเจนออก แต่ระหว่างที่พยาบาลกำลังถอยสายอ๊อกซิเจนออกนางฟาติม๊ะ  กลับฟื้นหายใจเอง ทำให้พยาบาลที่กำลังถอดสายอ๊อกซิเจนถึงกับตกใจ แต่สักพักไม่กี่นาทีนางฟาติม๊ะ  ก็กลับหมดลมหายใจตายไปอีก  ญาติจึงทำเรื่องนำศพออกจากโรงพยาบาลลพบุรีและนำขึ้นรถมาเพื่อจะนำมาฝังที่ สุเหร่าใน ต.ชะไว
แต่เวลาประมาณ 11.00 น. ระหว่างที่เดินทางมาถึง จ.สิงห์บุรีใน ต.บ้านแป้ง จู่ๆนางฟาติม๊ะ  กลับพื้นขึ้นมาหายใจเองลืมตาได้ ทางญาติจึงนำนางฟาติม๊ะ  มาที่สุเหร่า จากนั้นชาวบ้านและญาติๆต่างช่วยกันบีบนวด  และนำน้ำหวานให้นางฟาติม๊ะ ดื่ม ซึ่งนางฟาติม๊ะ  ก็ดื่มไปได้เกือบ 1 แก้ว จนญาติๆต่างดีใจ แต่สุดท้ายในเวลาประมาณ 13.00 น. นางฟาติม๊ะ  ก็หมดลมหายใจไปอีก แล้วไม่มีทีท่าฟื้น ญาติๆจึงทำพิธีฝังศพในที่สุด
ด้านนางลัดดาวัลย์  ทาษร  อายุ 51 ปี เพื่อนบ้านนางฟาติม๊ะ  และอยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า  เป็นเรื่องน่าแปลกมากจู่ๆนางฟาติม๊ะ  ก็ตายแล้วฟื้นถึง 2 ครั้ง ตอนที่ฟื้นก็อยู่ด้วยเนื้อตัวที่แข็งกลับนิ่มเหมือนคนปกติ ที่สำคัญตนเองเป็นคนให้น้ำหวานให้นางฟาติม๊ะ  ดื่มเอง ซึ่งก็ดื่มตามปกติ แต่ไม่พูดเท่านั้น จากนั้นก็หมดลมหายใจไป.
Share:

ตำรวจจ่อแจ้งข้อหา "หมอสุพัฒน์" เพิ่ม


วันนี้(10ต.ค.) พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธุ์ รองผบช.ภ.7 ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวกับหมอสุพัฒน์ หลังพบศพ 3 โครงในไร่หมอและยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับ 2 สามีภรรยาที่หายไปและไปพบรถยนต์ที่บ้านหมอสุพัฒน์ โดยทางญาติเชื่อหมอสุพัฒน์ อยู่เบื้องหลังนำมาซึ่งการขอหมายศาลเข้าขุดค้นในไร่หมอรวม 12 ครั้ง มีการแจ้งความดำเนินคดีหมอสุพัฒน์ เบื้องต้น 3 คดี คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ขาดอิสรภาพ ลักทรัพย์หรือรับของโจร และมีอาวุธและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมี พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รองผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก พร้อมพนักงานสอบสวนร่วมชี้แจงความคืบหน้า นอกจากนั้นยังได้มีการนำนายซอเงเล หรือ โหย่ง อายุ 24 ปี คนงานชาวพม่า พยานอีกรายมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่งจึงเสร็จสิ้น

ต่อมา พล.ต.ต.วิทยา พร้อมกำลัง ได้นำตัวนายโหย่ง ที่รอดตาย และขณะนี้ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่งย่าน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ มาชี้จุดที่เกิดเหตุระหว่างนายโหย่งกับหมอสุพัฒน์ โดยเริ่มตั้งแต่จุดที่หมอสุพัฒน์ให้คนงานมาพาตัวนายอีต้าหรือต้า จากห้องพักซึี่งนายโหย่งพักอยู่ด้วย จากนั้นจึงไปยังบริเวณคอกวัวเป็นจุดที่นายกะละเอาผ้ามัดคอนายโหย่งและให้นอน คว่ำหน้าที่พื้นคู่กับนายต้า ระหว่างนั้นนายกะลาเอาไม้ทุบตีทั้ง 2 คนจนสลบ โดยมีหมอสุพัฒน์ยืนถือปืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ เมื่อนายโหย่งฟื้นได้สติจึงรีบวิ่งไปในไร่
        
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า การนำตัวนายโหย่ง มาวันนี้เป็นการชี้จุดประกอบคำให้การซึ่งเราต้องการให้ยืนยันสอดคล้องกับคำ ให้การ เพราะเหตุเกิดขึ้นมาหลายปี เราเกรงว่าเขาจะสับสน เดี๋ยวให้การแล้วไม่ตรงข้อเท็จจริง และใครอยู่ตรงไหน อย่างไร จากการที่ดูแล้วตามที่นายโหย่งพูดมาทั้งหมดก็เชื่อว่าตรงตามสถานที่เกิดเหตุ ในรายละเอียดของสำนวน ทั้งนี้หลังจากที่ตำรวจสอบปากคำเขาทั้งคืนกับวันนี้แล้วนายโหย่งก็ยืนยันว่า ในขณะเกิดเหตุเขากำลังหลับอยู่ แล้วก็โดนปลุกออกมา จากนั้นจึงโดนรัดคอ แล้วก็็โดนพยายามฆ่า โดยหมอสุพัฒน์กับพวก ซึ่งในกระบวนการการดำเนินคดีนั้นตำรวจต้องดำเนินการต่อไปเพราะเขาเป็นผู้ เสียหายรวมถึงผู้เสียหายรายอื่นๆ อีกซึ่งเป็นญาติผู้ตายที่เราโครงกระดูก เพราะผลการตรวจของแพทย์ก็ยืนยันแล้วว่าเป็นใคร โดยตำรวจจะได้ดำเนินการต่อไป ตอนนี้ทางตำรวจพยายามเคลียร์ทุกอย่างให้คลายข้อสงสัย แล้วจะทำอะไรก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลด้วย สำหรับการดำเนินคดีของหมอ สุพัฒน์นั้น เมื่อรวบรวมรายละเอียดและสอบปากคำเรียบร้อย ตำรวจจะแจ้งข้อหาหมอสุพัฒน์และพวก ซึ่ง 1 ในนั้น คือนายกะลา เพิ่มเติมคือ ฆ่าคนโดยเจตตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันฆ่าผู้อื่น
      
ด้าน พล.ต.ต.พีรชาติ. รื่นเริง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี กล่าวถึงกรณีที่ลูกชายหมอสุพัฒน์ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนทีมพนักงานสอบสวนทั้ง คณะโดยเฉพาะ พ.ต.อ.พิชัย. ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก ว่าเรื่องนี้แล้วแต่ทางผู้บังคับบัญชา ถ้าต้องการเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ เราไม่ติดใจอะไร ที่ผ่านมาเราให้ความเป็นธรรมที่สุดแล้ว ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนชุดนี้ก็ทำงานดี ทุกคนให้ความเป็นธรรม ทำตามหลักฐานจริง ๆ แต่อยู่ที่คนมองมุมไหน เรารับฟังพยานหลักฐานทุกอย่างแม้แต่พยานฝ่ายของหมอ ถ้าอ้างมาเราก็รับฟัง และมารวบรวมทั้ง2ฝ่ายและพิจารณาว่าเป็นอย่างไร เราทำงานเป็นทีมเป็นคณะไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง จะเอนเอียงทั้งทีมก็เป็นไปไม่ได้ และยังมีผู้บังคับระดับสูงมาติดตามดูตลอด
      
ส่วน พ.ต.อ.พิชัย กล่าวว่า หากจะต้องมีการเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนใหม่จริง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา ไม่มีปัญหาอะไรที่ผ่านมาก็ทำงานให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายและเคียงข้างประชาชน
      
ส่วนบรรยากาศในไร่หมอสุพัฒน์เป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังตำรวจได้ยุติการค้นหาศพ 2สามีภรรยา ที่คาดว่าจะถูกฝังหรือซ่อนอยู่ในไร่ มีม้าที่หมอเลี้ยงไว้เดินกินหญ้าไปทั่วบริเวณ ทางเข้าถูกปิดด้วยไม้ไผ่
Share:

คนร้ายบุกงัดบ้านผอ.กวาดทรัพย์สินนับล้านบาท


เมื่อเวลา 00.10 น. วันนี้(11 ต.ค.) ร.ต.ท.ธเนตร วงษ์ปลิง ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านพักเลขที่ 49/49 หมู่ 1 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก ของ ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 หลังจากรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เดชชาติ วัฒนพนม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ที่เกิดเหตุพบ ดร.บุญรักษ์  และครอบครัว ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพบว่าคนร้ายได้งัดหน้าต่างหลังบ้าน เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินภายในห้องนอน และห้องพระจนพระเครื่องกระจัดกระจาย พร้อมทั้งได้ลากตู้เซฟ ที่อยู่ในห้องพระ มาเปิดบริเวณกางบ้านชั้นสอง กวาดทรัพย์สินสิ่งของมีค่าภายในตู้เซฟไปทั้งหมด ประกอบไปด้วยสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทองหนัก 4 บาท ชุดสร้อยข้อมือ คอ ฝั่งเพชร หนัก 5 บาท สร้อยทองสุโขทัย หนัก 4 บาท สร้อยคอพระเสน่ห์จันทร์เลี่ยมทองหนัก 5 บาท และพระนางพญา หนัก 2 บาท แหวนบุศราคัมล้อมเพชร 1 วง แหวนทองทับทิม 1 วง แหวนทองเหลืองล้อมเพชร 1 วง พระเครื่องอินโดจีนเลี่ยมทอง 3 องค์ และสิ่งของมีค่าภายในตู้เซฟอีกหลายรายการ
นอกจากนี้คนร้าย ยังได้ตัดระบบบันทึกกล้องวงจรปิดภายในบ้านติดมือไปด้วย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่สูญหายกว่าล้านบาท ภายในบ้านยังพบรอบรองเท้าของคนร้ายเดินไปรอบบ้านทิ้งไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย
จากการสอบถามดร.บุญรักษ์  ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตน และครอบครัวได้ไปร่วมงานเลี้ยงทีมงานในการจัดงาน Child Show 2012 ที่เซ็นทรัล สาขาพิษณุโลก หลังจากนั้นก็ได้กลับมาบ้าน ปรากฏว่าคนร้ายได้งัดบ้านมารื้อค้นสิ่งของมีค่าไปดังกล่าว จากนั้นจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบทันที ด้าน พ.ต.อ.เดชชาติ วัฒนพนม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนที่รู้จัก หรือ อยู่ในละแวกบ้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากทราบว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่หรือเข้าออกช่วงไหน เนื่องจากคนร้ายมีเวลาในการลักทรัพย์สินอย่างมาก โดยเฉพาะตู้เซฟ ที่ต้องใช้เวลาเปิดไม่ต่ำกว่าชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถลักเซิฟเวอร์ที่อยู่ในห้องทำงานไปได้อีกด้วย เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และต้องช่วยกันก่อเหตุลักทรัพย์สินดังกล่าว หลังจากเกิดเหตุตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตรวจสอบรอบบ้านที่ เกิดเหตุ พร้อมทั้งให้ชุดวิทยาการมาตรวจสอบหารอยนิ้วมือของคนร้ายรายนี้ต่อไป.
Share:

รอง.ผบ.ตร.พร้อมคณะเยี่ยมชมกิจการตร.แห่งชาติแคนนาดา


วันนี้( 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป.และคณะ เดินทางเข้าพบ อธิบดีบ็อบ พอลสัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแคนนาดา ที่อาคารรัฐสภา กรุงออตตาวา ประเทศแคนนาดา จากนั้นได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติแคนนาดา ที่กรุงออตตาวา ระหว่างวันที่ 1-12 ต.ค. เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งเรียนรู้วิธีการสืบสวนสอบสวนแนวใหม่ พร้อมกันนั้นได้มีการประสานความร่วมมือในการทำงานระหว่างตำรวจของทั้งสอง ประเทศอีกด้วย
Share:

ลูกชาย"หมอสุพัฒน์" ร้องผบ.ตร. ขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวน


วันนี้(10 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเอก เลาหะวัฒนะ ลูกชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปของสามี-ภรรยา เจ้าของไร่สับปะรด จ.เพชรบุรี ได้เดินทางยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้เปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนสืบสวน ในคดีของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ โดย มีพ.ต.ท.เชาวลิต พงศ์ เฟื่องประยูร สว.ฝอ.สลก.ตร.เป็นผู้รับหนังสือ

นายเอก กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนพยายามแสวงหาข้อหาโดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์ว่ามีการ กระทำความผิดเลย และที่ผ่านมาไม่ได้ออกมาให้ข่าวหรือให้ข้อมูลใดๆ เหมือนโดนอยู่ฝั่งเดียว ไม่ได้รับความยุติธรรมในการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน

นายเอก กล่าวอีกว่า ที่มายื่นหนังสือวันนี้ก็เพื่อให้มีการสอบปากคำพยานเพิ่มที่เกี่ยวข้องทุก ปาก ทั้งตนเอง ผู้ถูกกล่าวหา และพยานอื่นๆ ให้ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของเจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ชุดสืบสวนสอบสวน สภ.ท่าไม้รวก พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก และขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ อยากให้พนักงานสอบสวนในส่วนกลางมาทำคดีแทน อาจจะเป็นกองปราบปรามหรือหน่วยไหนก็ได้แล้วแต่ทาง ผบ.ตร. จะพิจารณา

นายเอก กล่าวอีกว่า  สำหรับคลิปของย่ากับพ่อที่เผยแพร่ออกมาซึ่งแสดงความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อ กับย่านั้น ก็เพื่อให้สังคมเห็นในแง่มุมอีกแง่หนึ่งว่าจริงๆแล้วพ่อกับย่ามีความ สัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อยากให้นักข่าวนำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงไม่เบี่ยงเบนประเด็น ตอนนี้พ่อก็สุขภาพดี โรคเบาหวานก็รับประทานยาตามปกติ มีกังวลเรื่องข่าวที่ิิออกมาบ้างในส่วนข้อมูลอื่นๆ ตนเองก็ไม่ทราบ เรื่องประกันตัวพ่อ ก็ดำเนินการอยู่ แต่ศาลยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว
Share:

แกนนำแดงยื่นดีเอสไอสอบ "อภิสิทธิ์" ทุจริต-ก่อการร้าย


วันนี้( 10 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ต.เสงี่ยม  สำราญรัตน์  แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาก่อการร้าย โดยมี พ.ต.ท.วรรณพงษ์  คชรักษ์  ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร เป็นผู้รับหนังสือ
โดยพ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าวว่า  ตรวจสอบข้อมูลพบว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ใช้อำนาจในการลงนามเห็นชอบโครงการระบบขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน อันเป็นประโยชน์สาธารณะขัดกับโครงข่ายระบบรางรถไฟ ที่ผูกพันตามกฎหมายตามสนธิสัญญาเวียนนาต่อประเทศไทย ซึ่งต้องการให้มีการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าระบบรางภายในประเทศภาคีสมาชิกอาเซียน ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาระบบให้เทียบเท่าประเทศอื่น เช่น การอนุมัติก่อสร้างถนนโลว์เคิล โรด ซึ่งถือเป็นการขัดขวางการพัฒนารถไฟความเร็วสูง  การอนุมัติให้มีการศึกษาโครงการรถไฟฟ้ามูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการอนุมัติเพื่อทำให้การสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดำเนินการช้าลง  ทั้งที่โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเคยมีการศึกษามาก่อนแล้ว  ดังนั้น จึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบและดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เบื้องต้นเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายก่อการร้ายและทุจริต
   
Share:

"สุเทพ" เบิกความยันกี้ร์ใส่ร้ายมาร์ค


วันนี้(10 ต.ค.) ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  ศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์ คดีหมายเลขดำ อ.4177/2552 ที่นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 , 332 
       
โดยวันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  อดีตรองนายกรัฐมนตรี  เบิกความสรุปว่า ที่จำเลยประกาศชัยชนะหลังจากบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรีนั้น ได้รับมอบหมายจากนายจักรภพ เพ็ญแข ตามแผนการที่วางไว้ เพื่อทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี  ต่อมาในวันที่ 12 เม.ย.52 กลุ่มนปช.ได้บุกยึดพื้นที่ตามแยกต่างๆในกทม. เผารถแท็กซี่ เผารถประจำทาง ทำให้สถานการณ์วุ่นวาย และยังปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย ทุบกระจกรถที่นายอภิสิทธิ์นั่งอยู่ด้วย  ส่วนการแก้ปัญหาก่อจลาจลในพื้นที่กทม.นั้น ตนกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง และไม่ใช้อาวุธต่อประชาชน อนุญาตให้ใช้แค่โล่กับกระบอง ซึ่งเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชนตามมาตรฐานสากลเท่านั้น
         
สำหรับกรณีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประชุมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารไปฆ่า ประชาชน ตามที่มีคนเอาคลิปเสียงมาแสดงเผยแพร่นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีการประชุมดังกล่าว ซึ่งในเรื่องนี้พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เคยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าไม่มีการสั่งฆ่าประชาชนจากโจทก์แต่อย่าง ใด นอกจากนี้หลังจากส่งคลิปเสียงให้หน่วยงานทั้งของรัฐบาลและเอกชนตรวจสอบแล้ว ผลออกมาตรงกัน คือ เกิดจากการตัดต่อตกแต่ง    ส่วนข้อกล่าวหาว่าโจทก์และรัฐบาลของโจทก์ กู้เงินมาโกงนั้น ก็เป็นเท็จ ความจริงคือรัฐบาลโจทก์กู้เงินมาเพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น สร้างโรงพยาบาล , ถนน สำหรับ การร้องเรียนว่าในโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ซึ่งเริ่มจากรัฐบาลชุดก่อน มีการทุจริต โจทก์ ได้สั่งให้มีการสอบสวน จนยุติโครงการในสมัยโจทก์เป็นนายกฯไปแล้ว
         
สำหรับข้อกล่าวหาที่จำเลยใส่ร้ายว่า โจทก์ปล้นอำนาจจากประชนนั้น  ขอยืนยันว่า จำเลยพูดไม่เป็นความจริง เพราะโจทก์เป็นนายกฯที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากสภา ตามวิถีทางประชาธิปไตย เช่นเดียวกับนาย สมัคร สุนทรเวช และนาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกทั้งการปราศรัยของจำเลย ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่ มีเจตนาใส่ร้ายให้ประชาชน เข้าใจผิด และเพื่อปลุกระดมให้ลุกมาต่อต้านรัฐบาลของโจทก์  พยานเบิกความเรื่องอื่น ๆ แล้วเสร็จ ศาลจึงนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 16 -18 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
Share:

ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯเผย"ในหลวง"ทรงแจ่มใส


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ณ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ ชั้น 3 อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาลศิริราช สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธานจัดงานหารายได้วันมหิดล ทรงบันทึกแถบวีดิทัศน์ในรายการพิเศษเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องใน “วันมหิดล” ประจำปี 2555 ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ในฐานะรองประธานคณะกรรมการจัดงานหารายได้ และนายวุฒิธร มิลินทจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการกราบทูลขอพระราชทานสัมภาษณ์
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระราชทานสัมภาษณ์ในคำถามแรกเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์เองว่า พระอาการของข้าพเจ้าขณะนี้ดีขึ้นมากแล้ว สามารถเดินได้ดี เวลาเดินบนเครื่องที่ออกกำลัง หรือเวลาเดินไกล ๆ ยังเจ็บตรงที่ผ่าตัดอยู่ คุณหมอหมอจึงแนะนำว่า ถ้าเจ็บให้ประทับวีลแชร์ แต่ก็เดินได้ดี ส่วนการทรงงานที่พระองค์ทรงเป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งแม่ และเป็นทั้งลูก มีการแบ่งเวลาอย่างไร พระองค์ทรงรับสั่งว่า เราต้องพิจารณาเอง ดูไปแต่ละวันว่าหน้าที่อะไรสำคัญ ก็ต้องทำหน้าที่อันนั้นก่อน ทุกวันหน้าที่อาจจะไม่เหมือนกัน เพราะว่าบางวันต้องไปสอนหนังสือ บางวันอาจจะต้องไปออกหน่วยแพทย์ พอ.สว. บางวันก็ต้องไปดูแลคนไข้ แล้วแต่ว่าวันไหนมีงานอะไร จะเอางานมาเรียงลำดับความสำคัญ แต่ต้องยอมรับว่า ทั้งวันตารางการทำงานก็แน่นเหมือนกัน หาเวลาว่างไม่ค่อยจะมี
ส่วนคำถามที่ว่าทรงมีวิธีอย่างไรในการแก้ไขปัญหาและการปล่อยวางในชีวิต พระองค์ทรงรับสั่งว่า เราแก้ไขได้แต่การปล่อยวาง ถ้าสมมุติว่าถึงเวลาจะนอนแล้ว แต่ยังมีปัญหามากมาย เราก็ต้องบอกตัวเองว่าเวลานี้เป็นเวลานอนไม่ใช่เวลาแก้ไขปัญหา ฉะนั้นเราต้องปล่อยวางไว้ก่อน เราต้องนอนหลับพักผ่อนก่อน พอวันรุ่งขึ้นเราก็ค่อยมาแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันยังทรงแนะนำเกี่ยวการใส่ใจในการทำงาน เช่น การฝึกซ้อมกู่เจิงจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากก็ได้ แต่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเวลาเราทำงานอะไรก็ตามต้องมีสมาธิแน่วแน่ในการทำสิ่งนั้น ๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก ใช้เวลาน้อยอย่างมีสมาธิก็จะทำให้งานที่ออกมามีคุณภาพกว่าเวลาที่เรามีสมาธิ กระเจิดกระเจิงไปไหนไม่รู้ ดังนั้นการทำอะไรต้องมีสมาธิ
จากนั้นทรงตอบคำถามเกี่ยวกับการจัดงานวันมหิดลที่ผ่านมา ซึ่งเน้นเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้ป่วย ตลอดจนการดูแลผู้สูงอายุ และส่วนตัวพระองค์ได้ปฏิบัติการดูแลคนรอบข้างอย่างไร ทรงรับสั่งว่า ในการนี้พระองค์ทรงดูแลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องของพระวรกาย ซึ่งมีคณะแพทย์ของโรงพยาบาลศิริราช ดูแลในทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นโรคปอด โรคกระเพาะอาหาร จะมีคณะแพทย์ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด รวมไปอาการพระสมองก็มีคณะแพทย์คอยดูแล แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คณะแพทย์ที่ถวายการดูแลอย่างตั้งใจ และเต็มร้อย จึงเชื่อว่าจะดูแลได้ดี ที่ผ่านมาได้เห็นคณะแพทย์ทุกคนตั้งใจที่จะถวายงานให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว แต่อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือ การถวายพระทัย อย่างคนสูงอายุ ไม่ควรปล่อยให้เหงา ควรจะมีลูกหลาน และญาติพี่น้องไปเยี่ยม ไปคุย ไปถามไถ่ทุกข์สุข ก็จะช่วยให้พระองค์ท่านสบายพระทัย และทรงมีความสุขขึ้น
สำหรับพระอาการล่าสุดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งว่า ทรงแจ่มใสดี แต่ทรงมีปัญหาในเรื่องการพระดำเนินค่อนข้างลำบาก ใช้แขนขาลำบาก เพราะว่ามีหลายพระโรคที่ต้องดูแล ตอนนี้แพทย์กำลังดูแลในเรื่องการใช้แขน ขา ของพระองค์ท่าน ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องสมองด้วย มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา เพราะว่าเกี่ยวกับระดับน้ำในโพรงใต้สมอง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ รวมไปถึงการถวายยา เพื่อป้องกันพระอาการช็อก และไม่ให้เกิดเลือดออกในพระสมองอีก โดยปัจจุบันไม่มีเลือดออกแล้ว แต่ต้องเฝ้าดูแลท่านทุกแง่ ทุกมุม ดูแลด้วยความละเอียดอ่อน สิ่งสำคัญที่สุดต้องทำให้พระองค์ทรงมีกำลังพระทัย ที่ผ่านมาสมเด็จพระบรมโอร สาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จมาให้กำลังพระทัยบ่อย ๆ ในเวลาที่ทรงว่าง รวมไปถึงคณะแพทย์ก็มาถวายพระทัยตลอด มาพูดคุยให้ทรงเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังทรงรับสั่งเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ช่วงก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระอาการประชวร เสด็จเปิดเขื่อนทั้ง 5 แห่ง ที่กรมชลประทาน และมีกำหนดจะเสด็จพระราชดำเนินไปยัง จ.ราชบุรี แต่ต้องยกเลิก เพราะทรงมีอาการประชวรก่อน พระองค์ทรงรับสั่งว่า ทรงเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วม น้ำจะท่วมไหม ถ้าท่วมคงจะท่วมน้อยกว่าปีที่แล้ว ทรงเป็นห่วงเรื่องนี้อย่างมาก
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ยังทรงพระราชทานคำแนะนำการใช้ชีวิตและทรงเชิญชวนทุกคนร่วมบริจาคเงินสมทบทุน โรงพยาบาลศิริราชว่า ขอให้ทุกคนใช้การดำเนินชีวิตอยู่ในปัจจุบันให้ดีที่ที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด อย่ากังวลกับอดีตที่ผ่านไปแล้วและแก้ไขไม่ได้ อย่าคาดหวังกับอนาคตที่มาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วชีวิตเราจะดีเอง สำหรับแพทย์พยาบาลควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ การดูแลผู้ป่วยให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับคนทั่วไปที่สามารถทำปัจจุบันให้ดีที่สุด โดยการสร้างบุญ สร้างกุศล เช่น รายการมหิดล เป็นรายการที่หาทุนให้โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุด และเป็นโรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยผู้ยากไร้มากมาย ในช่วงเช้า 6-7 โมง จะมีคนไข้มานอนรอหมอจำนวนมาก บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด หวังจะพึ่งหมอศิริราช คนไข้เหล่านี้ล้วนเป็นคนไข้ที่ไม่มีเงิน ซึ่งทางโรงพยาบาลต้องรับดูแล โดยรับภาระค่าใช้จ่ายของคนไข้ตรงนี้ จึงอยากเชิญชวนผู้มีอันจะกิน และอยากทำกุศล อยากให้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลศิริราช เพื่อดูแลผู้ป่วยผู้ยากไร้ คนมีมากก็บริจาคมาก คนมีน้อยถ้าอยากบริจาคน้อยก็ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวเสียหน้า เพราะว่าบุญที่ได้อยู่ที่เจตนาของเรา สมมุติเรามีเงินอยู่แค่ 10 บาท เราอยากทำบุญ จึงแบ่งเงินมาทำบุญ 5 บาท ซึ่งบุญที่ได้จะสนองเราเต็มร้อยแน่ ๆ เพราะฉะนั้นขอเชิญชวนทุกท่านทำบุญ เพื่อช่วยเหลือคนไข้ที่ยากไร้ และตัวท่านเองก็จะได้รับอานิสงส์ในรูปแบบที่มีอายุยืน มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีความสุข ความเจริญกันถ้วนหน้า ถ้าทุกคนช่วยกันบริจาค
ส่วนบรรยากาศ ที่ศาลาศิริราช 100 ปี ตลอดทั้งวันยังคงมีพสกนิกรทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเดินทางมาแสดงความจงรักภักดีและถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อย่างต่อเนื่อง โดยนำพวงมาลัยและแจกันดอกไม้มาทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อขอให้ทั้งสองพระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร มีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ เป็นมิ่งขวัญของคนไทยสืบต่อไป.
Share:

อดีตลูกจ้างทหารนอนกอดปืนตายปริศนาหน้าบ้าน


วันนี้ ( 11 ต.ค.)  ร.ต.ท.จรินทร์  เที่ยงธรรม  ร้อยเวรสภ.จอมบึง  จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 114  หมู่ 14  บ้านหนองน้ำใส  ต.รางบัว  อ.จอมบึง  จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชัยยุทธ  ถมยา  ผกก.สภ.จอมบึง  พ.ต.ท.นพดล  ปิ่นนิล  รองผกก.ป.สภ.จอมบึง  และ พ.ต.ท.สุวัฒน์   ปัทมาฐิตานนท์  รองผกก.สส.สภ.จอมบึง   ได้รับทราบก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทยฺเวรโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช  และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านพบศพเป็นชายทราบชื่อต่อมาคือนายวิเชียร  แสงน้ำรัก  อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2398/22  ถ.พหลโยธิน  แขวงเสนานิคม  เขตจตุจักร  กรุงเทพฯ  เป็นอดีตลูกจ้างกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก   สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดพร้อมกับกอดอาวุธปืนลูกกรดยาวติดลำกล้องไว้ด้วย  ที่บริเวณปากมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิง  นอกจากนี้ยังพบกล่องลูกปืนขนาด .22  จำนวน 2 กล่องภายในบรรจุกระสุนไว้เต็มทั้งสองกล่อง และกระเป๋าหนัง สำหรับใส่ลูกกระสุนปืน จำนวน 2 ใบ อยู่ข้างตัวผู้เสียชีวิต ตรวจสอบภายในห้องนอนพบรอยเลือดกระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และรื้อค้นแต่อย่างใด
 จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านที่เกิดเหตุ หลังจากเกษียณอายุราชการออกมา ส่วนภรรยาและลูกๆนั้นอยู่ที่กรุงเทพ ก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านในละแวกใกล้กันได้นำกล้วยมาให้ผู้ตาย  เมื่อมาถึงหน้าบ้านพบว่าผู้ตายนอนกอดปืนอยู่บนโซฟาหน้าบ้านและมีเลือดไหลนองเต็มพื้น   จึงได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว 
ในเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นยิงตัวตายเอง  เนื่องจากอาวุธปืนนั้นเป็นปืนลูกกรดขนาดยาว และยังพบกล่องลูกปืนที่ข้างตัวด้วย ซึ่งอาจจะถูกผู้อื่นเข้ามายิง  แล้วผู้ตายพยายามที่จะติดตามออกมาไล่ยิงตามหลังแต่มาสิ้นใจตายเสียก่อน  ซึ่งจะได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์เพื่อหากระสุนปืนที่ฝังในลำตัวว่ามีขนาดเดียวกับที่พบในกล่องข้างตัวผู้ตายหรือไม่ และถ้าพบว่าไม่ใช่ก็จะต้องติดตามหาตัวผู้ที่มาก่อเหตุมาดำเนินคดีด้วย
Share:

แม่ค้าขายธงชาติโดนกระชากกระเป๋าสูญเงินกว่า 7 แสน


วันนี้( 10 ต.ค.) ร.ต.อ.นิกร เฮ้าบุญ พงส.( สบ 1 ) สน.หนองแขม รับแจ้งผู้หญิงถูกกระชากกระเป๋า ภายในซอยหมู่บ้านหรรษา ซอยเพชรเกษม 81/6 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบ น.ส.ลักขณา กิจรัชชานนท์ อายุ 47 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมให้การว่า ประกอบธุรกิจค้าขายธงชาติทุกประเทศ ได้เดินทางมาทานอาหาร และตรวจสอบงานที่จ้างให้ตัดธงชาติภายในซอยดังกล่าว ระหว่างที่เดินอยู่ได้มี จยย.นั่งซ้อนกันมา ขับมาด้านซ้ายมือ กระชากกระเป๋าถือยีนส์ สีน้ำเงิน ออกไปจากมือซ้าย จนล้มกระแทกลงกับพื้น ได้รับบาดเจ็บที่ศอกซ้าย และหัวเข่าขวา ภายในกระเป๋ามี สร้อยคอทองคำ 5 บาท 1 เส้น สร้อยทองข้อมือ 1 เส้น แหวนน้ำหนัก 1 สลึง  5 วง พระเลี่ยมทองคำ 3 องค์ เช็คกว่า 10 ใบ มูลค่าประมาณ 3 แสนกว่าบาท เงินสด 6 หมื่นบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 7 แสนบาท

ร.ต.อ.นิกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงพบ รถจยย. ฮอนด้า คลิก สีส้มดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน คนขับ และคนซ้อนเป็นชายรูปร่างสันทัดสวมหมวกกันน๊อค  วิ่งผ่านมา จึงได้ประสานขอภาพที่จับคนร้ายได้ส่งมอบให้กับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป  
Share:

ปคบ.รวบพ่อเล้าหลอกสาวค้ากามญี่ปุ่น


วันนี้( 10 ต.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม.  แถลงจับกุม นายนิรันด์ พันธุ์เสงี่ยม อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ ไทย-ญี่ปุ่น ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1035/2555 ลงวันที่ 25 ก.ค.โดยสมคบและร่วมกับนายจักรพันธุ์ วัชรพินธุ์ หรือแจ๊ค ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. จับกุมดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ไปแล้วก่อนหน้านี้  โดยจับกุมได้ที่ย่านสุขุมวิท
พล.ต.ต.ชวลิต  กล่าวว่า  สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 54 นางสาวตา (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่นให้รอดพ้นจากการถูกบังคับค้าประเวณี ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ว่าเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 54 ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับนายนิรันด์ ผู้ต้องหา  เพื่อจะทำไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านคาราโอเกะ มีรายได้เดือนละ 680,000 บาท แต่เมื่อเดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่น นายนิรันดร์ ได้พาเดินทางไปยังเมืองมัตสุโมโต้ จังหวัดนากาโน่ เพื่อส่งให้กับนางอรชร ฮายาชิ  และชายชาวญี่ปุ่นชื่อนายฮายาชิโอ๊ะ  จากนั้นถูกบังคับให้ค้าประเวณีกับขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติไทย-ญี่ปุ่น   โดยหลังจากนี้จะมีการขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนนายนิรันดร์  ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าพาผู้เสียหายไปประเทศญี่ปุ่นจริง  แต่ไม่ได้มีบังคับให้ค้าประเวณีและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ โดยได้พาผู้เสียหายเดินทางไปส่งที่สนามบินนารีตะ ประเทศญี่ปุ่น และนั่งรถไฟต่อไปเมืองนากาโน่ จากนั้นส่งตัวให้นางอรชร ก็เดินทางกลับโดยทันที  ซึ่งตนเองถูกนายแจ๊คหลอกให้พาผู้เสียหายไปพบญาติที่ญี่ปุ่น ส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่ขอเปิดเผยพร้อมเตรียมสู้คดีในชั้นศาล  จึงแจ้งข้อหาสมคบกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปเพื่อค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีโดยการใช้อุบายหลอกลวง หน่วงเหนี่ยวกักขัง ขู่เข็ญ ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมโดยใช้วิธีข่มขืนใจโดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือพาไปเพื่อบังคับให้หญิงนั้นค้าประเวณี
Share:

ยิงร้านแต่งรถจยย.ย่านดินแดงดับ1 เจ็บอีก3


เมื่อเวลา 02.05 น.วันนี้( 11 ต.ค.) พ.ต.ท.คำพันธ์ แสนทวีสุข พงส.(สบ2)สน.ดินแดง ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงที่ร้านซ่อมรถจยย.ไม่มีชื่อ บ้านเลขที่ 5947 ถนนอโศก-ดินแดง แขวงและเขตดินแดง  จึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์1 คูหา สูง 4 ชั้น เปิดเป็นร้านซ่อมรถจยย. ที่หน้าร้านมีเศษขวดเบียร์แตกกระจายเป็นจำนวนมาก ภายในร้านพบ นายอาทิตย์ หรือดุ่ย ประพฤติชอบ อายุ 20 ปี ช่างซ่อมรถประจำร้าน นาย แบงค์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักแข่งรถของร้านดังกล่าวซึ่งเคยมีดีกรีแชมป์หลายสนาม และนายอธิ หรือแอม บุญสิน อายุ 24ปี เป็นเพื่อนของรุ่นพี่นายอาทิตย์ ขณะกำลังรอให้การต่อทางเจ้าหน้าที่
นายอาทิตย์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังนั่งซ่อมอะไหล่รถจยย.อยู่ในร้าน เพื่อเตรียมรถไปแข่งทางตรงรุ่น125 ซีซี ระยะทาง 402 เมตร ในวันที่13 ต.ค. ที่สนามเทพนคร  ย่านถนนพระราม 2 จ.สมุทรสาครเพื่อ ชิงถ้วยพระราชซึ่งที่ร้านของตนเพิ่งจะได้ที่1 มาในสนามที่แล้ว โดยมี นายแบงค์ และนายอธิ เพื่อนรุ่นพี่ที่มาหาที่ร้านนั่งเล่นอยู่ด้วยกันที่ชั้นล่าง และเห็นว่าดึกแล้วจึงได้ปิดประตูร้าน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรถจยย.หลายคันบิดมาที่หน้าร้านแล้วมีเสียงขวดแตกอยู่ด้านหน้าร้าน จึงเดินออกมาดูก็เห็นวัยรุ่นประมาณ10 คน ขี่รถจยย.ประมาณ 4 คันโยนขวดเบียร์มาที่หน้าร้านก่อนขับรถหนีไป ห่างกันไม่นานทั้งหมดก็กลับมาขว้างขวดเบียร์ใส่หน้าร้านอีก จึงวิ่งขึ้นไปแอบดูอยู่ที่ชั้นสอง พอเวลาผ่านไปไม่นานกลุ่มจยย.ดังกล่าวก็วนรถกลับมาอีกรอบคราวนี้ได้ยินทั้งเสียงขวดและเสียงดังคล้ายระเบิด เบื้องต้นไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร เพราะไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน และไม่รู้จักพวกก่อเหตุด้วย แต่จะเกี่ยวกับการแข่งขันรถหรือไม่ไม่ทราบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยรอบ ปรากฏว่า บนทางเท้าห่างจากร้านออกไปประมาณ 20 เมตรพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และห่างออกไปกว่า 200 เมตรที่พื้นผิวถนนบริเวณหน้าปากซอยสุทธิพร 3 พบคราบเลือดเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงทำการประสานไปยังโรงพยาบาลข้างเคียงว่ามีใครได้รับบาดเจ็บเข้ามารักษาตัวหรือไม่ ก่อนพบว่าที่ รพ.ราชวิถี มีคนถูกยิงเข้ามารักษาตัวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อ นายทวีศักดิ์ หรือโอเล็ก แก้วเชิด อายุ 20 ปี หลานชายเจ้าของร้านสกรีนเสื้อแห่งหนึ่งในซอยประชาสงเคราะห์12 อยู่บ้านเลขที่ 105/1 ซอยเพ็ญและเพื่อน แขวงและเขตดินแดง ซึ่งถูกยิงด้วยอาวุธปืนยังไม่ทราบขนาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะ 1 นัด นายนพ (นามสมมติ) อายุ 16ปี ถูกยิงที่หน้าอกทะลุปอดอาการสาหัส และนายมงคลศักดิ์ หรือหมู นึกสูงเนิน อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1446 ถนนดินแดง แขวงและเขตดินแดง ถูกยิงที่บั้นท้าย 1 นัด นอกจากนี้ยังได้รับการประสานว่ามีผู้บาดเจ็บได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าอีก 1 ราย ทราบชื่อ นายพรชัย หรือบูม อินทร์แก้ว อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1243 ซอยสุทธิพร แขวงและเขตดินแดง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รอง ผบก.น.1 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า มีกลุ่มคนร้ายวัยรุ่นประมาณ 10 คน ขี่รถจยย. ประมาณ 4 คันมาขว้างปาขวดเบียร์ใส่หน้าร้านซ่อมรถดังกล่าวซึ่งเป็นของนายปุ๊ (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) หลายรอบ กระทั่งรอบสุดท้ายได้มีการเข้าไปทำร้ายร่างกายกันถึงในร้าน และมีเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด จนทำให้ฝ่ายของนายทวีศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ อยู่ระหว่างสอบสวนทั้งสองฝ่าย และพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ รวมทั้งนายปุ๊ด้วย เพราะขณะเกิดเหตุนายปุ๊ไม่อยู่ที่ร้าน ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุทราบว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ตายเคยมีเรื่องกับทางร้านของนายปุ๊เกี่ยวกับอะไหล่ซ่อมรถจยย.ทำให้กลุ่มผู้ตายเกิดความไม่พอใจ จนมีเรื่องชกต่อยกันที่ร้านไปดังกล่าวมาก่อนแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระทั่งกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง แต่ตอนแรกนายอาทิตย์ยังไม่กล้าเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ จนถูกเค้นมากเข้าจึงยอมเปิดปากรับว่าที่ร้านเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มผู้ตายมาก่อนแล้ว และเมื่อกลางดึกก็ได้มีการเข้าไปทำร้ายร่างกายกันภายในร้านอีกด้วย แต่ยังไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนลงมือยิงกลุ่มผู้ตาย เพราะเจ้าหน้าที่ยังไม่พบอาวุธปืนของกลาง และไม่พบปลอกกระสุนภายในร้านแต่อย่างใด
พ.ต.อ.พจน์ เผยต่ออีกว่า ในช่วงสายของวันนี้จะนำคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปตรวจหาเขม่าดินปืนเพื่อหาตัวคนก่อเหตุยิงนายทวีศักดิ์เสียชีวิต และผู้ที่ ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้จะให้ฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบเพื่อหากลุ่มที่เข้าไปก่อเหตุว่าเป็นใครบ้าง เพื่อจะได้ขออนุมัติออกหมายจับต่อไป ส่วนนายหมูขณะนี้ได้ย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจแล้ว  นายนพยังคงรักษาตัวอยู่ที่รพ.ราชวิถี และนายบูม ทางแพทย์ให้กลับบ้านได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเรียกมาสอบปากคำอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงสายคดีน่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น  ทั้งนี้เรื่องปูมเหตุคดีนี้ไม่น่ามีความเกี่ยวข้องกับการแข่งขันรถจยย.ในสนามแต่อย่างใด.
Share:

แห่ขอเลขเด็ดวิญญาณเฮี้ยนผัวถูกฆ่าหั่นศพ


จากกรณีที่ น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี เมียสาว ที่มีอาการคลั่งจากฤทธิ์ยาบ้า ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ นายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี อดีตดีไซเนอร์ ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว ที่ห้องพักเลขที่ 714 ชั้น 7 ธิติวงศ์อพาร์ตเมนต์ ซอยบางขุนนนท์ 12 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. ก่อนชำแหละชิ้นส่วนยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ตัดศีรษะโยนทิ้งคลองบางกอกน้อย ต่อมาจึงเกิดเรื่องสยองขวัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมห้องผู้ต้องหาพบว่ากระเป๋าของกลางที่ใส่ศพ นายประสิทธิ์ ขยับลากไปเองได้ และเมียสาวพบร่างไร้หัวสามีลอยร้องไห้อยู่นอกห้องขัง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า วันนี้( 10 ต.ค.) พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล ผกก.สน.บางขุนนนท์ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อาจเพราะเจ้าหน้าที่มีความอ่อนเพลีย แต่ไม่ขอลบหลู่ ส่วนกระเป๋ายังคงวางอยู่ที่เดิมภายในห้องขังเพื่อรอกองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม วันที่ 13 ต.ค. นี้ ซึ่งตรงกับวันตำรวจ จะทำบุญเลี้ยงพระพอดี แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าใบดังกล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศบริเวณหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหา มีกลุ่มแม่ค้า พ่อค้า และชาวบ้านที่ได้ยินเรื่องกระเป๋าสยองขวัญดังกล่าว มาขอดูเพื่อหวังจะขอเลขเด็ด เพราะความเฮี้ยน แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตเนื่องจากกระเป๋าดังกล่าวเป็นวัตถุพยานซึ่งมีผลต่อรูปคดี 
Share:

บุกจับ5เกาหลี ลอบเปิดเว็บรับแทงฟุตบอล-กีฬาทั่วโลก


วันนี้( 10 ต.ค.) พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ทิฆัมพร ศรีสังข์ ผกก.2 บก.สส.สตม.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม.นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ ค.380/2555 ลงวันที่ 10 ต.ค. เข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 599/30 หมู่บ้านกลางกรุงซอย 1 ถนนนนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา หลังสืบทราบว่า มีแก๊งชาวเกาหลีใต้ใช้บ้านหลังดังกล่าวลักลอบเปิดเป็นบ่อนการพนันออนไลน์
 
บ้านหลังดังกล่าวเป็นทาวน์โฮมหรูสูง 4 ชั้น จากการตรวจสอบบริเวณชั้น 2 ของบ้านพบนายลิม เคียว จิน อายุ 24 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ รับเป็นเจ้าของบ้าน ขณะเดียวกันก็พบชาวเกาหลีใต้อีก 4 คน ประกอบด้วยนายโฮดองยัง นายคิมวูยุก นายลีฮุนจุน และนายลียองปาย นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ 4 เครื่อง กำลังแบ่งหน้าที่กันรับแทงพนันฟุตบอลกับการพนันกีฬาชนิดอื่นๆ ผ่านเว็บไซด์ www.ScoreNARA.com และคิดเงินในบัญชีของลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมพร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ จำนวน 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และแท็บเล็ตอีก 1 เครื่อง
 
พ.ต.อ.ชาติชาย เปิดเผยว่า การเข้าจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้รับการประสานจากตำรวจสากลว่า มีชาวเกาหลีใต้จำนวน 22 คน หลบหนีการจับกุมออกมาจากประเทศกัมพูชา และเข้ามาลักลอบเปิดเว็บไซด์รับแทงพนันฟุตบอลและกีฬาอื่นๆในประเทศไทย จึงทำการตรวจสอบจนกระทั่งพบว่า มีชาวเกาหลี รวมกลุ่มเข้ามาพักอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าว เมื่อนำกำลังมาตรวจสอบก็พบว่า บ้านหลังดังกล่าว มีชาวเกาหลีเข้าออกจากบ้านหลายคน รวมทั้งมีการใช้ม่านปิดตามหน้าต่าง ใช้ตัวหนีบปิดช่องว่างทุกช่องไว้เป็นอย่างดี จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าวก็พบผู้ต้องหาทั้ง 4 คน กำลังแบ่งหน้าที่กันรับแทงและคิดบัญชีเงินของลูกค้า จึงเข้าจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีเกินกว่า 10 ล้านบาท

พ.ต.อ.ชาติชาย กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นนายลิมเคียวจิน อ้างว่า เช่าบ้านหลังดังกล่าวพักอาศัยมาแล้ว 7 ปี โดยทำอาชีพนำทัวร์ ส่วนเพื่อนอีก 4 คน เพิ่งเข้ามาขอพักอาศัยที่บ้านเพื่อทำเว็บไซด์รับแทงพนันฟุตบอลได้ประมาณ 2 เดือน จึงแจ้งข้อหาชักชวนให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พร้อมทั้งจะทำการตรวจสอบว่าผู้ต้องหาทั้ง 5 คนอยู่ในกลุ่ม 22 คนที่หลบหนีออกมาจากกัมพูชาหรือไม่ นอกจากนี้จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง คือทำการยกเลิกวีซ่า พร้อมทั้งขึ้นบัญชีดำ ก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
Share:

Disqus Shortname

Comments system

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 095-954-4524

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

Blog Archive

Post Top Ad

คลังบทความของบล็อก

Author Details

Menu - Pages

Business

Random Posts

Recent

Popular

Blog Archive